Sunday, August 30, 2015

۞ Amulet Classic ۞ [Chapter XXXX]

Chapter XXXX [FullVer.]


*สีเทาคือเล่าย้อนไปในอดีต





ร่างเล็กเปิดประตูห้องข้างๆกันซึ่งเป็นห้องของเธอเอง ก้าวเข้ามาก็เห็นร่างสูงที่คุ้นตานั้นนอนตะแคงหันหลังให้ประตูอยู่
ดวงหน้าขาวซีดระบายรอยยิ้มบางๆออกมา เธอรู้ดีว่ายุนอายังไม่หลับ และเธอก็ยังรู้อีกว่าเค้าจะไม่ถามไม่พูดอะไรให้เธอต้องหนักใจ
แต่ยิ่งเป็นอย่างนั้นแทงกูก็กลับรู้สึกผิดมากขึ้นอีก เพราะยุนอาไม่เคยเรียกร้องอะไรในสิทธิ์ที่เค้ามีเลยจริงๆ
ยุนอามีสิทธิ์ที่จะโกรธเธอ ไม่พอใจ หึงหวง รวมไปถึงสั่งห้ามไม่ให้เธอไปยุ่งกับใครอีกด้วยซ้ำ แต่เค้าก็ไม่ทำ

ร่างสูงเพียงแค่พลิกกายหันมาเลิกคิ้วให้เธอเชิงว่ากลับมาแล้วเหรอ แทงกูยิ้มตอบกลับไปอย่างห้ามไม่ได้
พลางก้าวขึ้นเตียงไปหาอ้อมกอดของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าของ ซึ่งยุนอาก็โอบกอดร่างกายของเธอไว้โดยไม่มีทีท่าว่าจะรังเกียจเลยแม้แต่น้อย
แม้ว่าเค้าจะรู้ว่าร่างกายของเธอนั้นผ่านใครต่อใครมามากมายแต่ยุนอาก็ยังคงมอบอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนี้ให้เธออยู่


"ยุนไม่โกรธพี่เหรอ"
สุดท้ายแทงกูก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามอีกคนออกไปอย่างนั้น ยุนอาผละใบหน้าออกจากเรือนผมสีบลอนด์สว่างแซมแดง
เพื่อจะมองใบหน้าขาวซีดของคนตัวเล็กในอ้อมกอด ไม่ใช่ไม่รู้ว่าแทงกูไปไหนและทำอะไรมา
แต่รอยยิ้มอบอุ่นก็ยังเผยออกมาให้คนเห็นต้องใจสั่นเล่น ไหนจะดวงตาเรียวสีเข้มนั้นเต็มไปด้วยความหนักแน่น

"โกรธพี่? ไม่หรอกค่ะ"
ยิ่งได้รับคำตอบของยุนอายิ่งทำให้แทงกูรู้สึกแย่กับตัวเอง ก็ไม่รู้ว่าเพราะยุนอาดีเกินไป หรือเธอเองที่เลวเกินไป
ยุนอาเลื่อนมือขึ้นมาใช้ปลายนิ้วไล้กลีบปากสีฉ่ำที่ติดจะบวมเจ่อของแทงกูเบาๆ มองปราดเดียวก็รู้ว่าผ่านอะไรมา

"ยังอยากจูบพี่อยู่หรือเปล่า"
แทงกูรู้ดีว่าการกระทำอะไรหลายๆอย่างของเธอนั้นมันไม่เหมาะสมไม่คู่ควรกับคนดีๆอย่างยุนอาเลยแม้แต่น้อย
จึงถามร่างสูงออกไปอย่างนั้น บางครั้งก็นึกกลัวว่าจะถูกยุนอาปฏิเสธที่จะสัมผัสร่างกายเธออีก
แต่จนถึงตอนนี้แล้วจะบอกให้เธอปล่อยยุนอาไปแทงกูก็ทำไม่ได้เช่นกัน เพราะรู้สึกว่าเธอจะเสพติดร่างสูงนี้ไปเสียแล้ว

ยุนอาไม่ได้ตอบอะไรออกมาเป็นคำพูดมีเพียงรอยยิ้มอบอุ่นที่ยังคงระบายอยู่บนใบหน้าดูดีนั้น
ก่อนจะขยับเข้าไปประกบจูบดูดดุนเบาๆกลีบปากที่บวมเจ่อนั้นราวกับกลัวว่ามันจะบุบสลายไปมากกว่านี้
แทงกูขยับจูบตอบร่างสูงไปอย่างเย้ายวน รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เป็นยุนอา

เธอคิดว่าเธอเลือกคนไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกยุนอาถึงแม้ร่างสูงนั้นจะไม่ได้แข็งแกร่งหรือเก่งกาจอะไรมากมายนัก
จนเรื่องส่วนนี้อาจทำให้คนภายนอกที่ได้รู้เรื่องระหว่างเธอและยุนอาไม่เข้าใจนักว่าทำไมแทงกูถึงเลือกที่จะเป็นของยุนอา
นั่นก็เพราะคนอื่นๆไม่เคยได้สัมผัสตัวตนของยุนอาและแทงกู จึงทำให้ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแทงกูถึงเลือกยุนอา
แต่กับคนที่รู้ทุกอย่างดีอย่างแทงกูนั้นเธอกลับรู้สึกว่าเธอโชคดีมากแค่ไหนที่ยุนอายอมเป็นเจ้าของ ของเธอ
ไม่ผลักไสไม่รังเกียจกับนิสัยแย่ๆของร่างเล็กแบบนี้ เพราะแทงกูไม่ได้ต้องการคนที่แข็งแกร่งหรือเก่งกาจ
หากแต่เธอต้องการเพียงแค่คนที่พร้อมจะยอมรับในตัวตนของเธอ พร้อมจะทำความเข้าใจกับสิ่งที่เธอเป็น
และพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างกันมอบความอบอุ่นให้กันไปแบบนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ซึ่งยุนอามีคุณสมบัติเหล่านั้นทั้งหมด
ยุนอาผละจูบนุ่มนวลออกมาช้าๆสบลึกเข้ากับดวงเนตรสีครามหยาดเยิ้ม ก่อนจะกระซิบชิดริมฝีปาก

"ต่อให้ยุนจะต้องจูบทับรอยใครอีกสักกี่คน ยุนก็เต็มใจที่จะจูบพี่"

แทงกูแทบจะทำอะไรไม่ถูกเพียงเพราะประโยคตรงไปตรงมาแบบนั้นของยุนอา
อาจเป็นเพราะเธอเองก็ไม่เคยคิดว่าจะมีใครยอมรับได้ในฐานะของคนที่เป็นเจ้าของ
ร่างเล็กเปรยยิ้มหวานออกมาให้กับประโยคนั้นของร่างสูงตรงหน้า จะไม่ให้รักไม่ให้หลงได้อย่างไรกัน
และประโยคแบบนั้นมันก็ทำให้เธออยากจะยอมเค้าในทุกๆอย่างจริงๆ

"แล้วถ้าตอนนี้พี่อยากให้เธอทำ...มากกว่าจูบ..."





ไม่พูดเปล่ามือเล็กเลื่อนลากไล้ผ่านเนินอกที่มีเสื้อเชิ้ตตัวบางนั้นปรกปิดอยู่เพียงชั้นเดียว
และมันก็บางเสียจนแทงกูมองเห็นส่วนยอดอกสีหวานของยุนอาชัดเจน ปลายนิ้วลากวนไปมาอย่างปลุกเร้า
ก่อนจะเลื่อนใบหน้าให้ต่ำลงไปอีก กลีบปากสีฉ่ำเผยอคาบเอายอดอกสีหวานของร่างสูง ดูดดุนจนเสื้อเชิ้ตตัวบางนั้นเปียกชุ่ม

ยุนอาครางอืมในลำคอมือเรียวก็เริ่มลูบไล้ไปทั่วกายเล็ก จนมาหยุดที่บั้นท้ายนุ่ม
ปลายนิ้วเกี่ยวเอาชายประโปรงซีทรูสีดำที่แทงกูสวมใส่อยู่นั้นรั้งให้ร่นขึ้นมา เผยให้เห็นผิวเนื้อบั้นท้ายขาวๆนั่นที่ไร้สิ่งปรกปิดอีกชั้นที่ควรจะมี
ออกแรงนวดคลึงส่วนเนื้อนุ่มนั้นอย่างปลุกเร้าไม่แพ้กัน
ยุนอารู้ดีว่าแทงกูนั้นต้องการอะไร และเธอก็ไม่คิดจะปฏิเสธการกระทำนั้น เพราะเธอเองก็ต้องการร่างเล็กตรงหน้านี้เช่นกัน

ร่างเล็กที่ยังนอนตะแคงอยู่นั้นก็ขยับเรียวขาข้างนึงชันเข่าขึ้นอย่างเชิญชวน
ก่อนที่มือเล็กนั้นจะลากลงต่ำไปผ่านหน้าท้องแบนราบของยุนอาลากไล้วนไปมาอย่างเย้ายวน แล้วลากต่ำลงไปอีกจนถึงท้องน้อย
แทงกูลูบไล้ส่วนนั้นอย่างเนิบนาบเพื่อพามือเล็กนั้นลากต่ำลงไปอีกหน่อย
ก่อนจะกุมที่เป้ากางเกงนอนที่ยุนอาสวมใส่ไว้นวดคลึงส่วนอ่อนไหวนั้นไปตามความร้อนรุ่มในใจ
และการกระทำอย่างนั้นก็ทำให้ยุนอาครางอืมในลำคออีกครั้ง เพราะอารมณ์ของเธอที่ถูกร่างเล็กปลุกเร้านั้นมันร้อนขึ้นเรื่อยๆ

แต่แล้วแทงกูก็ต้องหลุดครางเสียงหวานออกมาเมื่อเรียวนิ้วยาวของยุนอานั้นลากผ่านช่องทางด้านหลังของร่างเล็กขึ้นมายังแผ่นหลังที่แอ่นกายบิดเร้า
ก่อนจะลากกลับไปจนเกือบจรดกับช่องทางด้านหน้า แต่ก็ยังไม่สัมผัสสักทีทำอยู่อย่างนั้นจนร่างเล็กต้องครางท้วง
พลางขยับขึ้นไปประกบจูบออดอ้อนเจ้าของของเธอ เพราะเป็นยุนอาร่างกายของแทงกูจึงไวต่อสัมผัสในทุกส่วน
เพียงแค่ถูกฝ่ามืออุ่นนั้นลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างความต้องการของเธอก็ประทุขึ้นมาได้อย่าง่ายดาย

"จะยั่วให้พี่คลั่งตายก่อนหรือไงยุนอา~"
เอ่ยเสียงกระเส่าทั้งที่ยังงับกลีบปากของร่างสูงอยู่อย่างนั้น ยุนอายกยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อย
สายตาร้อนแรงก็สบเข้ากับเปรวเพลิงสีฟ้าที่ดูเข้มขึ้นกว่าปรกติ บ่งบอกถึงอารมณ์ของเจ้าตัวเป็นอย่างดี
แทงกูดูร้อนรุ่มเสมอเวลาที่เราสัมผัสกัน แล้วความร้อนรุ่มจากกายเล็กนั้นก็หลอมละลายยุนอาได้เป็นอย่างดี
ไม่ต่างอะไรจะเปรียวเพลิงที่พร้อมจะแผดเผาทุกห้วงอารมณ์

"พี่แทงกูเป็นของยุนใช่มั้ยคะ"
ถามคนอายุมากกว่าเสียงพร่าทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว ปลายนิ้วก็ยังคงยั่วเย้าร่างเล็กด้วยการลากวนไปมาเฉียดจุดอ่อนไหวที่เยิ้มแฉะ
จนตอนนี้บริเวรรอบๆนั้นก็ฉ่ำไปด้วยของเหลวลื่นเช่นกัน
แทงกูครางรับเสียงหวานพร้อมกับพูดคำนั้นตอกย้ำร่างสูงไปอีกซ้ำๆให้เค้ามั่นใจ ว่าเธอเป็นของเค้า แทงกูเป็นของยุนอาเพียงคนเดียว

ยุนอายกยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะประกบจูบเข้าไปกับกลีบปากอิ่มนั้น แล้วพลิกตัวจับให้แทงกูอยู่ในท่าคลานเข่า
ส่วนยุนอาก็ขยับมายืนเข่าด้านหลังของแทงกู ร่างเล็กแยกขาเรียวออกจากกันอย่างรู้งาน เพื่อให้ร่างสูงนั้นได้อยู่ในระหว่างขาของเธอ
ยุนอาหลุบตาลงมองบั้นท้ายงอนงามของร่างเล็กที่แอ่นขึ้นจนเห็นกลีบเนื้ออูมอวบด้านหน้าราวกับตั้งใจจะยั่วให้เธอคลั่งตาย
ซีทรูที่ร่างเล็กสวมใส่อยู่ก็ร่นขึ้นไปกองอยู่ที่กลางแผ่นหลัง
ร่างสูงขบกัดริมฝีปากของตัวเองไว้แน่นมือเรียวก็ลูบไล้สลับกับขย้ำบีบนวดคลึงผิวเนื้อขาวๆนั้นอย่างหื่นกระหาย
ก่อนจะลากฝ่ามือต่ำลงไปยังโคนขาเรียวเล็กนั่นที่ตอนนี้มีของเหลวไหลเยิ้มออกมาเป็นทางยาว

"ยุนอา~ เลิกยั่วพี่ได้แล้ว พี่ไม่ไหวแล้วนะ"

แทงกูครางเสียงกระเส่าอย่างออดอ้อนในเมื่อร่างสูงนั้นก็เอาแต่ยั่วให้ความต้องการของเธอพรุ่งพร่านอยู่อย่างนั้น
แล้วแทงกูก็ต้องครางออกมาอีกเมื่อรู้สึกได้ถึงความนุ่มอุ่นและชื้นแฉะสัมผัสลากไล้วนไปมาที่ช่องทางด้านหลัง
เมื่อเบี่ยงหน้าหันกลับไปมองก็พบว่ายุนอากำลังใช้เรียวลิ้นตวัดเลียช่องทางด้านหลังของเธออยู่
ใบหน้าเรียวสวยนั้นเบียดแนบเข้ากับบั้นท้ายขาวๆของร่างเล็กเสียจนรู้สึกได้ว่าแก้มนุ่มๆของยุนอานั้นเบียดเสียดสีอยู่ที่บั้นท้ายของเธอ
ยุนอาลากเรียวนิ้วยาวแหวกผ่านกลีบเนื้อที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยของเหลวลื่น ทั้งที่ปลายลิ้นยังคงไล้เลียอยู่ที่ช่องทางด้านหลังอยู่ไม่ห่าง
ปลายนิ้วกดขยี้เน้นๆอยู่บนชิ้นเนื้อบวมเปล่งแข็งชันอย่างนั้นให้ร่างเล็กต้องครางเสียงสั่นเพราะความกระสันเสียว
ก่อนที่เรียวนิ้วทั้งสองจะถูกสอดใส่เข้าไปในช่องทางร้อนที่เปิดอ้ารออยู่ก่อนแล้วดันเข้าไปจนมิดโคน

"อาห์ ดี ยุนอา~"

ครางเรียกชื่อคนที่ทำให้จุดอ่อนไหวของเธอมันเสียวจนสั่นไปหมด พร่ำบอกเค้าไปว่าเธอชอบที่จะเป็นของเค้ามากแค่ไหน
ยิ่งยุนอาเร่งจังหวะชักนิ้วเข้าออกในช่องทางร้องของเธอนั้นแทงกูก็ยิ่งครางออกมามากเท่านั้น เพราะความเสียวซ่านมันพรุ่งพร่านที่ทั่วทั้งร่างกาย
ยุนอาใช้มืออีกข้างที่เคยขย้ำเนื้อสะโพกมนนั้นเลื่อนอ้อมโคนขาของแทงกูไปลูบไล้หน้าท้องที่หดเกร็งเป็นระยะ
แล้วเลื่อนขึ้นไปนวดคลึงเนินอกอิ่มเขี่ยขยี้ยอดอกที่แข็งชันขึ้นสู้นิ้ว ตอกย้ำได้เป็นอย่างดีว่ากายเล็กตรงหน้านี้เป็นของยุนอาทุกสัดส่วนจริงๆ
ก่อนจะลากกลับมายังช่วงท้องน้อยแล้วเลื่อนเข้าไปในหว่างขาใช้ปลายนิ้วลากขยี้ชิ้นเนื้อบวมเปล่งแข็งชันนั้นอย่างหนักหน่วงแบบที่คนตัวเล็กชอบ

"ยุนอ๊า~"

แทงกูครางเสียงแหลมสูงสะโพกมนนั้นก็ขยับรับกับแรงกระแทกของข้อนิ้ว หนักหน่วง เร่าร้อน
มือเล็กกำจิกหมอนตรงหน้าจนขาดวิ่น แต่นั่นไม่สามารถดึงความสนใจของแทงกูไปได้เลย
เพราะเธอก็ยังคงกำจิกอยู่อย่างนั้น ภายในจุดอ่อนไหวของเธอที่ถูกยุนอากระแทกเรียวนิ้วชำแรกเข้าออกอยู่นั้นมันเสียวซ่านจนรู้สึกว่าร่างกายมันเริ่มเกร็งสั่น
ดวงหน้าขาวซบลงกับหมอนที่ขาดลุ่ยราวกับไม่มีเรียวแรงจะยื้อยันกายไว้ ดวงเนตรสีฟ้าเข้มนั้นก็ปิดเปือกตาลง
ซึมซับความรู้สึกทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างเราไม่รู้ครั้งที่เท่าไรแล้ว แต่ร่างเล็กก็ยังคงอยากจะซึมซับความรู้สึกนี้เอาไว้ให้ได้มากที่สุด
ราวกับคนโลภมักมากในกาม แต่นั่นก็เพราะว่าเธอก็ชอบมันเหลือเกิน ทั้งชอบทั้งคลั่งใคล้จนกลายเป็นหลงรักในสัมผัสเร่าร้อนเหล่านี้ของยุนอา
ฟันคมขบกัดริวฝีปากของตัวเองจนรับรู้ถึงรสชาติเฝื่อนและกลิ่นคาวคลุ้ง หากแต่ก็ยังเปล่งเสียงครางอยู่ในลำคอไม่หยุดหย่อน

ความรู้สึกที่แทงกูชอบที่สุด และยุนอาก็ทำมันได้ดีได้ตรงกับใจเธอเสมอ แล้วมันก็เป็นส่วนน้อยที่ร่างเล็กนั้นจะมีความสุขกับเซ็กซ์ได้อย่างเต็มที่แบบนี้
ไม่ใช่ว่าการที่มีเซ็กซ์กับทิฟฟานี่หรือเจสสิก้า แทงกูจะไม่มีความสุข เพียงแต่มันแค่น้อยกว่ามีเซ็กซ์กับยุนอาเท่านั้นเอง




ยุนอาเร่งกระแทกเรียวนิ้วเข้าออกในช่องทางร้อนของแทงกูพร้อมทั้งปลายนิ้วอีกข้างที่กดขยี้เนื้อบวมเปล่งนั้นให้เร็วแรงขึ้นเรื่อยๆ
จนในที่สุดร่างเล็กนั้นก็เกร็งกระตุกถี่ๆอย่างรุนแรง
ของเหลวภายในช่องทางร้อนที่ตอดรัดเรียวนิ้วยาวนั้นไหลทะลั่กออกมาจนเปียกไปทั่วบริเวร
ยุนอาละมือข้างซ้ายออกจากชิ้นเนื้อที่บวมเปล่งของแทงกูเพื่อเท้าลงกับเตียง
แล้วโน้มกายลงไปประทับจูบยังไหล่เล็กที่ยังเกร็งสั่นอยู่เล็กน้อย อาจเป็นเรียวนิ้วที่ยังไม่ถูกถอนออกมา
แทงกูหันมาประกบจูบที่เรียวปากของคนทำให้ร่างกายเธออ่อนปวกเปียก ดูดดุนอย่างหนักหน่วง
ยุนอารับรู้ได้ถึงรสชาติเฝื่อนในช่องปากที่ขยับดูดดุนกันอยู่นั้น แต่นั่นไม่ได้ทำให้ยุนอาละความสนใจไปจากการป้อนจูบเลยแม้แต่น้อย
เพราะยุนอาก็พอจะรู้ว่ารสชาตินั้นมันเกิดจากที่ร่างเล็กนั้นขบกัดริมฝีปากตัวเองจนเกิดบาดแผล แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนอย่างแทงกูอยู่แล้ว

"อาห์~"
แทงกูหลุดครางออกมาอีกครั้งเมื่อยุนอากระตุกเรียวนิ้วย้ำสัมผัสภายในเน้นๆก่อนจากถอนเรียวนิ้วออกมาช้าๆ
แต่ยังคงลากไล้ถูไถอยู่ในร่องกลีบเนื้อฉ่ำเยิ้มอยู่ สะกิดเอาติ่งไตชิ้นเนื้อที่เริ่มจะอ่อนตัวลงหลังจากได้รับการปลดปล่อย
ให้เริ่มขยายตัวแข็งชันขึ้นอีกภายในเวลาต่อมา



.


.



แทงกูพลิกตัวมานั่งพิงหัวเตียงก่อนจะดึงใบหน้าของยุนอามาประกบจูบอีกครั้ง เรียวลิ้นตวัดหยอกล้อกันอยู่ภายในช่องปาก
เพียงแค่ได้จูบกับยุนอา อารมณ์ความต้องการของกูก็เริ่มก่อตัวขึ้นอีกทั้งที่เพิ่งจะปลดปล่อยมันออกไปไม่รู้อีกครั้งแล้ว
เมื่อจูบจนคิดว่าพอได้แล้วร่างเล็กก็ผละออกมากระซิบเสียงพร่าชิดริมฝีปาก

"อยากโดนยุนเลีย ...ตรงนั้น"

หลุบสายตาสีฟ้าครามหวามไหวลงมองจุดอ่อนไหวของตัวเองที่เปรอะไปด้วยของเหลวลื่นไปทั่วบริเวร ทั้งเรียวขาทั้งสองข้างที่อ้าออกจากกันอย่างเชิญชวน
ยุนอาเลื่อนสายตาลงตามแทงกูไปมองจุดอ่อนไหวที่ขึ้นสีฉ่ำระเรื่อเนื่องจะผ่านการถูกเธอสัมผัสอย่างหนักหน่วงมาเมื่อครู่
กลีบปากเรียวด้านล่างถูกเจ้าตัวมันขบกัดไว้อย่างห้ามไม่ได้ ตรงนั้นก็แทงกูมันน่ากินเสียจนยุนอาแทบคลั่งเพียงแค่ได้มอง
ก่อนจะโน้มใบหน้าลงราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้ยุนอาไม่สามารถปฏิเสธได้


แทงกูครางอืมอย่างพึงพอใจเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนนุ่มลื่นไล้อยู่ในร่องกลีบเนื้ออูมอวบของตัวเอง
กายเล็กแอ่นขึ้นราวกับจะป้อนให้ร่างสูงนั้นกลืนกินเธอให้เร็วกว่านี้
แรงดูดดุนที่ส่วนยอดชิ้นเนื้อบวมเปล่งนั้นพาให้ความเสียวซ่านที่ยังไม่หมดไปกลับแล่นเข้ามาอีก
ทั้งฟันคมที่ขบกัดเบาๆอย่างหยอกล้อสลับกับเรียวลิ้นที่ตวัดลากเน้นย้ำ ยิ่งทำให้แทงกูครางเสียงหวานเรียกชื่อเจ้าของเรียวลิ้นนั้นไม่หยุดปาก
มือเล็กเลื่อนไปแหวกกลีบเนื้ออูมอวบของตัวเองให้แยกออกจากกันมากขึ้น เพื่อให้อีกคนได้ทำอะไรกับมันได้สะดวกขึ้น
ยุนอาอามองการกระทำนั้นของแทงกูในระยะประชิด แม้ว่าปรกติแล้วแทงกูจะออกตัวแรงเสมอ แต่การกระทำแบบนี้เจอกี่ครั้งก็ยังไม่ชินสักที
ทุกครั้งที่ได้เห็นกลีบเนื้ออูมอวบนั้นถูกแหวกออกจนเห็นภายในร่องกลีบสีหวานนั้นอย่างชัดเจนในระยะประชิดแบบนี้
มันไม่ง่ายเลยที่ยุนอาจะพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองไว้ แทบจะเผลอฝังคมเขี้ยวลงบนจุดอ่อนไหวของร่างเล็กไปเต็มแรง อย่างบ้าคลั่ง
แต่ดีหน่อยที่ยุนอายังคงดึงสติของตัวเองไว้ได้ จึงได้แค่ดูดดุนชิ้นเนื้อบวมเปล่งนั้นหนักๆ จนกายเล็กกระตุกเกร็ง

"อาห์ ยุนอา~พี่ชอบจัง~"

แทงกูยังคงจับจ้องใบหน้าเรียวสวยได้รูปที่กำลังปรนเปรออยู่กับจุดอ่อนไหวของเธอ
ไม่รู้จะหาคำไหนมาพร่ำบอกว่าเธอชอบสัมผัสนั้นมากแค่ไหน เวลาที่ถูกยุนอาดูดแรงๆที่ตรงนั้น มันทำให้เธออยากจะกรีดร้องเรียกชื่อยุนอาออกมาดังๆ
ทั้งเรียวลิ้นอุ่นลื่นของยุนอาที่ตวัดเลียทุกซอกทุกมุมอย่างช่ำชองนั้นอีก เน้นย้ำที่จุดไวต่อความรู้สึกของเธอที่สุด
ราวกับร่างสูงนั้นรู้จักร่างกายของเธอเป็นอย่างดี ว่าต้องทำอย่างไรแทงกูถึงจะคลั่ง ตรงไหนคือจุดที่ไวต่อความรู้สึกที่แทงกูชอบมากที่สุด



แทงกูดึงยุนอาขึ้นมาประกบจูบอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าเธอเริ่มจะทนกับความต้องการของตัวเองไม่ไหวแล้ว
มือเล็กเลื่อนไปลูบเป้ากางเกงนอนตัวสั้นกุดของเธอที่ยุนอาสวมใส่อยู่อย่างปลุกเร้า และตรงนั้นมันก็ชื้นแฉะซึมออกมาบนเนื้อผ้าบางๆ
ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างออกแรงกระชากมันออกจากกันจนขาดวิ่นพลางโยนมันทิ้งไปอย่างไม่ใยดี
แล้วลากมือเล็กกลับมาที่ระหว่างขาของยุนอาอีกครั้งและตอนนี้ตรงนั้นของยุนอาก็ฉ่ำเยิ้มไปไม่ต่างจากเธอเลย
เรียวนิ้วลากแหวกกลีบเนื้อสะกิดย้ำๆบนชิ้นเนื้อที่ขยายตัวบวมเปล่งแข็งชันขึ้นสู้ปลายนิ้ว อย่างเชิญชวน
ยุนอาครางอืมให้กับสัมผัสวาบหวามที่ร่างเล็กนั้นหยิบยื่นให้
มือเรียวยกขึ้นนวดคลึงก้อนเนื้อเนินอกที่โผล่ออกมาจากซีทรูวาบหวิวของแทงกูอย่างสนุกมือ พร้อมกับใช้ปลายนิ้วกดขยี้ส่อนยอดที่แข็งชัน



"เอาพี่สักทีสิคะยุนอา~ พี่รอไม่ไหวแล้วนะ"

แทงกูผละจูบออกมากระซิบเสียงกระเส่าชิดริมฝีปาก ปลายนิ้วก็ขยี้ชิ้นเนื้อของร่างสูงย้ำๆอย่างเร่งเร้าจนยุนอาครางเสียงพร่าออกมา
ยุนอายกยิ้มเล็กน้อยจะว่าเธอโรคจิตก็ได้นะแต่เธอชอบที่จะได้ยินแทงกูพูดอะไรแบบนั้นอย่างหาสาเหตุไม่ได้เสียจริงๆ
ก่อนจะขยับกายสอดขาของเราพาดสลับกันกดสะโพกเบียดหว่างขาเข้าด้วยกันให้แนบสนิท
เสียงครางหวานหูของแทงกูนั้นทำให้ยุนอาไม่อยากจะเสียเวลาไปแม้แต่วินาทีเดียว
สะโพกมนขยับบดเบียดส่วนอ่อนไหวของเราถูไถกันไปมาสร้างความวาบหวามได้ไม่น้อย

แต่ไม่รู้ว่ายุนอาใจเย็นหรือว่าแทงกูใจร้อนเกินไปกันแน่
เพราะมือเล็กของแทงกูนั้นเลื่อนไปขย้ำสะโพกของยุนอาพลางออกแรงรั้งเพื่อเร่งเร้าจังหวะให้หนักหน่วงขึ้น
และนั่นก็ทำให้ยุนอายกยิ้มออกมาอีกครั้ง ทั้งสายตาสีฟ้าที่ดูเข้มกว่าปรกติหยาดเยิ้มนั้น ยุนอารู้ดีว่าแทงกูต้องการเธอมากแค่ไหน
แต่ร่างสูงก็ยังฝืนแรงรั้งที่สะโพกมนอยู่อย่างนั้น ก่อนจะเอ่ยเสียงกระเส่าทั้งที่ยังสบตากันยั่วคนอายุมากว่าเล่น

"พูดสิคะแทงกูยา~"



"อยากโดนยุนเอาแรงๆ~"

แทงกูไม่ได้หลบสายตาร้อนแรงที่สบเข้าด้วยกันแม้แต่น้อย พร้อมเอ่ยเสียงกระเส่าไม่แพ้กัน
ตอบคนอายุน้อยกว่ากลับไป คิดไม่ถึงว่ายุนอาจะเรียกร้องให้เธอพูดอะไรแบบนี้
หรืออาจจะเป็นเพราะว่าปรกตินั้นเธอพูดก่อนที่ยุนอาจะเรียกร้อง แต่ถึงอย่างไรแทงกูก็ชอบที่จะพูดให้ยุนอาฟังอยู่แล้ว
ยุนอายกยิ้มอย่างพึงพอใจให้กับคำตอบของคนตัวเล็ก ก่อนจะเร่งจังหวะรัวสะบัดสะโพกขยี้จุดอ่อนไหวของเรา
ชิ้นเนื้อบวมเปล่งที่บดเบียดเสียดสีกันอย่างแนบแน่นจนรู้สึกได้ถึงความร้อนรุ่มที่อยู่ภายใน
เสียงครางกระเส่าปนเสียงหอบหายใจดังขึ้นเรื่อยๆตามเสียงผิวเนื้อชื้นแฉะกระทบกัน ยิ่งเร็ว แรง หนักหน่วงมากแค่ไหน
ความเสียวซ่านก็ยิ่งพรุ่งพร่ามากเท่านั้น แทงกูโน้มใบหน้าไปประกบจูบยุนอาอย่างร้อนแรง
มือเล็กก็ยังคงประคองสะโพกมนของร่างสูงไว้เพื่อเพิ่มแรงกระแทกให้หนักหน่วงยิ่งขึ้น
มือเรียวทั้งสองข้างของยุนอาเท้าลงกับหัวเตียงเพื่อหาที่ยึดเหนี่ยว พลางรัวเด้งสะโพกให้เร็วแรงขึ้นอีก


.


"อาห์~"

เสียงครางประสานกันดังขึ้นพร้อมกับร่างทั้งสองเกร็งกระตุกถี่ๆ ของเหลวอุ่นลื่นหลั่งออกมาจากช่องทางทั้งสอง ที่ตอนนี้ยังคงแนบชิดกันอยู่
ยุนอาเลื่อนมือจากหัวเตียงกลับมาลูบเรือนผมสีบลอนด์สว่างของคนอายุมากกว่าราวกับจะบอกอะไร
แทงกูกระชับกอดเอวบางของร่างสูงไว้อย่างรักใคร่ทั้งที่ตรงนั้นของเรายังสัมผัสกันอยู่
ร่างสูงผละใบหน้าออกมาจากซอกคอของร่างเล็ก เพื่อจับจ้องดวงหน้าขาวนั้น พลางเผยรอยยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้
คิดไม่ถึงจริงๆว่าเธอจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าของของแทงกู เพราะเท่าที่ยุนอารู้มาก็ยังไม่เคยมีใครได้เป็น
ยุนอาคือคนแรก...และยังเป็นคนเดียวที่ได้เป็นเจ้าของ ของแทงกู...

"ยิ้มอะไร อื้อ~"

ถามจบร่างเล็กก็ต้องครางออกมาอีกระลอกเมื่อยุนอากดสะโพกลงแนบแน่นขยับเน้นสัมผัสเล็กน้อยก่อนจะผละออก
แต่จุดอ่อนไหวของเราก็คงอยู่ใกล้กันมากพอที่จะแตะสัมผัสกันอยู่เรื่อยๆ แทงกูหลุบตาลงมองยังส่วนล่าง
มือเล็กเลื่อนลูบไล้สะโพกผายของร่างสูงอย่างเย้ายวนเมื่อนัยน์ตาสีครามนั้นไปบรรจบที่จุดอ่อนไหวของยุนอา

"นอนได้แล้วค่ะแทงกูยา จะเช้าแล้วนะ"

ยุนอาเอ่ยเสียงอ่อนเพราะรู้ว่าแทงกูจับจ้องอะไรอยู่ อีกทั้งมือเล็กที่ยังลูบไล้สะโพกเปลือยเปล่าของเธออย่างปลุกเร้านั่นอีก
และสายตาของร่างเล็กกับเรื่องบนเตียงอย่างนี้นั้นก็เดาได้ไม่ยากว่าแทงกูกำลังต้องการอะไร
ไม่ใช่ว่ายุนอาไม่อยากทำแต่บางทีเธอก็เป็นห่วงสุขภาพของร่างเล็ก แม้จะรู้ว่าแทงกูน่ะแข็งแกร่งกว่าเธอไม่รู้กี่เท่า
แทงกูได้ยินคนอายุน้อยกว่าพูดออกมาอย่างนั้นแล้วก็อดยกยิ้มออกมาไม่ได้
ก็เธอเล่นยั่วยุนอาไม่หยุดหย่อนนี่ถ้าร่างสูงไม่บอกว่าจะเช้าแล้วเธอก็คงจะยังยั่วเค้าต่อไปอีกแน่นอน


.


"ชอบเวลายุนเอารัวๆแบบนั้น"
ยุนอายกคิ้วขึ้นสูงกว่าคราแรกที่เห็นว่าร่างเล็กที่นอนอยู่ข้างๆนั้นเอาแต่จ้องหน้าเธอพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่พักใหญ่
หลังจากที่แทงกูจัดการกับที่นอนให้กลับมาเรียบร้อยอย่างที่มันควรจะเป็น ก็ไม่ได้ทำอะไรมากหรอก
แค่อะไรที่ขาดลุ่ยก็โยนทิ้งไปแล้วเอาอันใหม่มาเปลี่ยนแค่นั้นแหละ

"แล้วแบบปรกติไม่ชอบเหรอคะ"
ยุนอาแกล้งถามกลับไปอย่างนั้น พลางทำหน้าตาใสซื่อใส่คนอายุนมากกว่า
สร้างความหมั่นเขี้ยวให้แทงกูได้ไม่น้อยเลย คนตัวเล็กจึงใช้ฟันคมขบกัดเข้าที่ปลายจมูกโด่งๆของร่างสูงไปทีนึงอย่างหยอกล้อ
แบบปรกติที่ยุนอาว่านั้นก็ไม่ใช่ว่าแทงกูไม่ชอบ แต่แบบรัวๆเนี่ยชอบมากกว่าไง ถึงจะโดนยุนอาทำอย่างนั้นบ่อยอยู่พอสมควร
แต่แทงกูก็ยังคลั่งแทบขาดใจทุกที อาจเป็นเพราะความสามารถติดตัวของยุนอาที่มีความเร็วในร่างกายมากกว่าเชลล่าปรกติ
เลยส่งผลให้การเร่งเร้าจังหวะต่างๆของร่างสูงนั้นเร็วกว่าปรกติตามไปด้วย
คล้ายกับเรี่ยวแรงของแทงกูที่มีมากกว่าปรกติเชลล่าทั่วไป จึงชอบเผลอทำลายข้าวของโดยไม่ตั้งใจเป็นประจำ
แต่ในด้านกลับกันความรุนแรงของแทงกูนั้นมันดันเข้ากันได้ดีกับความความเร็วของยุนอาได้อย่างลงตัวเสียอย่างนั้น







.




"คุณซูยองคะมีลูกค้าขอพบค่ะ"

เสียงพนักงานสาวกล่าวบอกผู้เป็นเจ้าของร้านที่นั่งทำหน้าบุญไม่รับอยู่ที่เค้าเตอร์ด้านใน ซึ่งปรกติแล้วซูยองจะไม่ค่อยนั่งอยู่ตรงนี้สักเท่าไรนัก
อาจเป็นเพราะส่วนใหญ่จะนั่งเม้าส์กับเพื่อนรักซี้ปึ๊กอย่างทิฟฟานี่ที่หน้าร้านเสียมากกว่า แต่เพราะหลังจากสองคืนก่อนนั้นมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น
และเธอเองก็ยังไม่ได้พบเจอเพื่อนรักคนสุดท้ายอีกเลย แล้วนั่นก็เป็นเหตุที่ทำให้เธอมานั่งอยู่ตรงนี้พร้อมกับอารมณ์ที่ข่นหม่องเหลือเกิน
ทั้งที่เป็นกังวลว่าการทำพลาดของตัวเองนั้นจะปลิดชีวิตคนสำคัญคนสุดท้ายในชีวิตไป
หากแต่ซูยองก็รู้จักทิฟฟานี่มากพอที่จะคิดว่าการถูกกระสุนธาตุ Darkness ฝังเข้าที่อกข้างซ้ายนั้นจะยังไม่สามารถปลิดชีวิตเพื่อนสาวเธอได้ก็ตาม
ถึงจะอย่างนั้นก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดีนั่นล่ะ
ร่างสูงยกเรียวคิ้วขึ้นเล็กน้อยเชิงว่า มีเรื่องอะไรหรือเปล่าทำไมลูกค้าถึงต้องขอพบเธอ หรือลูกค้าคนนั้นเป็นใคร
เพราะตอนนี้ซูยองเองก็ค่อนข้างหวาดระแวงว่าจะถูกแอมเบอร์ลากตัวไปลงโทษที่ทำงานพลาดอีก
ซึ่งน่าแปลกที่ครั้งนี้เธอมีชีวิตอยู่ได้อย่างปรกติมันถึงสองวันและนี่ก็เริ่มจะเข้าวันที่สามแล้ว

"คือเค้าไม่ได้มีเรื่องไม่พอใจอะไรกับทางร้านหรอกนะคะ ดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นคนรู้จักหรือเพื่อนคุณมากกว่า"

พนักงานสาวอธิบายต่อเพื่อไขข้อข้องใจทางสีหน้าของผู้เป็นนาย ซึ่งเธอก็ไม่สามารถบอกอะไรไปมากกว่านี้ได้แล้ว
เพราะนอกจากจะไม่รู้จักลูกค้าคนนั้นเธอก็ยังไม่เคยเห็นเค้าเข้ามานั่งในร้านเลยเช่นกัน
แต่ท่าทางที่ดูเป็นมิตรนั้นทำให้เพื่อนรู้สึกได้ว่าเค้าอาจจะเป็นคนรู้จักหรือเพื่อนของซูยองก็เป็นได้

ซูยองครุ่นคิดตามอยู่ไม่นานก็เพยิดหน้าให้พนักงานสาวกลับออกไปทำหน้าที่ก่อน เธอพยายามนึกอยู่ว่าใครกันนะที่จะมาพบ
เพราะถ้าเป็นทิฟฟานี่หรือสเตฟานี่พนักงานในร้านจะต้องรู้จักกันทุกคนแต่นี่ดูท่าแล้วคงไม่มีใครรู้จักแน่นอน
ถึงจะยังคิดเดาคำตอบกับตัวเองไปเรื่อย ร่างสูงโย่งก็ยันกายลุกขึ้นยืนเต็มส่วนสูง ก่อนที่สองขาเรียวจะก้าวพาร่างของตัวเองออกไปยังหน้าร้าน

ซูยองนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อพบว่าใครคือลูกค้าที่ขอพบเธอ ภายในความคิดเริ่มเกิดข้อสงสัยละคนข้องใจมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่สองขาเรียวก็ยังคงสาวเท้าพาร่างสูงโย่งของตัวเองเข้าไปใกล้อีกฝ่ายที่ถูกกล่าวถึง
ก่อนจะหยุดยืนข้างๆโต๊ะที่มีร่างของลูกค้าที่น่าจะเรียกได้ว่าคนรู้จัก?นั่งอยู่
พลางเอ่ยทักอีกฝ่ายไปด้วยประโยคค่อนข้างเป็นทางการอย่างที่ควรจะเป็นในการสนทนากับลูกค้า
"มีอะไรหรือเปล่า...คะ?"

"นิดหน่อย นั่งก่อนสิ"
ซูยองหย่อนกายลงนั่งฝั่งตรงข้ามโดยที่ยังไม่ละสายตาจากอีกฝ่ายไปแม้แต่วินาทีเดียว ทั้งยังแปลกใจที่คนๆนี้มาปรากฎตัวในร้านเธอแบบนี้
แต่อีกความรู้สึกคือไม่ค่อยจะไว้ใจว่าอีกฝ่ายนั้นจะมาดีแน่ๆหรือเปล่า
ร่างสูงโน้มใบหน้าเข้าไปหาอีกคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเล็กน้อยเพื่อจะเอ่ยประโยคต่อไปเสียงต่ำผละแผ่วรอดไลฟันออกมา
"ชั้นอยากจะรู้ว่าเธอมาทำอะไรที่นี่กันแน่ แทยอน..."

เจ้าของชื่อได้ยินอย่างนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง นั่นน่ะสินะเธอจะมาที่นี่เพื่ออะไรกันล่ะ
ถ้าไม่ใช่นึกติดใจกับคำขอร้องของใครบางคน ที่ขอให่เธอช่วยคนสำคัญคนสุดท้ายของเค้าไว้
แต่สิ่งที่ปรากฎอยู่ตรงหน้านี้ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรผิดปรกติเลยนี่นา
เพราะจากร่างเล็กตวัดไล่สายตาสำรวจร่างสูงผอทสูงของคนตรงหน้าแล้วก็ไม่ได้มีร่องลอยอะไรแม้แต่น้อย

"ชั้นก็แค่มาเช็คดู... ว่าเธอคิดจะยอมรับข้อเสนอที่ชั้นเคยให้ไว้ได้หรือยัง"

แทยอนโน้มกายเข้าหาอีกฝ่ายพร้อมเอ่ยออกไปแผ่วเบาราวกับกลัวว่าจะมีใครได้ยินประโยคสนทนาระหว่างเธอและซูยอง
ที่แทยอนเลือกถามออกไปอย่างนั้นก็เพราะว่าคนอย่างเธอคงจะไม่บอกร่างสูงนี้ไปตรงๆหรอกว่า
จริงๆแล้วทิฟานี่ขอให้เธอมาเพื่อช่วยเค้า
เพราะหากซูยองปฏิเสธแล้วแทยอนก็ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้เช่นกัน
ซูยองยกเรียวคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจกับคำถามของคนตัวเล็ก ไม่ใช่ว่าจำไม่ได้ว่าแทยอนเคยยื่นข้อเสนออะไรไว้ให้
ถึงจะผ่านมาหลายวันแต่คำพูดของคนตัวเล็กนั้นก็ยังคงฝังลึกอยู่ในความทรงจำของเธออยู่
แต่สิ่งที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นก็คือเพราะอะไรกันหรือแทยอนถึงคิดจะยื่นข้อเสนอนี้ให้กับเธอ
และยังตามกลับมาย้ำแบบนี้อีก ซึ่งซูยองก็ไม่อาจจะหาคำตอบให้กับตัวเองได้เลย
ทั้งที่กับพวกอะบิสคนอื่นๆทั้งแทยอนและแทงกูก็เลือกที่จะกำจัดทิ้งไปจนสิ้นซาก แต่กับเธอกลับรอดมาได้ถึงสองครั้ง
แม้ในครั้งล่าสุดนี้จะไม่มีการปรากฏตัวของแทยอนหรือแทงกูก็ตามที แต่เท่าที่ซูยองสืบรู้ข้อมูลมาได้นั้นคือ
หากใครที่เล่นงานเจสสิก้าแล้วไม่ว่าข้างๆเจสสิก้าในตอนนั้นจะมีแทยอนหรือแทงกูอยู่ด้วยหรือไม่ แต่สุดท้ายผู้ที่เล่นงานก็ต้องถูกปลิดชีวิตอยู่ดี
และเพราะรู้มาอย่างนั้นซูยองถึงได้ระแวงว่าแทยอนจะมาดีแน่ๆหรือเปล่า หรืออาจจะเป็นเพียงแค่ละครตบตาเพื่อหลอกให้เธอไว้ใจ
และสุดท้ายก็ตัดลมหายใจเธอทิ้งง่ายๆ และนั่นก็ทำให้ซูยองเลือกที่จะถามคนตัวเล็กกลับไปอย่างตรงไปตรงมา

"ทำไมเธอถึงยื่นข้อเสนอนั้นให้ชั้น งั้นเหรอ"

"ชั้นคิดว่าชั้นเคยบอกเธอไปแล้วนะ ซูยอง"

ซูยองพยายามนึกตามประโยคล่าสุดของแทยอนซ้ำไปซ้ำมา แต่เธอก็ไม่สามารถหาคำตอบนั้นเจออยู่ดี
เคยบอกงั้นเหรอ ตั้งแต่เมื่อไรกัน เพราะเท่าที่จำความได้เธอกับแทยอนก็เคยเจอกันครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ส่วนครั้งแรกก็คืนตอนที่ประทะกัน
หรือว่า... เหตุผลของแทยอนจะมีเพียงแค่...

'เธอไม่ได้เต็มใจมาสู้กับฉันสินะ'

หนึ่งในประโยคสนทนาสั้นๆในขณะที่ประทะกัน ดังขึ้นมาในความคิดของซูยอง
เพราะนอกจากประโยคนี้แล้วเธอก็ไม่ได้รู้สึกว่าประโยคอื่นๆน่าจะเป็นเหตุผลได้มากไปกว่านี้เลย
แล้วทำไมกันกับเพียงแค่เหตผลเล็กๆน้อยทางความรู้สึกของเธอนั้นถึงได้มีอะไรที่ทำให้แทยอนนึกจะยื่นข้อเสนออันยิ่งใหญ่แบบนั้นให้กันล่ะ

"เหตุผลแค่นั้นน่ะเหรอ?"
ในเมื่ออยากรู้ก็แค่ลองถามคนตัวเล็กออกไป ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากหลุดพ้นจากพันธสัญญานี้ในตอนนี้
แต่บางทีก็คิดว่าการที่ได้หลุดพ้นเพราะมีใครยื่นมือเข้ามาช่วยนั้นมันไม่ได้น่าดีใจเลยสักนิด แต่การที่จะหลุดพ้นได้ก็ไม่ได้มีหลายทางเลือกนักหรอก
อย่างแรกก็แค่ต้องโค่นบอสอย่างแอมเบอให้ได้ อย่างที่สองคือไปเจรจาไก่เกลี่ยซึ่งซูยองรู้ดีอยู่แล้วว่าข้อนี้ไม่มีทางใช้ได้กับคนอย่างแอมเบอ
แถมยังเสี่ยงจะโดนเก็บทิ้งอีกด้วยซ้ำ
แต่ซูยองก็ไม่ได้รู้หรอกว่าแทยอนมีวิธีไหนที่จะช่วยให้เธอหลุดพ้นได้ ร่างเล็กถึงได้ดูมั่นอกมั่นใจเสียขนาดนั้น

"เหตุผลแค่นั้น... มันก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ"
แทยอนเอ่ยอย่างรู้ทัน เธอมองออกว่าซูยองนั้นไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างที่ควรจะเป็น
เพราะคนของอะบีสนั้นส่วนใหญ่ก็ควรจะใจโฉดกว่านี้
และจำเป็นต้องไร้สำนึกมากพอที่จะปลิดชีวิตใครหลายๆคนได้โดยไม่รู้สึกอะไรแม้ว่าคนที่ต้องรับเคาะห์นั้นจะเป็นผู้บริสุทธ์ก็ตาม



แต่ยังไม่ทันที่แทยอนแล้วซูยองจะได้คุยอะไรกันไปมากกว่านี้ ทั้งสองก็ได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊งของประตูร้าน
และตามมาด้วยร่างเพรียวของบุคคลที่สาม ที่สาวเท้าก้าวมาหยุดอยู่ตรงข้างโต๊ะที่มีแทยอนและซูยองนั่งอยู่
ทั้งสองหันไปมองร่างเพรียวของผู้มาใหม่อย่างแปลกใจ นี่วันอะไรทำไมถึงต้องมาเจอกันตอนนี้...

"โบรา? นี่มาถึงร้านชั้น?"
กลายเป็นซูยองที่เอ่ยทักร่างเพรียวออกไปอย่างนั้น ด้วยเพราะปรกติแล้วโบราจะไม่ค่อยปรากฎตัวที่นี่สักเท่าไร
แม้ว่าร่างเพรียวนั้นจะอยู่อะบิสเหมือนกับซูยองหรืออีกสถานะนึงก็คือเป็นเพื่อนของทิฟฟานี่หรือสเตฟานี่ด้วยก็ตาม
เพราะงั้นการที่โบราปรากฎตัวที่ร้านของซูยองแบบนี้นั้นหมายความว่าต้องมีเหตุผลบีบบังคับอะไรสักอย่างแน่นอน

"บอสเรียกพบ..."
โบราตอบเพียงสั้นๆด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับกลัวว่าใครจะได้ยิน แต่สายตานั้นก็เอาแต่จับจ้องคนตัวเล็กที่นั่งร่าวโต๊ะกับซูยองอยู่ไม่วางตา
นึกแปลกใจอยู่มากที่ได้เห็นภาพนี้ เพราะโบราเองก็รู้ดีว่าแทยอนน่ะคือหนึ่งในสามเป้าหมายหลักที่อะบิสต้องเพ่งเล็ง
แล้วทำไม่เพื่อนตัวโย่งของเธอถึงได้มานั่งจิบน้ำชาด้วยอยู่อย่างนี้กัน แถมแทยอนนั้นก็ดูเป็นมิตรเสียมากกว่าจะเป็นศัตรูอีกด้วย
จากตอนแรกที่ไม่อยากเชื่อว่าซูยองทำงานพลาดไปถึงสองครั้งติด จนถึงตอนนี้โบราเริ่มตะขิดตะขวงในใจแล้วว่า
ที่พลาดนั่นคือตั้งใจให้เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า ดูจากภายนอกในระยะใกล้ขนาดนี้แล้ว แทยอนดูไม่น่ามีพิษภัยอะไรเลย ออกจะเหมือนคนธรรมดาเสียด้วยซ้ำ
กับระดับอย่างซูยองแล้วน่าจะจัดการได้ง่ายๆแบบใช้เวลาไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ

"เค้าให้ชั้นไปตอนไหนล่ะ"
ซูยองสูดลมหายใจเข้าลึกๆเตรียมใจไว้เพื่อยอมรับชะตากรรมต่อไปของตัวเอง
พลางพร่ำบอกอยู่ในใจว่าอะไรก็ได้แค่ไม่ถึงตายก็พอ จะสาหัสแค่ไหนก็ยอม
เพราะเธอยังอยากมีชีวิตอยู่เพื่อเห็นวันที่แอมเบอและแทยอนหรือแทงกูนั้นทะปะกันอย่างจริงจังจนมีใครคนใดคนนึงจบพ่ายแพ้ไปตลอดการ
ซึ่งซูเองก็ดันภาวนาว่าหากวันนั้นมาถึงจริงๆเธอขอให้เทะริฟฟิคคว้าชัยไป เสียอย่างนั้น ทั้งที่ตัวเองอยู่อะบิสแท้ๆ

"ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงหลังจากนี้"

"เรียกเพื่อไปรับบทลงโทษที่ทำงานพลาดงั้นเหรอ"
แทยอนพูดแทรกขึ้นมาอย่างนิ่งๆ ก็แค่แปลกใจกับระบบดูแลลูกน้องของอะบิส
ซูยองหันขวับกลับไปมองหน้าแทยอนอย่างแปลกใจกึ่งตกใจ ที่คนเล็กนี่รู้มากถึงเพียงนี้
รู้ว่าทำงานพลาดไม่พอแถมยังรู้อีกว่าแอมเบอในนิรนามว่าบอสนั้นจะเรียกตัวเธอไปเพื่ออะไร

"ใช้มันก่อนที่จะไปแล้วกัน"
แทยอนโน้มใบหน้าเข้าไปเอ่ยเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบเพื่อให้ได้ยินกันแค่สามคน
ก่อนที่มือเล็กนั้นจะวางกล่องสีขาวขนาดเท่ามือจับกุมได้ที่มองจากภายนอกนั้นเหมือนเป็นแค่กล่องพลาสติกธรรมดาๆที่คนธรรมดาทั่วไปใช้บรรจุของที่เล็กกว่า
ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มส่วนสูงเปรยยิ้มมุมปากให้อีกสองคนได้เห็นแล้วสาวเท้าก้าวเดินออกไป

"นี่แกกับแทยอน...คือยังไง"
โบราถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ หลังจากที่เห็นว่าร่างเล็กนั้นก้าวพ้นประตูร้านของซูยองออกไปแล้ว
จะไม่ให้สงสัยได้อย่างไรกันในเมื่อคนอย่างซูยองไม่เคยทำงานพลาดมาก่อนจนถึงตอนที่เหยื่อกลายเป็นสามคนนี้
แถมภาพที่เห็นวันนี้ก็ช่างดูน่าจะมีอะไรเคลือบแฝงอยู่จะตายไป

"ก็เท่าที่เห็นนั่นแหละ"
ซูยองเองก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรเช่นกันเพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าแทยอนนั้นเป็นอย่างไรและต้องการจะทำอะไรกันแน่
คิดไปมือเรียวก็ค่อยเปิดกล่องปริศนาที่ร่างเล็กทิ้งไว้ให้อย่างใคร่รู้ และก็พบเข็มฉีดสารสามหลอดวางเรียงกันอยู่อย่างพอดิบพอดีอยู่ภายในกล่อง
สองเข็มบรรจุของเหลวสีแดงสดคล้ายกับสารธาตุไฟ? ส่วนอีกหนึ่งหลอดบรรจุของเหลวสีขาวขุ่นไว้ที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าคือสาร Power
แต่อีกสองหลอดเนี่ยสิ แทยอนคงไม่ให้สารธาตุไฟเธอมาหรอกจริงไหม เพราะก็ไม่รู้ว่าจะให้สารที่หาง่ายๆทั้งหมดมาเพื่ออะไร

"นี่มัน Red Power ใช่ป่ะ แทยอนไปเอามันมาจากไหนวะ"
โบราก้มลงมองสารชนิดที่เรียกได้ว่าอยู่ในตระกูลของแรร์ในระดับนึงอย่างแปลกใจ
งั้นหมายความว่าที่เธอมองแทยอนตอนแรกนั้นผิดทั้งหมดสินะ





.





"ไม่ได้รู้สึกผิดปรกติอะไรใช่มั้ย"
เสียงเล็กๆเอ่ยถามร่างเพรียวบนเตียง หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว เจสสิก้าก็พาทิฟฟานี่กลับมานอนในแล็บ
เพื่อทำการรักษาให้สิ้นสุดขั้นตอนเสียที เธออยากให้ร่างกายของทิฟฟานี่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซนเสียตั้งแต่วันแรก
ทั้งที่รู้สึกขอบคุณเหลือเกินที่เค้าช่วยเธอไว้ เพราะเจสวอก้าเองก็อาจกล้าคิดหรอก
ว่าถ้าหากเป็นเธอที่โดนกระสุน Darknass นั้นฝั่งลงไปที่อกข้างซ้ายแล้วจะเป็นอย่างไร
เธออาจจะไม่มีลมหายใจอยู่ถึงตอนนี้หรืออาจจะหมดลมหายใจไปตั้งแต่วินาทีนั้นเลยก็เป็นได้
ทิฟฟานี่ส่ายหน้าเล็กน้อยแทนคำตอบเพราะเธอก็ไม่ได้รู้สึกผิดปรกติอะไรมาตั้งแต่แรกแล้ว
แล้ววันนี้ก็รู้ดีสดชื่นกว่าเมื่อวานอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งทิฟฟานี่เองก็ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร เพราะเมื่อคืนได้ใกล้ชิดกับแทงกู
หรือเพราะหลังจากนั้นเธอได้มีอะไรกับเจสสิก้ากันแน่




"ดีละ เดี๋ยวอีกสักพักแทยอนก็มาแล้วล่ะ"

เจสสิก้าเปรยยิ้มออกมาบางๆพลางเอื้อมมือไปลูบแก้มนุ่มอย่างเบามือ เธอไม่แน่ใจหรอกว่าความรู้สึกที่มีต่อทิฟฟานี่ในตอนนี้น่ะ มันคืออะไร
ไม่รู้ว่าแค่ความรู้สึกขอบคุณ หรือมันคือความรู้สึกเดิมๆที่เคยมีต่อร่างเพรียวนี้กันแน่
แต่เจสสิก้าก็ไม่คิดจะค้นหาคำตอบอะไรให้กับตัวเองหรอก เพราะที่เป็นอยู่แบบนี้ตอนนี้เธอก็มีความสุขดีแล้วล่ะ
ทิฟฟานี่ยกมือขึ้นมากุมส่วนเดียวกันของเจสสิก้าไว้ ก่อนจะพามันมาประทับจูบเบาๆที่หลังมือบาง
เธอมักจะอ่อนไหวเสมอทุกครั้งที่อยู่กับเจสสิก้า ทุกเวลาที่อยู่ด้วยกัน เจสสิก้าทำให้เธอรู้สึกว่าอยากจะดูแลปกป้องทนุถนอมร่างบางนี้เหลือเกิน
เพราะถ้าให้ตอบไปตามความจริงแล้วเธอเองก็ไม่ได้หมดรักเจสสิก้าถึงแม้ว่าจะห่างกันไป เพียงแต่เธอรักแทงกูมากกว่าเท่านั้นเอง

"ชั้นพอจะเข้าใจเข้าล่ะว่าทำไมแทงกูถึงไม่เลือกใครแค่คนเดียว"

เจสสิก้าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ที่จู่ๆทิฟฟานี่ก็พูดออกอย่างนั้น พลางสบลึกเข้าไปในดวงตาสีเงินเงา
ที่ดูแข็งแกร่งเหลือเกิน หากแต่ตอนนี้กลับแฝงไปด้วยความอ่อนโยน

"พูดแบบนี้หมายความว่าเธอไม่ได้มีแทงกูคนเดียวงั้นสินะ"

ใช่เพราะทิฟฟานี่ก็ไม่ได้มีแทงกูเพียงคนเดียวเช่นกัน เพียงแค่แทงกูนั้นเป็นคนที่เธอรักมากที่สุดก็เท่านั้น
และเป็นเจ้าของของเธอ ซึ่งร่างเล็กนั้นก็ไม่เคยต่อว่าหรือไม่พอใจในเรื่องนี้ด้วย
เพราะการที่เธอไม่ได้หมดรักเจสสิก้า และยังมีวิคตอเรียที่คอยดูแลในหลายๆอย่างรวมไปถึงมีเซ็กส์กันนั้นก็เท่ากับว่าเธอมีคนอื่นนอกจากแทงกูเช่นกัน

"ชั้นก็ไม่ได้อยากจะพูดให้เธอลำบากใจหรอกนะแต่ชั้นยังมีความรู้สึกดีๆกับเธออยู่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง"

"ชั้นก็เหมือนกัน"

เจสสิก้าเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะเกิดแรงดึงดูดให้ใบหน้าของทั้งสองเคลื่อนเข้าหากันเรื่อยๆ
จนกระทั่งริมฝีปากเรียวบางประทับลงกับส่วนเดียวกันของอีกฝ่าย
รสจูบหอมหวานถูกป้อนให้กันและกันอย่างเนิบนาบ บางเบา หากแต่ความรู้สึกที่มากมายนั้นทั้งคู่กลับรู้สึกถึงมันได้ชัดเจน



"ขั้นตอนสุดท้ายของการรักษาเนี่ยสิก้าทำไปหมดแล้วมั้ง"
เสียงของผู้เข้ามาใหม่ดังขึ้นจึงเป็นเหตุที่ทำให้ทั้งสองคนที่ยังแลกเปลี่ยนความหอมหวานกันนั้นต้องผละออก
แทยอนเดินตรงไปยังโต๊ะผสมสารอย่างไม่ใส่ใจกับการกระทำของอีกสองคนสักเท่าไรนัก
ถึงในใจจะยังคงห่วงความรู้สึกของเจสสิก้าอยู่บ้างที่เพื่อนสาวของเธอนั้นต้องกลับมาใกล้ชิดกับทิฟฟานี่แบบนี้
แม้ว่าตอนนี้สิ่งที่เจสสิก้าแสดงออกมานั้นก็ไม่ได้แย่อะไรก็เถอะ แต่เรื่องของหัวใจน่ะใครก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องที่บังคับไม่ได้
แทยอนรู้ดีว่าคนอย่างเจสสิก้าน่ะเป็นอะไรรู้สึกอย่างไรก็มักจะแสดงมันออกมาตรงๆ เพราะงั้นในตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรให้น่ากังวลนัก

ไม่นานแทยอนก็เดินกลับมายังเตียงคนไข้ เจสสิก้าเห็อย่างนั้นแล้วก็เลือกที่จะส่งยิ้มให้คนบนเตียงไปเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องแล็บไป
แทยอนมองตามร่างบางของเพื่อนสาวอันเป็นที่รักอย่างแปลกใจ เธอนึกว่าเจสสิก้าจะอยู่ด้วยจนสิ้นสุดขั้นตอนเสียอีก
แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องน่าซีเรียสอะไรนัก มือเล็กจึงเอื้อมไปค่อยๆเลื่อนเปิดชุดคลุมของคนบนเตียงอย่างเบามือ เพื่อไม่ให้เผยผิวกายส่วนอื่นๆมากนัก
ก่อนจรดปลายเข็มที่มีสารสีม่วงลงยังอกข้างซ้ายตรงจุดที่ยังมีรอยบาดแผลจางๆอยู่
พลันสายตาตวัดขึ้นไปมองยังดวงหน้าหวานที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว แทยอนกำลังรู้สึกว่าดวงตาสีเงินเงานั้นกำลังจะบอกอะไรกับเธอสักอย่าง
แต่ร่างเล็กก็เลือกที่จะทำเป็นไม่ได้รู้สึกอะไร ก่อนจะตวัดสายตากลับไปที่ปลายเข็มอีกครั้ง
เมื่อกดไล่สารในหลอดลงสู่กล้ามเนื้อภายใต้อกจนหมดหลอดแล้ว จึงถอนปลายเข็มออกมาอย่างเบามือ
แล้วหยิบเข็มใหม่ที่มีสารสีแดงสดขึ้นมาทำอย่างเดียวกัน

ทิฟฟานี่มองการกระทำเหล่านั้นของคนตัวเล็กอยู่เรื่อยๆ เธอรู้สึกว่าวันนี้แทยอนดูแปลกๆไปจากปรกติอยู่หน่อยนะ
เหมือนจะดูนิ่งๆเงียบๆอย่างไรชอบกล ไม่มีวี่แววว่าจะกวนอารมณ์หรือส่งสายตาหื่นๆแทะโลมร่างกายเธออย่างทุกครั้ง
ถึงทิฟฟานี่จะรู้สึกว่าแทยอนเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วก็เถอะ แต่มันก็ผิดวิสัยของร่างเล็กนั้นมากเกินไป จนสุดท้ายร่างบางก็ต้องเปิดปากถาม

"เป็นอะไรหรือเปล่าแทยอน"

แทยอนเลื่อนสายตาขึ้นไปมองหน้าของคนที่เอ่ยถามพลางเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
เธอเป็นอะไรหรือดูผิดแปลกไปงั้นเหรอ ทิฟฟานี่ถึงได้ถามออกมาอย่างนั้น

"ก็วันนี้เธอดูนิ่งๆผิดปรกติ"

ทิฟฟานี่ขยายความต่ออีกหน่อยเมื่อเห็นสีหน้าฉงนสงสัยของอีกฝ่าย
แทยอนเพียงแค่ยิ้มบางๆออกมาเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร พลางทำน่าที่ของตัวเองต่อไป
ก็เธอเพียงแค่ต้องการทำการรักษาร่างบางนี้ให้เสร็จสิ้นสักที เพราะการที่ปล่อยให้ร่างกายไม่สมบูรณ์ไปนานๆนั้นมันไม่ใช่เรื่องดี
เหมือนกับการปล่อยให้ร่างกายสึกกร่อนไปเร็วกว่าเวลาอันควร และด้วยเหตุผลเพียงแค่ทิฟฟานี่ช่วยเจสสิก้าเอาไว้
เพียงเท่านั้นแทยอนก็แทบยอมจำนนทุกอย่างให้ร่างบางนี่แล้ว เพราะถ้าหากเจสสิก้าเป็นอะไรไปสักคนเธอเองก็คงจะอยู่ต่อไปไม่ไหวเหมือนกัน


.

"เรียบร้อยแล้วล่ะ อีกไม่เกินชั่วโมงร่างกายเธอก็จะสมบูรณ์ร้อยเปอรเซ็นแล้ว"

แทยอนเอ่ยพลางจัดการเก็บอุปกรณ์การรักษาตรงหน้าให้อยู่ในที่ที่มันควรจะอยู่
ก่อนจะกลับมามองดวงหน้าหวานของคนบนเตียงอีกครั้ง ก่อนจะเปล่งเสียงผละแผ่วออกมาทั้งที่ยังสบลึกเข้าไปในดวงตาสีเงินเงา
"ขอบใจนะที่ช่วยสิก้าไว้น่ะ"

"ไม่ต้องขอบคุณหรอก ชั้นเต็มใจจะช่วย"
กลีบปากขยับพูดพร้อมรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะยกมือเรียวไปลูบไล้ใบหน้าใสของอีกฝ่าย โดยไม่คิดจะรอคำอนุญาติจากเจ้าของมัน
ทำไมบางครั้งที่ได้อยู่กับแทยอนแบบนี้ทิฟฟานี่ก็รู้สึกเหมือนกับว่าเธอได้อยู่กับแทงกูกันนะ และครั้งนี้ก็เช่นกัน
ถึงแม้ว่าจะไม่มีการกระทำใดๆที่คล้ายกันแต่เพียงแค่ได้สบตาสีน้ำตาลทองนั้นก็
กลับรู้สึกได้ถึงความคล้ายคลึงกันราวกับเป็นคนๆเดียวกันอย่างไรอย่างนั้น
แต่ถ้าหากเป็นอย่างนั้นขึ้นมาจริงๆเธอควรจะทำอย่างไรดีนะ แล้วการที่ทิฟฟานี่ยิ่งได้รู้ว่าแทงกูเป็นของยุนอานั้น
เธอก็ยิ่งคิดมากกับความเหมือนที่แตกต่างระหว่างแทยอนและแทงกู
เพราะถึงจะมีอะไรในหลายๆอย่างที่คล้ายกันแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีอะไรที่ไม่คล้ายกัน
ทิฟฟานี่คงจะคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญได้อย่างมั่นใจกว่านี้หากตัวเธอเองไม่ได้มีสองร่างแบบนี้
เพราะนั่นคือสิ่งที่เป็นไปได้และเป็นไปแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่เคยพบไม่เคยเจอใครคนอื่นที่เป็นแบบเดียวกันก็ตาม

แทยอนยังคงจับจ้องดวงหน้าสวยหวานของคนบนเตียงอยู่ แม้ว่าปฏิกิริยาที่แสดงออกไปนั้นจะดูเฉยชา
แต่ภายในความรู้สึกมันดันกลับกัน ยิ่งมีหลายๆอย่างเข้ามารุมเร้า รวมถึงร่างบางตรงหน้านี้ก็ช่างยั่วเก่งเสียเหลือเกิน
เธอแทบจะไม่อยากรอเวลาเพียงไม่ถึงชั่วโมงนี้เลยด้วยซ้ำ อยากจะทวงคำพูดที่เคยพูดไว้ ณ วินาทีนี้เลยจริงๆ

'หายดีเมื่อไรนะระวังตัวไว้แล้วกัน'

เสียงของตัวเองยังคงไหลเวียนอยู่ในโสตประสาทของแทยอนอยู่หลังวันวันนั้นพูดได้เอ่ยมันออกไป
และก็กลายเป็นว่าเธอเฝ้ารอให้เวลานั้นมาถึง ยอมรับว่าในความรู้สึกลึกๆก็อยากได้ทิฟฟานี่แต่นั่นมันก็แค่ส่วนนึง
เพราะแทยอนมีเหตุผลมากกว่านั้น จึงกลายเป็นว่าสุดท้ายแล้วไม่ว่าจะอย่างไร
แทยอนก็จะต้องมีอะไรกับทิฟฟานี่ให้ได้ อย่างน้อยก็หนึ่งครั้ง เพื่อเป็นการพิสูทอะไรหลายๆอย่าง



.





ร่างเล็กหยุดฝีเท้าลงเมื่อถึงจุดลับสายตาผู้คน หลังจากที่เธอนั้นวิ่งออกมาจากร้านของซูยองเมื่อครู่นี้
ถึงแม้ว่าจุดที่แทยอนยืนอยู่นั่นจะไม่ได้ไกลจากตัวเมืองมากนัก แต่มันก็ไร้ซึ่งผู้คนมากมายพอสมควร 
กลุ่มหมอกควันสีขาวปรากฎขึ้นพร้อมกับร่างของชายหนุ่มทันทีที่แทยอนหยุดฝีเท้าลง 
เพราะเธอมีเวลาที่จำกัดพอสมควรจึงเลือกที่จะเรียกใช้กีกวังแทนการขับรถออกมาเอง 
แต่การมากับกีกวังนั้นก็มีข้อควรระวังอยู่เล็กน้อยคือสายตาของผู้คนทั่วไป
เนื่องจากสกิลเทเลพอตของกีกวังนั้นเป็นอีกหนึ่งในสกิลแรร์ที่ยากจะมีคนเคยพบเจอ จึงไม่ควรปรากฎต่อสายตาประชาชนสักเท่าไร
เพราะจากจะเป็นเป้าสายตาแล้วก็ยังสามารถถูกจับตามองในระยะยาวได้อีกต่างหาก ซึ่งแทยอนไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้นแน่นอน

"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ... แทยอน"
ยังไม่ทันที่แทยอนและกีกวังจะได้ทำอะไรทั้งคู่ก็ต้องหันขวับมองไปยังต้นเสียงของบุคคลที่สาม ที่ไม่ควรจะมีในเวลานี้...
แทยอนค่อนข้างแปลกใจมากจนแทบจะกลายเป็นตกใจที่ได้เสียงคุ้นหูนี้ เสียงที่เคยได้ยินเมื่อนานมาแล้ว
และก็ไม่คิดว่าจะได้ยินมันอีกหรือเรียกอีกอย่างคือไม่อยากได้ยินเสียงนั้นอีกน่าจะใช่มากกว่า
ดวงตาเรียวจ้องเขม็งไปยังร่างสูงโปร่งของบุคคลที่สามที่กำลังสาวเท้าเยื้องย่างกายเข้ามานั้น
ราวกับต้องการจะขยี้ให้แหลกสลายกลายเป็นผุยผง ณ วินาทีนี้เสียให้ได้
สันกรามขบกันแน่นยิ่งได้เห็นเรียวหน้าอันหล่อเหลาที่มีร่องรอยบาดแผลเก่า ยิ่งชัดก็ยิ่งตอกย้ำ ว่าคือคนคนเดียวกันกับเมื่อหลายปีก่อน
บาดแผลที่ร่างเล็กนั้นเป็นคนทิ้งร่องรอยไว้เองกับมือทุกตำแหน่ง แม้ว่ามันจะเหลือเพียงรอยแผลเป็นจางๆแต่แทยอนก็จดจำมันได้แม่น
มือเล็กแตะเข็มขัดสีเงินของตัวเองไว้เพื่อเตรียมพร้อมปะทะกับอีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ

"แกน่าจะตายไปซะตั้งแต่เมื่อห้าปีที่แล้ว แอมเบอ..."

แทยอนกดเสียงลงต่ำพูดรอดไรฟันที่ขบกันแน่นจนเส้นเลือดปูด นัยน์ตาสีน้ำตาลทองในยามนี้คล้ายกับมีเปรวเพลิงความแค้นปะทุรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
แอมเบอกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างชอบใจที่ได้เห็นท่าทีโกรธเกรี้ยวอย่างนั้นของคนตัวเล็ก ก่อนจะก้าวไปหยุดยืนประชันหน้าในระยะมือเอื้อมถึง
กดใบหน้าลงต่ำเพื่อจะได้สบตากับคนตัวเล็กกว่า ก่อนจะเอ่ยเบาๆคล้ายกระซิบราวกับกลัวว่าจะมีใครมาได้ยินเข้า

"ก็คงต้องขอบคุณพ่อของแกแล้วล่ะที่ชุบชีวิตชั้นให้ได้มายืนอยู่ตรงหน้าแกนี่ไง"

แอมเบอเหยียดยิ้มอย่างมีชัยเมื่อได้เห็นว่าแววตาคนอีกฝ่ายนั้นเผยความรู้สึกแปลกใจปนตกใจอยู่ไม่น้อย 
แม้จะเป็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีที่แทยอนหลุดเผยความรู้สึกนั้นออกมาก่อนที่มันจะกดบดบังด้วยแววตาแข็งกร้าวเฉยชาอีกครั้ง
แทยอนยังคงนิ่งจ้องหน้าร่างสูงโปร่งอยู่อย่างนั้นแม้ภายในใจจะว้าวุ่นมากเพียงใด 
ทำไมเธอถึงไม่เคยรู้มาก่อนเลยล่ะว่าบิดาของเธอนั้นเป็นคนชุบชีวิตแอมเบอขึ้นมา 
แล้วมันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไรกัน เกิดขึ้นด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่อาจได้รับรู้

"แล้วแกจะฆ่าคนที่ชุบชีวิตแกเพื่อ?"

ภายใต้ความเฉยชาที่ถูกแสดงออกมานั้นเต็มไปด้วยความอ่อนแอ ยิ่งกลับมานึกถึงเรื่องนี้ แทยอนก็รู้สึกว่าเรี่ยวแรงที่มีมันค่อยๆจางหายไป
อีกทั้งในเวลานี้ก็มีเพียงแค่ตัวเองและกีกวังเท่านั้น ไม่ได้มีใครอีกคนที่เป็นดั่งที่พักพิงจิตใจ 
คิดถึงยุนอาจัง...
แต่นั่นก็โทษใครไม่ได้ในเมื่อยุนอาถามแล้วว่าให้มาด้วยไหมแต่แทยอนก็กลับปฎิเสธไป
บอกให้เค้ารออยู่ที่ห้องนั่นแหละเธอคงบอกมาไม่นาน แต่ก็นั่นแหละแทยอนก็คิดไม่ถึงว่าแอมเบอจะมาปรากฏตัวให้พบเจอง่ายๆเช่นนี้

"เพื่อไม่ให้กลับมาชุบชีวิตแกได้อีกยังไงล่ะ"

แอมเบอเอ่ยอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า ทั้งพละกำลังและความแข็งแกร่งที่มีในตอนนี้เธอคิดว่า 
เธอสามารถบดขยี้แทยอนให้แหลกไปเมื่อไรก็ได้ ตามที่ต้องการ
เพราะแบบนั้นแอมเบอถึงได้ใจเย็นไล่ต้อนแทยอนไปเล่นๆอย่างนึกสนุกอยู่อย่างนี้
มือเรียวถูกยกขึ้นมาหมายจะลูบไล้ดวงหน้าใสที่กำลังโกรธเกรี้ยวนั้นอย่างหยอกล้อ
แต่ก็ถูกมือเล็กปัดออกอย่างไม่หวงแรง ก่อนที่ปลายกระบอกโลหะสีเงินเงาจะถูกส่งมาจ่อยังอกข้างซ้าย
แต่แทนที่จะรู้สึกกลัวเกรงกับอาวุธนั้นกลายเป็นร่างสูงเปรยยิ้มออกมาอย่างท้าทาย ก่อนจะเอ่ยเสียงพร่า

"ลืมไปแล้วเหรอว่าแกเคยยิงมันจนทะลุไปแล้ว"


ฟลึบ!

ฟลึบ! ฟลึบ! ฟลึบ!

ไกปืนถูกลั่นทันทีที่ร่างสูงเอ่ยจบ แม้จะไร้เสียงจาก ปลายประบอก แต่เสียงกระสุนที่ฝังเข้ากับร่างของแอมเบอนั้นก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดี
ว่าปลายนิ้วนั้นเหนี่ยวไกไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง หากแต่แอมเบอยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น
แทยอนชักกระบอกโลหะสีเงินเงากลับเข้าเข็มขัดอย่างหงุดหงิดก่อนจะเหวี่ยงหมัดเข้าที่เรียวหน้าอันหล่อเหลาของร่างสูงเข้าเต็มแรง ผลัก!
พลางเลื่อนสายตามองตามร่างโปร่งที่กระเด็นไปตามแรงปะทะ รู้ดีว่าแอมเบอไม่ได้สะทกสะท้านอะไรอยู่แล้ว
เพียงแต่ช่วยบรรเทาความรู้สึกโกรธเกรี้ยวของแทยอนในตอนนี้ได้บ้างแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี
พลางคิดวิเคราะห์อยู่ในใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้สลับกับเมื่อห้าปีก่อน 
ในตอนนี้แอมเบออาจจะไม่ได้มีก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจอยู่ภายใต้อกข้างซ้ายนั่นก็เป็นได้
ดวงตาเรียวกวาดสำรวจไปทั่วร่างสูงโปร่งที่กำลังยันกายลุกขึ้นสาวเท้าก้าวเดินกลับมานั้น 
แม้จะยังมีกระสุนฝังอยู่ตามจุดสำคัญหลายจุดหากแต่กลับไม่ได้ของเหลวสีโกเมนที่มีกลิ่งคาวคลุ้งไหลออกมาแม้แต่น้อย
แทยอนขมวดคิ้วแน่นกับสิ่งที่พบเจอในตอนนี้ มันยังหลงเหลือความเป็นคนหรือเชลล่าอยู่จริงน่ะเหรอ...

"แทยอน!!..." ผลัก!

ยังไม่ทันที่กีกวังจะได้พูดอะไรต่อจากนั้นร่างเล็กของแทยอนก็กระเด็นไปตามแรงปะทะที่เรียวหน้า 
ชายหนุ่มรีบตามดิ่งเข้าไปหากายเล็กที่กลิ้งไปตามพื้นออกมาไกลจากจุดที่แอมเบอยืนอยู่พอสมควร 
และมันก็ไกลพอๆกับที่แอมเบอกลิ้งมาเมื่อครู่นี้เลย ชายหนุ่มเหนี่ยวเรียวคิ้วเข้าหากันอย่างช่วยไม่ได้เมื่อต้องใช้ความคิด
หมายความว่าแอมเบอมีพละกำลังมากพอๆกับแทยอนที่มีพละกำลังสูงกว่าเชลล่าปรกติอย่างนั้นเหรอ
สมองขบคิดคำนวลสองเรียวแขนกำยำนั้นก็ช่วยพยุงร่างเล็กให้ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอีกครั้ง
เพียงเท่านี้ก็เห็นได้ถึงความแตกต่างที่แอมเบอมีอย่างชัดเจนแล้ว เพราะการที่แทยอนกระเด็นกลิ้งออกมาเพราะหมัดที่ปะทะเข้ากับใบหน้านั้น
กายเล็กก็มีบาดแผลเกิดขึ้นให้ได้พบเห็นพร้อมกับของเหลวสีแดงโกเมนที่ซึมไหลออกมา แม้ไม่มากนักแต่ก็ยังมี
ซึ่งต่างไปจากแอมเบอเพราะร่างสูงนั้นมีเพียงบาดแผลที่เกิดขึ้น แต่กลับไม่มีเลือดไหลออกมาอย่างที่ควรจะเป็น
เมื่อลุกขึ้นทรงตัวได้แล้วร่างเล็กก็พุ่งตรงเข้าประชิดร่างสูงทันที พร้อมกับรัวหมัดใส่กายของอีกฝ่าย 
ซึ่งแอมเบอก็ไม่ปล่อยให้แทยอนรัวหมัดใส่ตัวเองอยู่ฝ่ายเดียว ทั้งสองแลกหมัดกันอยู่นานนับหลายนาที

"ยอมแพ้แล้วยกเจสสิก้าให้ชั้นดีกว่าน่า แกไม่มีทางสู้ชั้นได้หรอก"

แอมเบอเอ่ยอย่างหยามเหยียดทั้งที่สองมือนั้นยังคงเหวี่ยงจู่โจมร่างเล็กของคู่สนทนาด้วยอยู่ไม่ลดละ

"นั่นจะเป็นสิ่งเดียวที่แกจะไม่มีวันได้ครอบครองอีก จำใส่หัวเอาไว้ด้วย"

พูดจบก็เหวี่ยงสบัดปลายเท้าใส่ลำคอของคนตัวสูงกว่าเข้าเต็มแรง จนร่างของแอมเบอนั้นล้มลงกระแทกกับพื้นปูน 
และความรุนแรงที่มหาศาลนั้นจึงเป็นเหตุให้พื้นบริเวรนั้นแตกตัวทรุดลงไปตามแรงปะทะ
ความโกรธเกรี้ยวที่เคยมีมันพุ่งปี๊ดมากขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อได้พูดถึงเรื่องนั้นอีก
ในความคิดก็พลันนึกย้อนกลับไปเมื่อวันวาน ความผิดพลั้งที่ไม่รู้จะต้องโทษใคร และความแต้นที่เกิดขึ้นตามมานั้น
ก็ยังคงฝังลึกอยู่ภายในจิตใจอยู่ไม่เรือนหายไป แม้ว่าแทยอนจะรู้ดีว่าไม่มีสิ่งใดบนโลกนี้ที่จะทดแทนในสิ่งที่เจสสิก้านั้นเสียไปในตอนนั้นได้
แต่มีเพียงอย่างเดียวที่จะทำให้แทยอนรู้สึกสบายใจนั่นก็คือ กระชากลมหายใจของแอมเบอทิ้งไปตลอดกาล

ฟลึบ! ฟลึบ! ฟลึบ!

แทยอนชักปืนออกสีเงินกระบอกเดิมขึ้นมารัวเหนี่ยวไกใส่ร่างสูงที่กำลังพยายามยันตัวลุกขึ้น 
ไล่ยิงไปให้ทั่วกายสูงโปร่งหวังจะเจอจุดอ่อนเข้าสักจุดบนร่างที่คล้ายจะไร้วิญญาณนั้น เพราะแอมเบอผ่ายการสิ้นลมหายใจมาแล้ว
นั่นก็หมายความว่าในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากการสู้กับซอมบี้เลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ซอมบี้ตนนี้มันช่างกำจัดยากและแข็งแกร่งกว่าตัวไหนๆ ที่เคยพบเจอมา
แทยอนรัวลั่นไกปืนจนกระหมดแม็กซ์ฯ มือเล็กจัดการเก็บมันเข้าเข็มขัด และคว้าเอาชิพสีเงินออกมานับสิบชิ้น
แทยอนรู้ดีว่าชิพขนาดเล็กในมือนั้นมีอนุภาพสูงเกินขนาดตัวมันมากเพียงใด เพราะหนึ่งชิ้นมันสามารถปลิดชีวิตเชลล่าธรรมดาได้ภายในเสี้ยววินาที
แต่เพราะตอนนี้แทยอนไม่อาจมั่นใจได้ว่าแอมเบอนั้นอยู่ในระดับไหน เธอจึงเลือกที่จะคว้าชิพขนาดเล็กนั้นออกมาเป็นสิบ
แล้วฟาดฝ่ามือที่มือเหล่าชิพเล็กๆนั้นเข้าที่ศีรษของร่างสูงโดนไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว
เสียงผ่ามือกระเข้ากับศีรษะดังขึ้นบ่งบอกได้ถึงความรุนแรงได้เป็นอย่างดี
แอมเบอเสียหลักล้มลงไปอีกครั้งหลังจากที่ยันตัวลุกขึ้นยืนได้แล้ว 
แต่ถึงจะอย่างนั้นใบหน้าหล่อเหลามากกว่าความสวยนั้นกลับกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างชอบใจ

"คิดว่าแค่นี้จะทำอะไรชั้นได้เหรอ"

แทยอนชะงักนิ่งไปเล็กน้อย คือมันนอกจากมันจะไม่ต่ยแล้วยังไม่สะทกสะท้านอะไรเลยงั้นเหรอ? แบบนี้คนที่จะแย่ก็คือเธองั้นสิ
แล้วย่างนี้จะทำอะไรมันได้อย่างไรกันล่ะ จุดอ่อนอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ 
แถมการจู่โจมต่างๆก็ได้แค่ทำให้ร่างสํงนั้นเสียหลัก แต่ไม่ไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนแรงลงแต่อย่างใด
ชิพนั่นที่ใช้ไปเมื่อครู่ระดับหกแถมใช้พร้อมกันเป็นสิบ เปรียบเทียบง่ายๆคือถ้าคนที่โดนจู่โจมเป็นแทยอนเองก็คงทรุดได้ง่ายๆ

ฟลึบ~ เพี๊ยะ!!

ยังไม่ทันที่แทยอนจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้นร่างเล็กก็ปลิวกระเด็นออกไปจากจุดที่เคยยืนอยู่ 
ตามแรงปะทะของแส้หนามโลหะที่สะบัดใส่กายเล็กที่ช่วงอก จนชุดหนังสีขาวที่สวมใส่อยู่นั้นขาดวิ่นพร้อมกับบาดแผลบนเนินอกที่เปิดออก
ของเหลวสีแดงข้นหลั่งไหลออกมาจากปากแผลอาบไปทั่วกายเล็ก 
ชุดหนังสีขาวที่เคยดูสะอาดตาบัดนี้มันถูกฉาบไปด้วยสีแดงโกเมน ส่งกลิ่มคาวคลุ้งไปทั่ว
บาดแผลที่แทยอนได้รับค่อนข้างยาว พอที่จะพาดจากไหล่ซ้ายไปจนถึงไหล่ขวาเลยก็ว่าได้
ใบหน้าใสสะบัดหันกลับไปมองร่างสูงผู้ที่เป็นคนมอบบาดแผลนี้ให้เธอ เจ็บใจนัก ทำไมถึงทำอะไรมันไม่ได้กัน
นัยน์สีแดงเพลิงปรากฎขึ้นให้แทยอนได้สบลึก ในขณะที่แอมเบอนั้นย่างกรายเข้ามาใกล้เธอ และโน้มใบหน้าลงมาใกล้ๆ

"วันนี้ชั้นจะปล่อยแกไปก่อนแล้วกัน เพราะชั้นยังสนุกที่ได้เล่นกับแกอยู่ หึหึ"

แทยอนสะบัดหน้าหนีอย่างนึกรังเกลียจทั้งน้ำเสียงเนื้อหาประโยครวมไปถึงกิริยาท่าทางพวกนั้น ใช่เธอเกลียจทุกอย่างที่เป็นคนคนนนี้
สิ้นน้ำเสียงหยามเหยียดนั้นก็ตามด้วยเสียงหัวเราะหึในลำคออย่างผู้มีชัย 
ก่อนที่ปีกสีดำจะสยายออกมาจากแผ่นหลังของร่างสูงโปร่ง สะบัดขึ้นลงเพียงเล็กน้อยร่างของแอมเบอก็ลอยลิ่วไกลออกไป

"แทยอน ไหวหรือเปล่า"

กีกวังรีบเข้ามาพยุงร่างเล็กของแทยอนที่ดูอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัดนั้นแม้จะรู้ว่าการถูกจู่โจมเพียงเท่านี้แทยอนไม่มีทางเป็นอะไรไปง่ายๆอยู่แล้ว
แต่ในความเป็นจริงเขาก็ไม่ได้ต้องการให้คนตัวเล็กนั้นต้องมีบาดแผล แม้เพียงปลายนิ้ว
หากจะเข้าไปช่วยสู้อีกแรงกีกวังก็ทำไม่ได้เช่นกัน เพราะตามความจริงที่เป็นไปนั้นไม่มีใครเก่งไปได้ทุกอย่างหรอกจริงไหม
ถึงกีกวังจะมีสกิลแรร์อย่างเทเลพอตติดตัวอยู่อย่างนี้ ก็หาใช่ว่าเขาจะแข็งแกร่งได้เทียบถึงครึ่งของแทยอนไม่
และการที่ได้รู้ว่าแอมเบอนั้นแกร่งยิ่งกว่าแทยอนอีกไม่รู้กี่เท่านั้น สู้ให้กีกวังยืนดูสถานะการณ์อยู่ห่างๆจะดีเสียกว่า
ดีกว่าเข้าไปช่วยสู้เพราะนั่นอาจจะกลายเป็นการถ่วงคนตัวเล็กเสียมากกว่า
แทยอนพยักหน้าเบาๆเป็นการตอบรับในคำถามของชายหนุ่ม หากแต่สายตาก็ยังคงพยายามมองขึ้นไปยังท้องฟ้า
ที่เมื่อครู่นั่นมีร่างสูงโปร่งลอยขึ้นไป เกิดคำถามมากมายขึ้นภายในความคิด
การที่เชิลล่าจะมีปีกบินได้ด้วยตัวเองนั้นว่ามีความเป็นได้น้อยแล้ว 
แต่นี่แอมเบอทั้งมีปีกบินได้ ผ่านการตายมาก่อน แล้วยังแข็งแกร่ง
เสียจนแทยอนเองก็ยังไม่สามารถหาจุกอ่อนของร่างสูงได้เลยแม้แต่จุดเดียว



แทงเบอนี้แถมๆ ยังไม่มีฉากเจอกัน 5555

กลับไปเม้น "จิ้ม" เลยค่ะ


-----------------------------------------------------------------------




From Writer...

อู้ววววว เกือบดองเค็ม ไม่สิดองไปเกือบเดือน 555555
แชปนี้มาแบบ... ตอนแรกตัดยุนแทออกจากแชปที่แล้วเพราะเกรงว่าจะยาวไป
พอมาอยู่ในแชปนี้ก็ยังยาวอยู่ดี - -รู้งี้ไม่น่าตัดมาไว้แชปนี้เลย
น่าจะปล่อยให้แชปที่แล้วเป็นแทงฮาเร็มโดยสมบูรณ์แบบซะ งิงิ

ในความคิดเรา รเราว่าแชปนี้บอกถึงความคิดความรู้สึกของแทงกูที่มีต่อยุนอาชัดเจนนะคะ
แล้วรีดเดอร์ล่ะ คิดว่าไง รู้สึกถึงอะไรบ้างหรือเปล่า *ยกยิ้มชั่วร้าย

ส่วนแทยอก็เห็นมีคนถามถึงนางอยู่
โผล่มาอีกก็บู๊ให้รีดเดอร์ได้ชมกันเลยที่เดียวเชียวแหละ

มีใครลืมเรื่องแอมเบอหรือเปล่าคะ ถ้าลืมกลับไปอ่านอินโทรนะคะ มีนิดหน่อย
แต่คือเรื่องรวมย่อๆของเมื่อ5ปีที่แล้ว
แต่มันจะประติดประต่อกันอย่างไรก็ต้องรอติดตามต่อไปนะคะ
ปล.ในอินโทรนั่นแทงกูไม่ได้ยิงที่หน้าอกของแอมเบอนะคะ เพราะคนยิงคือแทยอน

มีใครมีคำถามมั้ยคะในแชปนี้


ปล.สำหรับเรื่องคำผิดนะคะยังมีอยู่อีกเยอะแยะ 5555+ บางคำบีมก็ตั้งใจใช้วิบัติเพื่อสื่อถึงอารมณ์ตัวละคร
แต่บางคำก็อาจจะพลั้งมือพิมพ์ผิดไป 555+ ขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยนะคะ แฮ่



ขอให้มีความสุขกับฟิคร่าา






No comments:

Post a Comment