Sunday, December 7, 2014

۞ Amulet Classic ۞ [Chapter XXXVII]


Chapter XXXVII





"แต่คนสำคัญที่สุดของชั้นน่ะยังไงก็ต้องไม่เป็นไร"

ยังไม่ทันทีริมฝีปากของทั้งสองจะได้สัมผัสกันแทงกูก็รู้สึกถึงแรงผลักเบาๆที่ช่วงไหล่เล็ก
ส่งผลให้เรียวคิ้วบางถูกยกขึ้นเล็กน้อยเชิงแปลกใจ ที่ถูกเจสสิก้าปฏิเสธสัมผัสอย่างนี้

"บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าพยายามหลอกชั้น เพราะมันไม่ได้ผลหรอก"
เสียงเล็กแหลมเอ่ยเชิงตำหนิอีกฝ่ายอย่างห้ามไม่ได้ ก็ดูสิสิ่งที่พูดกับสิ่งที่ทำน่ะมันสอดคล้องกันบ้างไหม
เจสสิก้าไม่รู้สึกเลยจริงๆว่าตอนนี้เธอเองนั้นจะยังหลงเหลือความสำคัญต่อแทงกูอยู่

แทงกูนิ่งไปเล็กน้อยคิ้วเรียวที่เคยถูกยกขึ้นนั้นก็เริ่มขมวดเข้าหากัน เจสสิก้าพูดอะไรประมาณนี้ออกมาอีกแล้ว
ซึ่งแทงกูเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเจสสิก้าถึงได้พูดออกมาแบบนี้อีก ทั้งๆที่เธอก็เคยบอกย้ำเค้าไปแล้วนี่ ว่าอย่างไรเสียแทงกูก็มีเจสสิก้าเพียงคนเดียว

"ปากเธอ...พูดว่าชั้นสำคัญที่สุด แล้วเมื่อคืนน่ะหัวใจเธอพาร่างกายเธอไปไหนมาเหรอแทงกู... ถึงได้ไม่รู้อะไรเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนที่เธอบอกว่าสำคัญที่สุดอีกน่ะ"
เจสสิก้าเอ่ยนิ่งๆราวกับไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งๆที่ความจริงแล้วทุกความรู้สึกนั้นมันตรงกันกับสิ่งที่แสดงออกมาทุกอย่าง
ไม่ได้อยากถามออกไปแบบนั้นเป็นการตอกย้ำตัวเองว่าความสำคัญลดลงจนแทบไม่หลงเหลือ แต่ทำไงได้ในเมื่อแทงกูก็ชอบพร่ำบอกอยู่อย่างนี้
...ชั้นคงจะรู้สึกดีกว่านี้หากคำๆนั้นมันออกมาจากความรู้สึกของเธอจริงๆ...

"เอ่อ...ก็...เรื่องนั้นชั้นขอโทษ ก็ชั้นไม่คิดว่าเธอจะออกไปข้างนอกเองนี่"
แทงกูพยายามหาข้อแก้ตัวที่ให้ฟังยังไงก็ฟังไม่ขึ้นอยู่ดี ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเรื่องนี้เธอเองนั้นแหละที่ผิดเต็มประตู
ก็ถ้าหากเมื่อคืนไม่มัวแต่กินเด็กเอร็ดอร่อยจนตัดขาดจากทางโลกแบบนั้นเธอก็คงกลับมาช่วยเจสสิก้าได้ทัน
แต่ในเมื่อมาช่วยไม่ทันแถมยังไม่รู้เรื่องอะไรอีกแบบนี้ให้ตายยังไงแทงกูก็ผิดเต็มประตู
ไม่ว่าจะในฐานะอะไรจะเป็นเพื่อนเป็นคนสำคัญหรือผู้ร่วมคำสาบาน...
แต่ทุกอย่างถูกกำหนดมาแล้วว่าแทงกูต้องดูแลเจสสิก้าให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

"เหตุผลของเธอฟังดูดีจังเลยเนอะ"
สุดท้ายหยดน้ำใสๆก็ไหลรินออกมาจากดวงตาคู่สวยพร้อมกับน้ำเสียงที่สั่นระริก เพียงแค่ได้ยินคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลยจากคนตัวเล็กตรงหน้านี้
ความรู้สึกที่เคยพยายามสะกดกลั้นเอาไว้ก็พรั่งพรูออกมาอย่างห้ามไม่ได้อีกต่อไป ทำไมคำว่าขอโทษของแทงกูนั้นถึงฟังแล้วมันเจ็บปวดหัวใจขนาดนี้กัน
...ไปกับยุนอาก็พูดออกมาสิ ทำไมยอมรับมาตรงๆ ทำไมไม่ยอมรับความรู้สึกของตัวเองสักทีว่ายุนอาน่ะสำคัญที่สุดสำหรับเธอ ไม่ใช่ชั้น...

할 수 있는 건 눈물밖엔 없지만 [ฮัล ซู อิดนึน กอน นุนมุลพาเกน ออบจีมัน] 
ถึงสิ่งที่ฉันทำได้จะมีเพียงร้องไห้ 

바보처럼 기다릴 뿐이죠 [พาโบชอรอม คิดารึล ปูนีชโย]
แต่ฉันก็ยังคงรอคุณเหมือนคนโง่

내게로 그만 와줘요 [แนเกโร คือมัน วาชวอโย]
ได้โปรดกลับมาหาฉัน

이대로 내게 와줘요 [อีแดโร แนเก วาชวอโย]
ได้โปรดกลับมาหาฉันตอนนี้

내 마지막 소원 [แน มาจีมัก โซวอน]
ความหวังเดียวที่ฉันเหลืออยู่

난 그대라는 한 사람 [นัน คือแดรานึน ฮัน ซารัม]
ก็คือใครคนนั้น ที่เรียกว่าคุณ

...Jessica That One Person, You...


.


ยุนอาทิ้งกายลงบนเตียงนุ่มของตัวเองอย่างเหนื่อยล้า พลางยกมือขึ้นมาลูบลำคอของตัวเองอย่างหนักใจ
รอยแดงน้ันที่แทงกูฝากไว้ยังคงเด่นชัดอยู่อย่างเดิมจนทั้งเธองเองและซอฮยอนจนปัญญา
สุดท้ายยุนอาก็ถูกซอฮยอนไล่ขึ้นห้องมาพักผ่อนก่อนเดี๋ยวร่างเพรียวนั้นจะลองค้นข้อมูลให้ดูอีกที
มือเรียวอีกข้างถือเครื่องมือสื่อสารไว้หลังจากที่พยายามติดต่อแทยอนแล้วแต่สาวเจ้าก็ไม่ยอมรับสาย
ทักแชทไปก็ไม่ตอบ ยุนอาจึงทำได้เพียงถอนหายใจออกมาเฮือกแล้วเฮือกเล่า จะให้พักผ่อนได้ไงจะหลับตายังหลับไม่ลง
ทั้งที่จริงๆแล้วยุนอาก็ไม่แน่ใจว่าทำไมเธอถึงต้องซีเรียสขนาดนี้ ให้มาคิดดูดีๆแล้วแทยอนก็ไม่เคยว่าอะไรเรื่องแบบนี้เลย แถมยังชอบพูดว่าเธอน่ะดีเกินไปเสียอีก
นอนกลิ้งไปกลิ้งมาสมองก็เอาแต่คิดนู้นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อย จนเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เรียกให้เจ้าของห้องเด้งตัวขึ้นจากเตียงขนาดคิงไซต์สาวเท้าไปยังประตูบานหรู
คงเป็นซอฮยอนเอาสารอะไรมาให้ทดลองแหละมั้ง คิดได้ดังนั้นมือเรียวก็ถูกส่งไปปลดล็อคประตู


!!!


"พี่แทยอน...!"
ยุนอาอุทานออกมาอย่างตกใจ มือเรียวที่เคยกำลูกบิดประตูบานหรูก็ถูกชักกลับไปกุมลำคอของตัวเองด้วยความไวแสง
...อะไรกันเนี่ยโทรไปไม่รับแถมนึกจะโผล่มาก็มาแบบนี้ แกล้งกันชัดๆ... ร่างสูงได้แต่สบถอยู่ในใจอย่างนั้น

"ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วยห้ะ"
สองมือเล็กยกขึ้นเท้าสะเอวกับปฏิกิริยาของอีกฝ่าย สองขาเรียวก็สาวเท้าก้าวเข้าห้องของร่างสูงไปพลางใช้สะโพกมนดันประตูให้ปิดลงตามเดิม

"ก็...ไม่คิดมาพี่จะมานี่เร็วขนาดนี้ เห็นโทรไปไม่รับนึกว่าติดธุระ"
ยุนอาพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปรกติที่สุดถึงแม้ในใจจะกระวนกระวายสุดๆก็เถอะนะ
ว่าแล้วก็ทิ้งกายลงบนเตียงอีกครั้งโดยเลือกจะนอนตะแคงให้รอยแดงนั้นถูกกดทับไว้ด้านล่าง ดวงตาเรียวก็จับจ้องกายเล็กที่คืบคลานเข้ามาใกล้
แม้ในใจจะอยากรู้ว่าถ้าแทยอนเห็นรอยนั้นจะเกิดอะไรขึ้นแต่ยุนอาก็ยังไม่กล้าพอที่จะให้แทยอนเห็นอยู่ดี

แทยอนที่คลานขึ้นเตียงนุ่มของยุนอามานอนตะแคงหันหน้าเข้าหาร่างสูงอย่างใกล้ชิดนั้นก็ขยับแตะริมฝีปากเข้ากับส่วนเดียวกันแผ่วเบา
จนรู้สึกได้ถึงแรงดูนดุนน้อยๆที่กลีบปากล่าง ยุนอาไม่เคยอดใจไหวอยู่แล้วแค่ได้ใกล้ชิดร่าสูงเผยอริมฝีป้อนความหอมหวานให้กับอีกฝ่ายอย่างรักใคร่
ร่างเล็กก็ขยับจูบตอบไปอย่างไม่ยอมแพ้ มือเล็กถูกยกขึ้นมาลูบไล้แก้มนุ่มของคนอายุน้อยกว่าอย่างหลงใหลเช่นทุกครั้ง

เมื่อยั่วเด็กจนพอใจแล้วแทยอนจึงผละจูบออกมากระซิบชิดริมฝีปาก
"ซ่อนอะไรไว้คิดว่าพี่ไม่รู้เหรอ ยุนอา" 0.0! ยุนอาเบิกตาโพร่งทันที รู้ได้ไง? เห็นเหรอ?  มองทันด้วยเหรอ
ภายในความคิดนั้นตีกันรวนจนร่างสูงนั้นทำได้เพียงนิ่ง สบตากับคนรักอยู่อย่างนั้น
...เจอแบบนี้ก็คิดคำตอบไม่ทันสิคะ ><...

"พี่รู้?" ถามออกไปเพื่อแน่ใจว่าแทยอนนั้นรู้เรื่องอะไรกันแน่ แต่ตอนนี้เท่าที่ยุนอานึกออกเธอก็ซ่อนแทยอนไว้อยู่แค่อย่างเดียวนี่นา
คิดแล้วก็ไม่อยากเดาเลยว่าจะเจอกับอะไร แทยอนจะมาไม้ไหนอีกล่ะเนี่ย แล้วนั่นยิ้มอะไร >< ทุกกิริยาของแทยอนดูน่าหวั่นเกรงเป็นที่สุดในตอนนี้เวลาแบบนี้...

"เมื่อคืนถูกใจหรือเปล่า" 0.o เอ่อ...คำถามนี้... ยุนอารู้สึกเหมือนอยากจะกัดลิ้นตัวเองตายเสียจริงๆเลย จะกล้าตอบไปได้ไงล่ะ ว่าถูกใจสุดๆเลย
ว่าแต่แทยอนถามมาขนาดนี้นั่นหมายความว่าแทยอนจะรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับแทงกูด้วยหรือเปล่าเนี่ย
ยุนอาก็แค่เกรงว่าแทยอนอาจจะไม่พอใจหากได้รู้ว่าลับหลังเค้านั้นเธอก็หลีใส่แทงกูสุดพลังเช่นกัน

แต่รอยยิ้มมุมปากที่ยังคงปรากฎอยู่บนใบหน้าของแทยอนนั้นยังคงพาให้ยุนอาเดาไม่ออกว่าคนตัวเล็กจรงหน้านี้คิดและรู้สึกอะไรอยู่กันแน่
ก็เรื่องที่เธอได้ทำเอาไว้เมื่อคืนก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีสำหรับแทยอนเลยนี่นา
แล้วทำไมสิ่งที่แทยอนแสดงออกมาในตอนนี้ถึงได้เห็นแล้วรู้สึกว่าร่างเล็กนี้กำลังพึงพอใจหรือชอบอกชอบใจอะไรอยู่อย่างนั้นแหละ หรือว่าแทยอนจะหมายถึงเรื่องอื่นงั้นเหรอ?
ยุนอาพยายามนึกซ้ำไปซ้ำมาว่าเมื่อนี้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกอย่างนั้นเหรอ แต่ให้นึกอย่างไรภาพของแทงกูก็ยังคงชัดเด่นหราออกมาในความคิดอยู่ดี

"ยิ้มอะไรขนาดนั้นคะ ทำอย่างกับไปเจออะไรดีๆมาอย่างนั้น"
เมื่อยังไม่กล้าคิดเองเออเองว่าแทยอนจะพูดถึงเรื่องระหว่างเธอกับแทงกูจริงๆ ยุนอาจึงเลือกที่จะทำซึนหน้าซื่อต่อไปเผื่อว่าแทยอนอาจจะเป็นคนเปิดประเด็นออกมาเอง

แทยอนย่นคิ้วเล็กน้อยอย่างนึกแปลกใจที่ได้เห็นแววตาใสแป๋วแบบนั้นของเด็กร่างสูง นี่ยุนอาจำไม่ได้หรือไม่ได้จำ หรือมันไม่มีค่าพอจะให้ยุนอาจำ?
คำตอบก็ไม่ได้รับแถมยังถูกถามกลับแบบนี้ ถึงจะเป็นแทยอนก็มีสิทธเงิบได้เช่นกัน
...มาทำใสซื่อใส่แบบนี้ชั้นจะไปต่อยังไงได้เล่า ไอ้เด็กบ้านิ...

แกร๊ก~ฟลึบ!

"ไอ้ยุน!!แกได้กะ...[OoO] แทยอน!? " -3-" ฟู่ว~ไอ้น้องบ้านี่ ไม่ได้อยู่คนเดียวก็ไม่คิดจะบอกก่อนเลย
ยูริที่จู่ๆก็พุ่งพรวดเข้ามาในห้องของน้องสาวอย่างเร็วไวเมื่อได้รู้จากซอฮยอนมาว่ายุนอาเพิ่งกลับมาเกือบสว่าง
ประโยคคำถามที่อยากรู้นักหนาว่ายุนอากับแทงกูความสัมพันธ์ไปถึงไหนแล้วนั้น
แทบจะเบรคไว้ไม่ทันเมื่อเปิดประตูห้องยุนอาเข้ามาก็พบว่าแทยอนนอนตะแคงแนบชิดกายน้องสาวของตัวเองอยู่บนเตียง

"อะไรวะลิง จู่ๆก็เข้าถามว่าน้องแกได้กะชั้น? -..-"
แทยอนหันไปตามต้นเสียงก็พบยูริยืนทำหน้ามึนๆอยู่หน้าประตู และดูซิถามอะไรออกมา 555
"ยัยบ้าก็ชั้นไม่รู้นี่ว่าแกจะมากินตับเด็กถึงห้อง ชั้นก็แค่จะมาถามไอ้ยุนว่ามันได้กินข้าวหรือยังหรือจะกินอะไร เพราะชั้นรู้ไงว่าเดี๋ยวมันจะต้องออกไปหาแกอ่ะ แบบนี้คงไม่ต้องแล้วล่ะ =.=*"
ยูริพยายามแถยาวเหยียดเพื่อให้เพื่อนตัวเล็กนั่นไม่ละแคะละคายอะไรกับคำถามของตัวเอง
แถจบก็รีบหันหลังกลับออกไปจากห้องทันที โดยไม่คิดจะรอฟังคำตอบ(หรือข้อสงสัย)ใดๆต่อทั้งสิ้น

"วันนี้ลิงมันดูแปลกๆเนอะ"
สุดท้ายแทยอนก็หันกลับมาพูดกับร่างสูงข้างกาย ปรกติก็ไม่ค่อยจะได้เห็นสีหน้ามึนๆเอ๋อๆของยูริสักเท่าไร พอได้เห็นชัดๆมันก็ตลกดีเหมือนกันแหะ
"พี่ยูลมันก็บ้าๆบอๆผีเข้าผีออกแบบนี้แหละ บางวันนึกจะห่วงก็ห่วงเวอร์ บางวันนึกจะไม่สนใจก็แทบไม่รู้จักกัน"
ยุนอาอธิบายไปตามสภาพความเป็นจริงอย่างไม่ซีเรียสนัก นี่แหละความปรกติบนความไม่ปรกติของยูริที่ยุนอาชินกับมันไปแล้ว

.



.

แพขนตาพริ้วไหวขยับไปมาเมื่อดวงเนตรสีเงินเงาเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆอย่างอ่อนแรง พลางปรับโฟกัสสิ่งรอบข้างที่ดูไม่คุ้นตาสักเท่าไร
จะว่าไม่คุ้นเลยก็ไม่ใช่เพียงแต่มันเลือนลางเหลือเกินในความทรงจำส่วนไหนสักส่วนนึง อีกด้านของความคิดก็พยายามนึกย้อนกลับไปว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นบาง
ในตอนนี้ทิฟฟานี่รู้เพียงแค่ร่างกายของเธอถูกแช่อยู่ในหลอดแคปซูนขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยของเหลวสีม่วงใสและตั้งอยู่ภายในห้องแล็บขนาดใหญ่อีกที
...จำได้ว่าผลักเจสสิก้าให้พ้นทางกระสุนแล้วใช้ร่างตัวเองรับแทน หึ! เท่ตายล่ะ ทิฟฟานี่เอ้ย...

ได้แต่คิดแล้วก็ขำตัวเองอยู่ในใจที่สุดท้ายก็เดี้ยงถูกจับมาแช่ในหลอดแคปซูนอีกจนได้ แต่เอาเถอะแค่เจสสิก้าปลอดภัยก็พอแล้ว
เฮ่ยยย...นึกออกแล้วที่นี่คือแล็บแทงกูนี่เอง ลืมไปได้ไงวะเนี่ย -.-
ว่าแต่ไม่มีใครอยู่เลยเหรอเธอตื่นมาจะเป็นชั่วโมงแล้วมั้งเนี่ย ไหงยังไม่ใครผ่านเข้ามาอีก ว่าแล้วก็เริ่มมองสำรวจร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเองไปพลางๆ
ปลายนิ้วเรียวถูกยกขึ้นมาแตะไล้บนเนินอกที่ยังคงเหลือรอยบาดแผลจางๆประทับอยู่ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่โดนโจมตีตรงหัวใจน่ะ
แถมคนที่จู่โจมก็ดันเป็นเพื่อนรักอย่างซูยองอีก นี่ทิฟฟานี่ควรจะดีใจดีไหมเนี่ย
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่จนทิฟฟานี่เริ่มจะง่วงขึ้นมาอีกแล้วสิ นี่จะไม่มีใครผ่านเข้าเลยจริงๆเหรอเนี่ย >~<

ติ๊ดด~ แกร๊ก

เฮ่ยยเหมือนมีแสงจากสวรรค์ส่องเข้ามาอ่ะ ทิฟฟานี่หันไปตามเสียงแสกนจากประตูทันที สองมือยกขึ้นเท้ากระจกใสของแคปซูนไว้อย่างคาดหวัง
เพราะเบื่อที่จะต้องแช่อยู่ในนี้เต็มทีแล้ว

"อ้าว! ฟื้นแล้วเหรอ ไวกว่าที่คิดไว้อีกแฮะ"
เสียงทะเล้นเอ่ยขึ้นแซวร่างบางในแคปซูนเล็กน้อย เมื่อก้าวเข้ามาในห้องแล็บแล้วก็พบประกายตาสีเงินเงานั้นจับจ้องมายังเธออยู่ ก่อนจะหันไปพูดกับชายหนุ่มข้างๆกาย
"ฮยอนซึงจัดการกับแคปซูนนั้นทีสิ"
เจ้าของชื่อรีบขานรับและปฏิบัติตามอย่างเร็วไว ส่วนคนสั่งการน่ะเหรอ? ไปยืนส่องหน้าหลอดแคปซูนขนาดใหญ่อยู่นั่น

ทิฟฟานี่มองคนตรงหน้าแล้วก็เริ่มรู้สึกหมั่นไส้ปนเขินเล็กๆอยู่นะ แหม ใช่สิก็เธอเปือยร่างอยู่นี่ แล้วตาเค้าเนี่ยเป็นประกายเชียวนะ

"จะเลิกลวนลามชั้นทางสายตาได้หรือยังคะ? คุณแทยอน..."
ทันทีที่ระดับของเหลวภายในแคปซูนลดลงจนพ้นศีรษะ เจ้ากายบางก็อดไม่ได้ที่จะเหน็บแนมคนตรงหน้าไปบ้าง
จะว่าเขินอายก็เขินอายอยู่หรอก แต่ทำไงได้ล่ะก็ขั้นตอนการรักษามันเป็นแบบนี้อยู่แล้วนี่ อีกอย่างความหมั่นไส้มันก็เกินหน้าเกินตาขึ้นมาด้วย

"อ่ะนี่เอาไปใส่ไว้ก่อน"
เมื่อระดับของเหลวลดลงจนหมดและกระจกใสถูกเปิดออก ฮยอนซึงก็ยื่นชุดคลุมให้แฝดผู้พี่อย่างรู้งาน และทิฟฟานี่ก็รับมาใส่ไว้อย่างรวดเร็ว
"ขอบใจ..."
ก็พูดตอบฮยอนซึงนะแต่ว่าทำไมสายตาถึงได้มองหน้าทะเล้นๆของแทยอนอยู่ไม่ละสายตาสักทีกันนะ
แอบแปลกใจอยู่หน่อยแหละว่าทำไมถึงได้เห็นว่าเป็นแทยอนที่มาข้างฮยอนซึง ทั้งๆที่น่าจะเป็นแทงกูหรือโบอามากกว่า

"โอเค ขอบใจนายมากนะ ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวชั้นจัดการต่อเอง ดึกแล้วนายไปพักผ่อนเหอะ พรุ่งนี้อาจจะได้วิจัยงานอีกเยอะ ^^"
แทยอนส่งยิ้มหวานให้ฮยอนซึงไปที ก็แค่พาชายหนุ่มนั้นมาทำความเคยชินกับแคปซูนให้เยอะขึ้น เรียกง่ายๆว่าให้มีประสบการณ์การใช้งานจริงอะไรทำนองนั้น
เพราะแทยอนคำนวนไว้แล้วว่าทิฟฟานี่คงตื่นเวลาประมาณตี1ครึ่งก็เลยพาฮยอนซึงเข้ามาด้วยในฐานะรุ่นน้องสายแล็บก็เท่านั้นเอง

"นี่กี่โมงแล้วอ่ะ"
เมื่อกี้ได้ยินแทยอนบอกฮยอนซึงว่าดึกแล้วเลยเกิดความอยากรู้ขึ้นมา นี่เธอหลับไปนานแค่ไหนกันเหรอ
พลางหันไปมองแผ่นหลังของน้องชายฝาแฝดที่เดินออกไปยังประตูบานใหญ่
"ตี2 แล้วเธอตื่นนานแค่ไหนแล้วอ่ะ"
เอ่ยพลางเดินไปจัดการผสมสารที่จะใช้ในการรักษาทิฟฟานี่ในขั้นตอนต่อไป
"ก็นานอยู่นะอาจจะชั่วโมงกว่าๆได้มั้ง"
กลีบปากเอ่ยถามคำถามไปดวงตาสีเงินเงาก็ตวัดมองตามร่างเล็กไปอย่างใคร่รู้
สองขาเรียวที่ค่อนข้างอ่อนล้าก็ค่อยๆสาวเท้าก้าวตามคนตัวเล็กไปอย่างหาเหตุผลไม่ได้

"อืม ก็ไม่ห่างจากที่ชั้นคำนวนไว้เท่าไร ชั้นว่าเธอน่าจะใช้เวลา24-26ชั่วโมงในการฟื้นฟูร่างกาย ...อ่า ไปบนเตียงดีกว่าไหมร่างกายเธอยังไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซนนะ"
เมื่อรู้สึกว่าเจ้าของร่างบางเริ่มเคลื่อนกายเข้ามายืนใกล้ๆแล้วจึงนึกขึ้นได้ว่าควรให้ทิฟฟานี่พักผ่อนที่เตียงก่อน
ไม่เอ่ยเปล่ามือเล็กวาดโอบเอวบางไว้เพื่อช่วยประคองกายเพื่อป้องกันการทรุดของผู้พักฟื้น
"ชั้นเดินเองไหวน่า อย่าทำเหมือนชั้นอ่อนแอสิ"
ทิฟฟานี่หันไปพูดเสียงอ่อนกับคนตัวเล็กที่ช่วยประคองร่างของเธออยู่
จากที่ได้ยินการคำนวนของแทยอนเมื่อครู่นี้ทำให้ทิฟฟานี่พอจะรู้แล้วว่าแทยอนเป็นสายแล็บแน่ๆคำนวนมาได้ขนาดนั้น แต่ตอนนี้เค้าก็คงเป็นเจ้าของไข้เธออยู่เช่นกัน

"ไม่ได้หรอกเผื่อเธอทรุดหน้าทิ่มเสียโฉมขึ้นมาทำไงล่ะ"
แทยอนก็ตอบกวนประสาทกลับไปอย่างนั้นแหละ ทั้งที่ในใจอยากจะขอบคุณทิฟฟานี่เหลือเกินที่ช่วยเจสสิก้าไว้
แต่เอาเถอะอย่างไรเสียแทยอนก็ยังคงเป็นแทยอนวันยังค่ำ ปากแข็งฟอร์มจัดแค่ไหนก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
ส่วนทิฟฟานี่น่ะเหรอก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด แค่แทยอนดีด้วยแบบนี้ก็สบายใจขึ้นเยอะ อาจจะเป็นเพราะทิฟฟานี่เองก็เคยหางานสร้างเรื่องให้แทยอนอยู่บ่อยๆ
แค่นี้ก็รู้สึกผิดจะแย่ก็ไม่ได้อยากจะมีปัญหากับคนฝั่งนี้ด้วยแลดูแต่ละคนนี้น่ากลัวพิลึกยังไงก็ไม่รู้ หรือเพราะแค่นี้ปัญหาหัวใจก็แก้ยากเกินพอแล้วก็ไม่รู้สินะ

เมื่อร่างบางถูกประคองมาจนถึงและนั่งลงยังริมเตียง ทิฟฟานี่ก็ได้แต่มองตามร่างเล็กที่เดินกลับไปยังโต๊ะวิจัยที่มีบรรดาสารของเหลววางอยู่เต็มไปหมด
มือเล็กหยิบหลอดสารมาอย่างชำนาญการจัดการผสมมันเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นสารอีกตัวขึ้นมา
และเพียงไม่ขึ้นกี่อึดใจเจ้าขวดแก้วใสที่บรรจุสารสีม่วงขนาด250ml ก็ถูกย้ายมาวางอยู่ตรงหน้าเธอเรียบร้อยแล้ว
พร้อมทั้งร่างเล็กของแทยอนที่กำลังใช้เข็มเปล่าดูดของเหลวสีม่วงนั้นขึ้นมาจนเต็มหลอด ก่อนจะเอื้อมมือข้างที่ว่างขึ้นมาจับที่ชุดคลุมของทิฟฟานี่เชิงถาม

"ถ้าชั้นขอฉีดยาสวนบาดแผลและใต้อกเธอจะโอเคหรือเปล่า ถ้าถือ...เดี๋ยวชั้นสลับเป็นแทงกูมาจัดการแทน"
แม้จริงๆแทยอนค่อนข้างจะอยากจัดการเอง แต่ก็ไม่ได้อยากล่วงละเมิดทิฟฟานี่(ไปมากกว่านี้)อีก เพราะตอนที่ไปยืนสำรวจร่างกายของสาวเจ้านั้นก็มากพอแล้ว
"จริงๆก็ถือนะ แต่ช่างมันเถอะไม่ต้องลำบากดีกว่าทั้งเธอทั้งแทงกู แค่นี้ชั้นก็ไม่รู้จะขอบคุณเธอยังไงแล้ว แทยอน"
ทิฟฟานี่ตอบไปตามความรู้สึกจริงๆเพราะไม่ได้อยากทำตัวมีปัญหาให้วุ่นวาย แค่ได้ฟื้นขึ้นมาก็ดีแค่ไหนแล้ว
มือเรียวค่อยๆยกขึ้นเพื่อจะหยิบเข็มฉีดยาจากแทยอนเพื่อมาจัดการด้วยตัวเอง เรื่องแล็บเรื่องการรักษาก็ไม่ใช่ว่าทิฟฟานี่จะไม่รู้เลย เรื่องแค่นี้เธอสามารถทำเองได้อยู่แล้ว

"ถ้าจะทำเองน่ะ อย่าเลยดีกว่านะแค่ยกมือขึ้นมาก็ไม่มั่นคงแล้วเนี่ย"
แทยอนเห็นมือเรียวที่ติดจะสั่นอยู่ไม่น้อยเนื่องจากแรงกำลังของทิฟฟานี่นั้นยังฟื้นฟูได้ไม่ถึง50%เลยด้วยซ้ำ
"งั้นเธอก็จัดการเลย ชั้นไม่อยากรบกวนแทงกูน่ะ"
เมื่อทิฟฟานี่เองก็รู้ตัวดีว่าร่างกายของเธอนั้นยังไม่พร้อมจะทำอะไรเองทั้งสิ้นจึงตัดสินใจให้แทยอนทำไปก็แล้วกัน
คิดซะว่ายังไงซะแทยอนก็เห็นร่างเปลือยของเธอหมดแล้ว ให้เห็นอีกรอบเพื่อการรักษาก็คงไม่ได้เสียหายอะไร(มั้ง)
คิดได้ดังนั้นทิฟฟานี่ก็จัดการตัวเองให้เข้าที่ เพื่อรับการรักษาจากแทยอนต่อไป

ร่างเล็กค่อยๆแหวกชุดคลุมสีขาวที่ทิฟฟานี่สวมอยู่ทีละนิดเพื่อไม่ให้ผิวขาวเนียนนั้นโผล่ออกมามากเกินไป
มือเล็กบรรจงจรดปลายเข็มลงยังเนินอกข้างซ้ายที่ยังคงมีรอยบาดแผลจางๆประทับอยู่ ก่อนจะกดไล่สารสีม่วงเข้าไปยังเส้นประสาทสำคัญอย่างใจเย็น
ดวงตาเรียวก็จับจ้องอยู่ที่บาดแผลสลับกับดวงหน้าสวยหวานที่กำลังกัดริมฝีปากของตัวเองไว้เพื่อสะกดกลั้นคงเจ็บแปลบ
มีเพียงไม่กี่วินาทีที่ประกายตาสีเงินเงานั้นตวัดช้อนขึ้นมาสบตากัน
แทยอนก็ไม่แน่ใจว่าทิฟฟานี่กำลังคิดและรู้สึกอะไรอยู่บ้างทำไมในแววตาสีเงินนั้นถึงได้ดูหยาดเยิ้มเสียเหลือเกิน หรือแทยอนคิดไปเองหรือเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกัน

เพียงอีกแค่อึดใจเดียวสารสีม่วงก็ถูส่งเข้าเส้นประสาทของผู้ป่วยจนหมดหลอด แทยอนถอนปลายเข็มออกมาอย่างเบามือก่อนจะโยนใส่ถังอุปกรณ์ใช้แล้วไป
และหยิบหลอดใหม่ขึ้นมาดูดสารที่เหลืออีกครึ่งขวดขึ้นมา
"ไม่คิดว่าเธอจะมือเบาได้ขนาดนี้"
ทิฟฟานี่ถามไประหว่างที่สายตาก็เอาแต่จับจ้องร่างเล็กอยู่ไม่ละสายตา ให้ห้ามยังไงก็ห้ามไม่ได้จริงๆที่จะรู้สึกว่าแทยอนเหมือนแทงกูมากแค่ไหน
ยิ่งเวลาที่ใบหน้าเรียวใสนั้นเลิกคิ้วขึ้นข้างนึงแทนคำถามแบบนั้น
"ก็ชั้นจำได้ว่าเธอมือหนักแถมยังแรงเยอะอีก"
เมื่อได้รับเครื่องหมายคำถามจากบนใบหน้าของแทยอนทิฟฟานี่ก็เลยตอบแซวร่างเล็กไปอย่างนั้น
ไม่รู้หรอกว่าแทยอนจะลืมเรื่องระหว่างเราไปหมดหรือยัง แต่ทิฟฟานี่จำได้ทั้งหมดโดยเฉพาะเรื่องในห้องน้ำที่ร้านอาหารวันนั้น
...อยากจะจูบเธออีกสักครั้งจัง...

"ส่วนมากชั้นอยู่แต่กับคนที่อ่อนแอกว่าอย่างสิก้าน่ะก็เลยจำเป็นต้องมือเบา"
แทยอนก็ตอบกลั้วหัวเราะอย่างไม่ซีเรียสนัก พลางเอื้อมมือไปแหวกชุดคลุมของร่างบางให้แยกออกจากกันต่ำลงไปอีกเพื่อจะจรดปลายเข็มลงยังใต้กลางอก
ทิฟฟานี่มองการกระทำนั้นพลางคิดอยู่ในใจว่าสรุปแล้วแทยอนนี่เป็นยังไงกันแน่นะ
เห็นตอนที่จ้องร่างเปลือยของเธอนั่นก็อย่างกับคนโรคจิตหื่นกระหายแล้วทำไมตอนนี้ถึงดูเรียบร้อยแบบนี้ล่ะ -..-

"รู้ตัวไหมว่าร่างกายเธอสวยมากแค่ไหน"
จู่ๆแทยอนก็เอ่ยออกมาในระหว่างที่ถอนปลายเข็มจากผิวเนื้อของร่างบาง พลางหันไปสบตากับเจ้าขางร่างกายที่เธอเอ่ยถึง
"ก็เพิ่งได้ยินจากเธอคนแรกเนี่ยแหละ"
"อืม..ถ้าชั้นเผลอลวนลามเธออีกก็ช่วยเรียกสติชั้นด้วยแล้วกัน"
ทิฟฟานี่พยายามคิดตามคำพูดของแทยอนวนไปวนมา จนได้คำถามให้กับตัวเองอีกครั้ง นี่แทยอนเป็นพวกห้ามตัวเองไม่ได้งั้นเหรอ?
หรือไม่ก็อาจจะห้ามได้แต่ยาก ก็พูดเหมือนรู้ตัวนะว่าเคยลวนลามร่างบางทางสายตามาแล้ว

หลังจากที่ไปลากสายจับคลื่นความถี่มาแล้ว แทยอนก็เริ่มจัดการแปะมันลงไปยังส่วนต่างๆของร่างบาง
มือเล็กข้างนึงถือสายไว้กว่าสิบสาย ส่วนอีกข้างที่ว่างก็เอื้อมไปเปิดชุดคลุมของคนบนเตียงโดยเลือกที่จะเปิดส่วนบนก่อน
แทยอนกลืนน้ำลายเอื้อกทันที ที่อกคู่สวยนั้นโผล่พ้นเนื้อผ้า พลางบอกตัวเองให้ทำใจร่มๆไว้ แต่ทำไมร่างกายของทิฟฟานี่ถึงได้มีเสน่ห์ดึงดูดมากถึงเพียงนี้กัน

แทยอนต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการกดเก็บอารมณ์ของตัวเองไว้ระหว่างที่ต้องแปะสายจับคลื่นความถี่ลงบนผิวเนื้อขาวเนียนชวนสัมผัสนั้น
ไหล่สองข้าง กลางอกหนึ่ง เนินอกทั้งสองข้าง... ร่างเล็กกัดริมฝีปากตัวเองไว้แน่นเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์ที่เดือนพล่านเพียงแค่ได้สัมผัสบางเบาที่ผิวเนื้อนุ่ม
...จะไหวมั้ยวะเนี่ย นี่แค่ท่อนบนยังขนาดนี้ แล้วท่อนล่างชั้นจะไม่คลั่งตายเลยหรือไงวะ ทิฟฟานี่!!!...
ได้แต่โวยวายอยู่ในใจ พลางเอื้อมมือไปรั้งชายชุดคลุมของร่างบางช้าๆ รู้ตัวดีว่าตัวเองกำลังรู้สึกนึกคิดอะไรอยู่ รู้ตัวดีว่าร่างกายของทิฟฟานี่นั้นถูกใจมากแค่ไหน

"หึ้ยย..ไม่ไหวแล้ว! รอแปปนะชั้นไปเปลี่ยนเป็นแทงกูมาแทนดีกว่า..."
สุดท้ายร่างเล็กก็โวยวายออกมาจนได้มือเล็กข้างที่ถือสายจับคลื่นความถี่นั้นก็วางมันลงยังโต๊ะข้างๆ
ก่อนจะหมุมตัวหันไปยังประตู กำลังจะก้าวก็รู้สึกได้ถึงแรงบีบเบาๆที่ข้อมือ
"แทยอนเดี๋ยว..." ร่างเล็กหันกลับไปตามเสียงแหบหวานเชิงรอฟังว่าทิฟฟานี่จะรั้งเธอไว้เพื่ออะไร
แรงดึงเพียงแผ่วเบานั้นทำให้เจ้าของร่างเล็กต้องก้าวเข้าไปชิดขอบเตียงอีกครั้ง
และนั่งลงริมเตียงนุ่มที่มีร่างบางนอนอยู่จะเรียกว่านอนเปลือยอยู่ก็ว่าได้เพราะชุดคลุมนั้นถูกแหวกออกจนหมดแล้ว
"ไม่ไหวนี่คือเป็นอะไรเหรอคะ"
แกล้งถามกวนโอ้ยไปอย่างนั้นแหละ ไม่ใช่ว่าทิฟฟานี่ไม่รู้ว่าที่แทยอนโวยวายออกมาเมื่อนครู่นั้นหมายถึงอะไร
แทยอนกัดปากตัวเองไว้แน่น ...ยัยบ้านี่เวลาแบบนี้ยังจะเล่นอยู่อีก ใจเย็นไว้แทเอ้ย ทิฟฟานี่น่ะขี้ยั่วเป็นเรื่องปรกติ...
"อย่ามาแอ๊บแบ๊วใส่ชั้น อย่างเธอน่ะ..."ไม่รู้ก็คงไม่ใช่ทิฟฟานี่หรอกจริงมั้ย ยังจะมายิ้มแบบนั้นอีกกก โอ้ยยย คนอะไรวะยิ้มได้เซ็กซี่เป็นบ้า

"งั้นชั้นคิดเอาเองเลยแล้วกันนะ"
ได้ทีก็บอกคนตัวเล็กออกไปอย่างนั้น พูดจบก็ไม่รอให้แทยอนได้ประมวลผลใดๆทั้งสิ้น มือเรียวรั้งกายเล็กให้โน้มลงมาใกล้จนใบหน้าของทั้งสองนั้นห่างกันเพียงอากาศกั้น
นัยน์ตาสีเงินเงาสบลึกเข้าดวงตาสีน้ำตาลแอลม่อนจนสามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย ปลายนิ้วลากไล้เนิบนาบขึ้นไปยังช่วงต้นคอของคนตัวเล็กอย่างยั่วเย้า
และก็เป็นแทยอนเสียเองที่ห้ามใจไว้ไม่อยู่กลีบปากบางประทับลงกับส่วนเดียวกันของคนบนเตียงช้าๆแผ่วเบา
ทิฟฟานี่ไม่ได้ปัดป้องสัมผัสนั้นจากแทยอนแต่อย่างใด มีเพียงกลีบปากอวบอิ่มที่เผยอขึ้นเปิดทางให้คนด้านบนนั้นได้ตักตวงความหอมหวานได้อย่างเต็มที่

ก็ในเมื่อคิดเอาไว้แล้วว่าอยากจะจูบกับแทยอนอีกสักครั้งทิฟฟานี่ก็เพียงแค่ทำตามความประสงค์ ร่างบางขยับจูบตอบไปอย่างเย้ายวนไม่แพ้กัน
จนเริ่มรู้สึกได้ถึงฝ่ามืออุ่นที่ลูบไล้ผิวกายเปลืยเปล่าของเธอเนิบนาบอยู่แถวอกคู่สวยก่อนจะโดนอุ้งมืออุ่นนั้นกอบกุมก้อนเนื้อนุ่มไว้
เพียงแค่ถูกนวดคลึงเบาๆ เสียงครางอืมในลำคอเพียงแผ่วเบาก็ถูกเปล่งออกมา
ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้แทยอนจะยังมีสติอยู่แค่ไหน แต่ทิฟฟานี่ยังคงรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลายังมีสตินึกคิดได้ว่าหากไม่รีบห้ามแทยอนไว้ก่อน
ระหว่างเรามันก็อาจจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ทั้งที่มันไม่ควรจะเป็น... แต่แทยอนกำลังมีอารมณ์กับเธออยู่

"อื้ม~ ทิฟฟานี่~ เธอมันขี้ยั่วที่สุด"
และก็เป็นแทยอนอีกครั้งที่เรียกสติขึ้นมาได้ ผละจูบขึ้นมาพร้อมกับครางทวงออกไปเบาๆอย่างนั้น ก็ดูสิทิฟฟานี่เล่นอะไรแบบนี้ล่ะ
มือเล็กถูกชักกลับมาวางไว้บนตักอย่างรวดเร็วเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามันสัมผัสกับอะไรอยู่ ก็บอกให้ช่วยห้ามเธอด้วย แต่นี่ไม่ห้ามแถมยังยั่วกันแบบนี้อีก
คิดไปก็กัดริมฝีปากล่างของตัวเองไว้แน่นสายตาก็ยังคงจับจ้องใบหน้าหวานที่กำลังยกยิ้มยั่วอยู่บนเตียงนั้น
"บอกสิว่าไม่ชอบ บอกสิว่าเธอไม่มีอารมณ์กับชั้น"

"ใช่ชั้นมีอารมณ์กับเธอก็จริง แต่เธอน่ะ..." ...มีอารมณ์กับชั้นหรือเปล่า อยากมีอะไรกับชั้นเหมือนกันหรือเปล่า...
แทยอนเงียบไปได้แต่เอ่ยประโยคต่อจากนั้นเพียงในใจอย่างที่ควรจะเป็น เพราะความปากแข็งฟอร์มจัดที่ยังคงมีอยู่ไม่น้อยเลย
"ชั้นทำไมเหรอ"
"ก็...ร่างกายเธอยังไม่สมบูรณ์ดี  แล้วชั้นก็เป็นคนที่เลือกจะมารักษาเธอเอง ที่สำคัญเรื่องแบบนี้มันก็...ไม่ควรสักเท่าไรมั้ง เธอเองก็ค่อนข้างถือตัวด้วย"
เป็นการใช้เหตุผลในการแถได้อย่างดี ก็นึกขึ้นได้ถึงสถานะของตัวเองแล้วเรื่องแบบนี้มันก็ไม่ควรจะเกิดขึ้นจริงๆนั่นล่ะ ซึ่งผิดจากความรู้สึกที่ดันอยากให้มันเกิดขึ้นเหลือเกิน
ร่างเล็กก็เอื้อมมือไปหยิบสายจับคลื่นความถี่ขึ้นมาอีกครั้งและรวบรวมสติไว้ให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้
พยายามแปะมันลงยังกลางหน้าท้อง สะโพกผายทั้งสองข้าง และต้นขา...

"แล้วเธอไม่ถือเหรอ"
จู่ๆทิฟฟานี่ก็ถามขึ้นอย่างนั้นให้คนถูกถามนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะบรรจงแปะสายจับคลื่นลงยังต้นขาเรียวอีกข้าง แล้วใช้สายตาแทะโลมลวนลามร่างกายของทิฟฟานี่อย่างไม่ปิดบัง
แทยอนตั้งใจทำอย่างนั้นให้ทิฟฟานี่ได้มั่นใจว่าประโยคที่เธอกำลังจะเอ่ยต่อไปนั้นคือความจริง
"ชั้นไม่ใช่คนดีอย่างที่ใครๆเข้าใจหรอกนะ"
แทยอนเลือกจะตอบไปอย่างนั้นพลางขยับกายเลื่อนไปแปะอีกสองสายสุดท้ายที่ข้อเท้า ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าห่มมาคลุมร่างบางไว้จนมิด
"ถ้าเธอไม่ใช่คนดีจริง เธอคงไม่ปล่อยชั้นง่ายๆแบบนี้หรอก"
"เธออยากให้ชั้นทำต่อหรือไงล่ะ"
แล้วแทยอนก็กลับมานั่งริมเตียงอีกครั้งพร้อมกับหลอดสารอีกสองหลอด ที่เตรียมไว้ให้ทิฟฟานี่ดื่มตบท้าย
"แล้วถ้าอยากให้ทำล่ะ"
แกล้งแซวคนตัวเล็กไปอย่างนั้นก่อนจะเผยอปากขึ้นดื่มสารที่แทยอนป้อนให้อย่างว่าง่าย
"หายดีเมื่อไรนะระวังตัวไว้แล้วกัน"
ป้อนสารให้คนป่วยขี้ยั่วเสร็จก็ชี้หน้าคาดโทษไปที โทษฐานที่สาวเจ้ายั่วเก่งเกินไป แหนะยังมีหน้ามายิ้มยั่วอีก




"นี่แทยอน..ชั้นมีเรื่องอยากขอร้องเธออีกเรื่องได้หรือเปล่า"
แทยอนมองดวงหน้าหวานที่จู่ๆก็เปลี่ยนโหมดไปดูจริงจังขึ้นมาอย่างกระทันหันนั้น จึงเพยิดหน้าให้สาวเจ้าพูดต่อเพราะอาจจะเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ
"ช่วยซูยองหน่อยได้ไหม มันเพื่อนสนิทคนสุดท้ายที่ชั้นเหลืออยู่แล้ว"
"แล้วซูยองเป็นอะไรอ่ะ"
แทยอนถามไปอย่างที่ตัวเองสงสัย ก็รู้มาว่าซูยองจะยิงเจสสิก้าแล้วทิฟฟานี่ก็ช่วยเจสสิก้าไว้ถึงต้องมานอนเดี้ยงอยู่แบบนี้นี่นา
"ถ้าแอมเบอรู้ว่ามันทำงานพลาด ไอ้บ้านั่นไม่ปล่อยเพื่อนชั้นไว้แน่"
อ่อแบบนี้นี่เอง งั้นก็หมายความว่าตัวซูยองเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะกำจัดเจสสิก้าจริงๆสินะ แต่เพราะไม่มีทางเลือก อย่างแอมเบอน่ะถ้ามีอะไรไม่ถูกใจมันก็คงจะกำจัดทิ้งอยู่แล้ว

"เรื่องแบบนี้ทำไมไม่ลองขอแทงกูดูล่ะ"
เมื่อประมวลผลได้แล้วแทยอนจึงตอบกลับไปอย่างนั้น ก็ในเมื่อลุคแทยอนมันดูเป็นสายแล็บขนาดนี้แล้วลุคแทงกูก็ดูจะเป็นสายบู๊ขนาดนั้น
แล้วไหงทำไมคนสวยนี่ถึงเลือกจะมาขอร้องเธอที่เป็นแทยอนแบบนี้ล่ะ
"เธอคิดว่าแทงกูจะยอมช่วยชั้นเหรอ"
"แล้วทำไมถึงคิดว่าแทงกูจะไม่ช่วย แล้วถ้าเธอคิดว่าแทงกูจะไม่ช่วยเธอแล้วทำไมชั้นถึงจะช่วยเธอล่ะ"
นั่นสิก็ในเมื่อทิฟฟานี่กับแทงกูก็ดูสนิทสนมกันดีจะตายไปถ้าเทียบกับแทยอน เพราะระหว่างทิฟฟานี่กับแทยอนนั้นแทบจะเรียกได้ว่าแค่คนรู้จักกันก็ว่าได้
"เพราะเธอเป็นคนดีไง"

"จำไว้เลยนะชั้นไม่ใช่คนดี แล้วก็กลับไปย้อนถามตัวเองบ้างว่าที่คิดว่าแทงกูจะไม่ช่วยเธอน่ะ เธอเคยลองถามแทงกูหรือยัง เธอควรจะรู้ตัวนะว่าเธอน่ะสำคัญกับแทงกูแค่ไหน"
ทิฟฟานี่เองก็รู้ตัวดีว่าเธอเองนั่นแหละที่ไม่กล้าเอ่ยขอร้องแทงกู แล้วเธอสำคัญกับแทงกูแค่ไหนเหรอ นั่นสินะแค่ไหนกันล่ะ
"ก็ไม่เท่าเด็กน่ารักที่เค้าปลื้มนักปลื้มหนาหรอก"
ทิฟฟานี่ทำเสียงขึ้นจมูกด้วยความหมั่นไส้เป็นอย่างยิ่ง ยิ่งนึกถึงประกายตาสีฟ้าครามนั้นในเวลาที่จับจ้องยุนอา
ทิฟฟานี่ก็แทบอบากจะลุกขึ้นมาอาละวาดให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลย อะไรจะละมุนละไมปานนั้นคะ
"ฮ่าๆ หมายถึงยุนอาน่ะเหรอ ก็แฟนชั้นน่ารักนี่ใครๆก็ต้องอยากฟัดเป็นธรรมดา"

"นี่อย่าพูดเหมือนสองคนนั้นมีอะไรกันมากกว่าที่ชั้นรู้ได้ไหม"
"หึ๊ม? เธอก็น่าจะรู้ว่าแทงกูเป็นยังไง"ก็ไม่ใช่ว่าทิฟฟานี่ไม่รู้ว่าแทงกูเป็นอย่างไร แต่แค่ไม่อยากจะคิดแบบนั้นเพื่อความสบายใจของตัวเองก็เท่านั้นแหละ
"แต่ยุนอาบอกว่าไม่เคยมีอะไรกับแทงกูนี่"
"งั้นถ้ามีโอกาสเธอลองไปถามยุนอาใหม่นะ"

"นี่เธอไม่หวงยุนอาบ้างเหรอ ขนาดชั้นไม่ได้เป็นอะไรกับแทงกูมากมายชั้นยังหวงเค้าแทบบ้า"
ทิฟฟานี่ถามไปตามความรู้สึก ที่ข้องใจเสียจริงๆเลยว่าทำไมแทยอนถึงดูไม่หึงหวงยุนอาเลยแม้แต่น้อย
 แถมยังทำเหมือนภูมิใจอีกที่ยุนอามีคนหมายปองเยอะแยะไปหมด -3-
"แค่นั้นน่ะมันยังน้อยไปถ้าเทียบกับว่าลับหลังยุนอาแล้วชั้นทำอะไรกับใครบ้าง"
"หมายความว่าเธอไม่ได้มียุนอาคนเดียวงั้นเหรอ"
"เมื่อกี้ชั้นก็เกือบจะทำอะไรเลยเถิดกับเธอแล้วไม่ใช่หรือไง"
ทิฟฟานี่เงียบไปหลายอึดใจ ที่แทยอนพูดมานั่นก็ถูกเมื่อกี้ก็เกือบเลยเถิดกันไปแล้วนี่
แล้วระหว่างแทงกูกับยุนอาล่ะเลยเถิดกันไปถึงไหนแล้วในคืนนั้นที่ยุนอาแข่งวันสุดท้าย หลังจากที่แทงกูให้เธอกลับออกมาก่อน เพราะเค้าต้องการจะไปส่งยุนอาที่คฤหาสน์ โดยให้เหตุผลว่ายุนอาดูเหนื่อยมากพอแล้ว

"ตอนนั้นชั้นไม่น่าทิ้งเด็กนั่นเลยเนอะ"
แทยอนพยายามนึกตามว่าทิฟฟานี่หมายถึงยุนอาแน่ใช่ไหม แต่ก็เท่าที่เธอรู้เรื่องของทิฟฟานี่ก็รู้แค่ว่าเคยคบกับยุนอาเท่านั้นแหละ
"แล้วทำไมถึงทิ้งล่ะ"
"ถ้ารู้ว่าสุดท้ายแล้วเรื่องที่ชั้นมีสองร่างจะแตกแบบนี้ชั้นก็คงไม่ทิ้งยุนอาหรอก"
ทิฟฟานี่ก็ตอบไปตาความจริงในตอนนั้นที่ตัดสิ้นใจเลิกกับยุนอาก็เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองมีสองร่างไปมากกว่านี้
เพราะตอนนั้นก็มีแค่ซูยองกับฮยอนซึงสองคนเท่านั้นที่รู้ และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ทิฟฟานี่ไม่ค่อยสุงสิงกับใครมากนัก
"หมายความว่าที่คบกันนั่นเธอก็รู้สึกอะไรกับยุนอาเหมือนกันสินะ แต่ชั้นเดาว่าเธอต้องไม่เคยมีอะไรกับยุนอาแหงเลย"
"จะว่ารู้สึกมันรู้สึกอ่ะนะยุนอาดีทุกอย่างจนชั้นเองก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกัน แล้วทำไมถึงคิดว่าชั้นไม่เคยมีอะไรกับยุนอาล่ะ"

"เพราะถ้าเธอมีเธอจะทิ้งเค้าไม่ลงไง" ทำเสียงหื่นๆใส่ร่างบางบนเตียงไป ตอกย้ำให้สาวเจ้าได้มั่นใจว่าเธอนั้นเป็นคนยังไง ไม่ใช่คนดีแน่นอน 555
"ไม่ต้องทำน่าตาโรคจิตขนาดนั้นก็ได้ เชื่อแล้วว่าแฟนเธออร่อย รู้งี้จับกินบ้างก็ดี"
"แหม~ พอเริ่มมีแรงแล้วก็ซ่าเลยนะ จะว่าไปเธอก็ฟื้นฟูตัวเองเร็วเหมือนกันแฮะ" แทยอนหันไปมองยังจอมอนิเตอร์ของเครื่องจับความถี่พลางหันกลับมาสำรวจไปทั่วทั้งใบหน้าและการเคลื่อนไหว
แม้ว่าจะมีเพียงแขนเรียวทั้งสองข้างที่โผล่ออกมาจากผ้าห่มเท่านั้น แต่นั่นก็ทำให้แทยอนได้รู้ว่าทิฟฟานี่แข็งแรงขึ้นจากตอนที่เพิ่งออกมาจากแคปซูนเยอะมาก
ทิฟฟานี่ได้ยินประโยคแซวนั้นก็ได้แต่ส่งยิ้มละลายไปให้อีกคนต้องกัดริมฝีกัดไว้แน่น จะว่ายั่วก็คงใช่ล่ะมั้ง
แต่ทิฟฟานี่เองก็ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าทำไมถึงอยากจะยั่วจนแทยอนคลั่งให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลย
ก็ไม่รู้เพราะคนตัวเล็กนี่ขี้เก็กฟอร์มจัดปากหนักหรือแค่เพราะว่าเหมือนใครอีกคนกันแน่
มือเรียวถูกเอื้อมไปกุมส่วนเดียวกันของคนที่ยังคงนั่งอยู่ริมเตียงเบาๆก่อนจะเอ่ยถาม
"ง่วงหรือเปล่า"
"ถ้าอยากให้ไปนอน ...งั้นชั้นไปนะ" แทยอนไม่ไม่พูดเปล่า ร่างเล็กลุกขึ้นจากริมเตียงของคนป่วยพลางหมุนกายไปทางประตูบานใหญ่
แต่กลีบปากเรียวก็ต้องกระตุกยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงรั้งในอุ้งมือที่มีมือเรียวของทิฟฟานี่กุมอยู่
"ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แค่อยากให้อยู่เป็นเพื่อนแต่ถ้าเธอง่วงก็ไม่อยากรบกวน"
ก็อย่างที่บอกแทยอนไปนั่นแหละ ทิฟฟานี่เพียงแค่อยากที่ใครสักคนอยู่เป็นเพื่อน ก็บรรยากาศในแล็บใหญ่ๆแบบนี้มันน่าวางเวียงจะตายไปนี่นา(นึกถึงบรรยากาศในโรงพบาลตอนอยู่ในห้องVIPคนเดียวไว้ค่ะ งิงิ)
จะให้หลับก็คงหลับไม่ลงเหมือนกันจะให้หลับลงง่ายๆได้ไงอ่ะ ในเมื่อเธอเองก็เพิ่งตื่นจากการหลับไหลที่ยาวนานถึงเกือบ24ชั่วโมง
อีกอย่างการได้อยู่กับแทยอนแบบนี้มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย แต่ถ้ามันเป็นการรบกวนเวลาพักผ่อนของร่างเล็กละก็
ทิฟฟานี่ก็คงยอมอยู่คนเดียวจะดีกว่า



ตัดฉับบบ




From Writer...

อร๊างงง กลับมาอย่างรู้สึกผิดที่หายไปหลายเดือน >3< 
แล้วก็เช่นทุกครั้งที่ฟิคเรื่องนี้อัพ เราคิดว่ารีดเดอร์ก็คงมีข้อสงสัยเพิ่มขึ้นอีกชิมิล๊าาา งิงิ 
ค่อนข้างจะแทนี่แต่ก็มากันทั้งสามคู่ให้พอหอมปากหอมคอเนอะ ฮาเร็มฝุดๆ เอิ๊กส

จับสังเกตุอะไรได้จากแชปนี้กันไหมเอ่ยยย *ยกยิ้มชั่วร้าย


*เพิ่มเติม เกี่ยวกับอุปกรณ์เฉพาะในแชปนี้ อย่างแรกคือแคปซูนซึ่งเราเคยทำรูปแฟนอาร์ตของแทนี่ออกมาให้รีดเดอร์ได้เห็นหน้าตาของมันบ้างแล้ว ในแชปที่23 [XXIII]
และอย่างที่สองคือเครื่องจับคลื่นความถี่ในที่นี้มันก็จะมีรูปร่างลักษณะคล้ายเครื่องมือแพทย์ ที่เรียกว่าเครื่องตรวจคลื่นหัวหัวใจอัตโนมัติ [Electrocardiography] แต่ที่ไม่เรียกชื่อเดียวกันนั่นก็เพราะว่ากระบวนการทำงานมันไม่ได้เหมือนกับเครื่องมือแพทย์ธรรมดาๆ เพราะงั้นมันจึงไม่ได้แปะแค่เฉพาะบนหน้าอกของผู้ป่วยเท่านั้น ส่วนความสามารถของเจ้าเครื่องนี้ในเรื่องนี้มันสามารถตรวจวัดพลังงานในร่างกายได้อย่างละเอียดแถมยังช่วยฟื้นฟูร่างกายที่สึกหรอไปได้อีกด้วย เอาง่ายๆมันเหมือนกับสายชาร์ตพลังงานนั่นเอง ^^


ปล.สำหรับเรื่องคำผิดนะคะยังมีอยู่อีกเยอะแยะ 5555+ บางคำบีมก็ตั้งใจใช้วิบัติเพื่อสื่อถึงอารมณ์ตัวละคร
แต่บางคำก็อาจจะพลั้งมือพิมพ์ผิดไป 555+ ขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยนะคะ แฮ่


ขอให้มีความสุขกับฟิคร่าา

No comments:

Post a Comment