Chapter XXXV
*สีเทาคือเล่าย้อนไปในอดีต ส่วนสีเทาเข้มนั่นคือย้อนไกลไปอีกนะคะ (อย่า งง นะคะ แฮ่~)
หกวันผ่านไปไวเหมือนโกหก แน่นอนว่ายุนอายังคงมาสนามเพื่อแข่งตามที่ยูริให้ซอฮยอนวางตารางไว้
และแน่นอนอีกว่าแทงกูก็มาให้กำลังใจยุนอาอย่างที่ยูริคิดเอาไว้ไม่มีผิดเพี้ยน
ยุนอายังคงพยายามบริหารช่วงเวลาโดยการเลือกใช้เวลาช่วงกลางวันอยู่กับแทยอน ออกไปกินข้าวนอกบ้านกันอย่างปรกติ
พอตกเย็นยุนอาก็ออกจากอาเชอร์คอฟฟี่มาเพื่อจะไปสนามแข่ง ดีหน่อยที่ซอฮยอนไม่เลือกวางตารางให้ไปแข่งสนามที่อยู่ไกลจากตัวเมืองมาก
มีบางครั้งที่ยุนอาลองเอ่ยชวนแทยอนมาที่สนามด้วย แต่ก็ถูกเหตุผลของร่างเล็กว่าไม่อยากถูกจับตามองไปมากกว่านี้อีก
ยุนอาก็ไม่ได้ตื้ออะไรให้แทยอนรำคาณเพราะก็คิดอยู่แล้วว่าแทยอนต้องตอบแบบนี้
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ยุนอามานั่งอยู่ที่สนามตั้งแต่หัวค่ำเช่นเดียวกับทั้งหกวันที่ผ่านมา จะแปลกก็ตรงที่ทำไมถึงยังไม่เห็นแทงกูเข้ามาสักทีกันนะ
ในเมื่อสี่วันก่อนแทงกูมาถึงไล่เลี่ยกับยุนอามีบางวันที่มาถึงก่อนด้วยซ้ำ ร่างสูงยังคงนั่งเหลี่ยวซ้ายแลขวาอยู่อย่างนั้นก็ยังไม่เห็นแม้เงารถของคนตัวเล็กเลยเสียด้วยซ้ำ
"แทงกูยา~เค้าไปด้วยไม่ได้เหรอ~"
แทงกูมองร่างบางที่กอดเอวเธอแน่นอย่างระเหี่ยใจ ไหงจู่ๆวันนี้เจสสิก้าก็งอแงขึ้นมาเสียอย่างนั้น
คนยิ่งรีบๆอยู่ ตวัดสายตามองดูนาฬิกาทุ่มกว่าแล้ว ก็จริงอยู่ว่าสำหรับแทงกูนั้นการที่จะเดินทางไปยังสนามแข่งนั้น
ร่างเล็กอาจไม่ต้องใช้เวลามากถึงครึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้นอย่างปรกติที่คนอื่นๆต้องใช้ แต่ถึงจะอย่างนั้นแทงกูก็ยังคงต้องใช้เวลาในการเดินทางอยู่ดี
"ไม่ต้องเลยรออยู่นี่แหละเดี๋ยวชั้นกลับมาดึกๆ"
มือเล็กเลื่อนมาจับเรียวแขนที่โอบรอบเอวของตัวเองไว้ ออกแรงเพียงเล็กน้อยเรียวแขนของเจสสิก้าก็คลายออก
เนื่องจากเจสสิก้านั้นไม่ได้มีเรี่ยวแรงมากมายพอที่จะต้านทานไหว
"ไม่เอาไม่อยากอยู่คนเดียวอ่ะตัลก็กลับไปแล้วด้วย"
เจสสิก้าทำตาใสแป๋วอย่างออดอ้อนหมายจะให้คนตัวเล็กนี้ใจอ่อนยวบ พลางหาข้ออ้าง
ก็จริงนี่เมื่อหกวันก่อนแทงกูก็กันซีนเธอบอกให้เธอรออยู่ที่คฤหาสน์กับคริสตัล แต่วันนี้คริสตัลก็เพิ่งกลับแอลเอไปเมื่อบ่ายนี้เอง
"อยู่คนเดียวที่ไหนเจ๊ก็อยู่ฮยอนซึงก็อยู่เนี่ย คนอื่นอีกล่ะ"
แทงกูว่าพลางเพยิดหน้าไปทางที่มีอีกสองบุคคลที่เอ่ยถึงอยู่เชิงว่าเธอพูดความจริงนะ
แต่เจสสิก้าก็ยังส่ายหน้าพรืดพร้อมกับปรี่เข้ามากอดเอวร่างเล็กอีกครั้งนึง เมื่อเห็นว่าแทงกูทำเหมือนจะเดินไปยังประตูทางออก
แม้แต่โบอาและฮยอนซึงที่อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นยังได้แต่ระบายลมหายใจออกมาเบาๆ
ไม่คิดอยากจะไปยุ่งอะไรหรอกเวลาที่สองคนนี้เถียงกันน่ะ เพราะรู้ดีว่าสุดท้ายก็ต้องมีใครคนใดคนนึงที่ยอม
"นั่นแหละก็เข้าห้องแล้วก็อยู่ในห้องคนเดียวอยู่ดี ให้ไปด้วยน๊า~ เดี๋ยวเค้าไปรออยู่กับคุณยูริก็ได้หรือเค้าตามฟานี่ออกมาอยู่ด้วยก็ได้"
ร่างบางบ่นกระปอดกระแปดทั้งที่ร่างเธอลอยไปตามแรงที่ร่างเล็กเดินจนมาหยุดที่ประตูหน้าคฤหาสน์
ไวเท่าความคิดเจสสิก้าผละมือออกมาจากเอวเล็กข้างนึงเพื่อหยิบเอาเครื่องมือสื่อสารออกมา ทั้งที่อีกมือยังคงกำชุดหนังรัดรูปของแทงกูไว้แน่น
"เจสสิก้า!!!"
แทงกูว๊ากใส่อีกคนอย่างหมดหนทาง เห็นแล้วล่ะว่าเจสสิก้ากำลังจะโทรหาทิฟฟานี่
ซึ่งเธอไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้นแน่นอน แต่ที่ขึ้นเสียงใส่นี่ไม่ได้หมายความว่าโกรธหรือไม่พอใจเจสสิก้านะเพียงแค่ต้องการให้เค้ารู้ว่า ควรจะเลิกเล่นสักที
"ขราาบอสสสส"
เจสสิก้าทำเสียงล้อเลียนพร้อมกับหน้าทะเล้นๆใส่แทงกู เมื่อเริ่มรู้สึกว่าเธอกำลังทำให้แทงกูรำคาณมากไปแล้ว
"อย่าขัดคำสั่งบอส เข้าใจ๊?"
แทงกูยกยิ้มเล็กน้อยให้กับท่าทางน่ารักแบบนั้นของเจสสิก้า มือเล็กก็ค่อยๆแกะมือเรียวของอีกคนออกจากชุดหนังรัดรูปของเธอ
"โห่วแทงง่ะ ก็มันเหงานี่"
เสียงงอนๆถูกส่งออกไปด้วยความน้อยใจ เมื่อดูท่าแล้วยังไงแทงกูก็คงไม่ยอมให้เธอไปด้วยแน่นอน
"เออน่ะรู้ว่าเหงาเดี๋ยวจะรีบกลับโอเคนะ"
เมื่อรับรู้ได้ถึงความน้อยใจของอีกฝ่ายแทงกูจึงปรับน้ำเสียงใหม่ให้ฟังแล้วอบอุ่นยิ่งขึ้น
พูดจบก็ประทับริมฝีปากเข้ากับส่วนเดียวกันของเจสสิก้าเบาๆเชิงปลอบ ให้ร่างบางได้รู้สึกดีขึ้นมา
จะยอมให้ไปด้วยได้ไงกันเล่า ขืนเจสสิก้ารู้ว่าหลายมาวันนี้เธอไปสนามเพราไปป้อน้องยุนอานะ
มีหวังได้โดนสาวเจ้าวีนจนหัวแตกไม่ก็หูทะลุกันไปข้างแน่ๆ ก็ไม่ไงหรอกเจสสิก้าก็แค่วีนแต่แทงกูก็ไม่อยากให้เจสสิก้ารู้อยู่ดีนี่นา
เจสสิก้ามองตามไฟรถสปอตของแทงที่แล่นฉิวออกไปจากคฤหาสน์อย่างแปลกใจ
แปลกใจที่แทงกูใจแข็งไม่ยอมให้เธอไปด้วยได้มากขนาดนี้ ปรกติอ้อนนิดๆหน่อยๆก็ยอมให้ไปด้วยแล้ว
แต่นี่เจสสิก้าก็ไม่รู้จะงัดไม้ไหนมาอ้อนแล้วเหมือนกัน เอ๊ะ! หรือว่าแทงกูมีอะไรปิดบังเธออยู่หรือไงนะ
ถึงได้ไม่ยอมให้ไปด้วยแบบนี้ หรือว่าจะไปพบกับทิฟฟานี่เลยไม่อยากให้เธอรู้หรืออะไร
ร่างบางครุ่นคิดกลับไปกลับมา สองขาเรียวก็สาวเท้าพาร่างของตัวเองเดินคอตกกลับมายังห้องรับแขกที่มีโบอาและฮยอนซึงนั่งอยู่ก่อนแล้ว
"หึ๊มม? ตกลงไม่ได้ไปเหรอ"
แม้แต่โบอาเองยังอดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นว่าเจสสิก้าเดินกลับเข้ามาหลังจากที่ได้ยินเสียงรถของแทงกูขับออกไปแล้ว
"งือ สงสัยแทงมันจะแอบซุกกิ๊กใหม่ไว้มั้งเลยไม่อยากให้ชั้นไป"
เจสสิก้าบ่นอุบอิบพลางทิ้งกายนั่งลงบนโซฟาอย่างเซ็งอารมณ์
"ถึงเธอจะไปเจอกิ๊กใหม่มันแล้วเธอจะทำอะไร มันถึงต้องกลัวว่าเธอจะไปเจอเนี่ย"
โบอาพูดกลั้วหัวเราะ ก็มันจริงนี่ที่ผ่านมาก็ไม่เห็นว่าเจสสิก้าจะทำอะไรเลย เวลาที่เจอเหล่าบรรดากิ๊กๆของแทงกูน่ะ
"ก็ไม่รู้มันเหมือนกันนี่ ชั้นก็เดาไปเรื่อย ปรกติชั้นก็ทำตัวเป็นหลวงที่ดีอยู่แล้วนี่"
เจสสิก้าไหวไหล่ไม่รู้ไม่ชี้ กับประโยคที่ตัวเองเพิ่งจะเอ่ยออกไป
"กล้านะย๊าา~"
โบอาเบะปากล้อเลียน กับประโยคที่เจสสิก้าเพิ่งจะเอ่ยออกมา แหมะแหะแห๊~ ช่างกล้าา~ เป็นหลวงที่ดี๊~~~????
ถึงแม้ว่าบางครั้งการกระทำระหว่างเจสสิก้าและแทงกูนั้นก็อาจจะดูเหมือนคนรักกันในแบบคนรักก็จริง
แต่ทำไมโบอาจะจะรู้ล่ะว่าจริงๆแล้วแทงกูก็คิดกับเจสสิก้าเพียงแค่เพื่อนรักเท่านั้นแหละ และเจสสิก้าก็รู้ดีอยู่เช่นกัน
"อ่าา~พี่มาช้าไปหรือเปล่านะ"
ทันทีที่แทงกูเดินเข้ายังจัดพักของสนาม ยุนอาที่นั่งเหลี่ยวซ้ายแลขวาอย่างร้อนลุ่มในใจอยู่ก่อนแล้ว
ก็รีบผุดลุกขึ้นสาวเท้าตรงปรี่ไปหาร่างเล็กอย่างรวดเร็ว สองมือเรียวถือวิสาสะคว้าเอามือเล็กของแทงกูมากุมไว้
พลางส่งยิ้มหวานให้คนอายุมากกว่าต้องระทวยเล่น
"ไม่หรอกค่ะ ยุนรอพี่เสมอ ^__^"
ยิ้มหวานๆใส่คนตัวเล็กไปอีกที พร้อมพาแทงกูเดินเข้ามานั่งยังจุดที่อยู่ในสุด ที่ยูริจัดไว้เพื่อให้เป็นส่วนตัวและแน่นอนมันเป็นกระจกที่มองจากภายนอกไม่เห็น
ยูริยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่แทงกูก้าวลงจากรถมานั้นก็ได้แต่ยิ้มกระเหยิ่มในใจ เพราะคิดว่ายุนอาทำมันได้ดีกว่าที่คิดไว้เสียอีก
แต่ในด้านกลับกันนั้นที่ยุนอาทำไปทั้งหมดนั่นเกิดจากความรู้สึกล้วนๆ เธอแทบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าทุกวันนี้ออกมาที่สนามนี้เพื่ออะไรและเจอแทงกูเพื่ออะไร
ระหว่างที่รอยุนอาลงแข่งนั้นทั้งสองคนก็นั่งคุยหยอกล้อกันอยู่ในจุดที่เป็นส่วนตัวเช่นทุกวัน
ยุนอายอมรับนะว่าในความรู้สึกลึกๆเธอคิดว่าเธอสนิทกับแทงกูมากขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกว่าร่างเล็กดูเป็นกันเองและปล่อยตัวมากขึ้น
โดยปรกติแล้วแทงกูจะเงียบขรึมแม้แต่หัวเราะจริงๆจังๆยุนอายังแทบไม่เคยเห็น
แต่ตอนนี้ร่างสูงก็ได้เห็นแล้วและแถมมันยังทำให้รู้สึกหลงใหลแทงกูมากขึ้นอีกต่างหาก
ในหกวันที่ผ่านมาทั้งสองคนแทบไม่ได้มีอะไรเกินเลยกันอย่างที่ยูริและคนอื่นๆคิดไปถึงไหนต่อไหนกันเลย
อาจจะมีเพียงบางอารมณ์ที่อ่อนไหวประทับจูบกันบ้างแต่ก็ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้น
ไม่รู้สิยุนอายังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าสัมหรับแทงกูนั้นเธอเป็นอะไร แทงกูอาจจะไม่ได้คิดอะไรก็เป็นได้
ถึงแม้ว่าคนตัวเล็กนั้นจะชอบทำเหมือนจะยั่วกันอยู่ตลอดเวลาที่มีโอกาสก็เถอะ แต่ก็มีหลายครั้งที่ยุนอาคิดว่าจะลองรุกใส่แทงกูบ้าง
แต่ก็ได้แค่คิดไงไม่ได้กล้าทำจริงๆหรอก เพราะแค่คิดใบหน้าของแทยอนก็แว๊บขึ้นมาแล้ว
แน่นอนว่ายุนอายังคงรู้สึกผิดต่อแทยอนถึงแม้ว่าแทยอนจะไม่เคยปริปากพูดถึงเรื่องเธอกับแทงกูเลย
แต่ยุนอาเชื่อว่าจริงๆแล้วแทยอนก็รู้ ถึงแม้ว่าจะไม่มีข่าวลงกันโครมๆเหมือนอย่างตอนที่ทิฟฟานี่มาจุ๊บเธอก็เถอะนะ
ยังไงซอฮยอนก็กรองข่าวยุนแทงออกไปจนเกลี้ยงอยู่แล้ว
ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะยูริก็เห็นใจแทยอนในระดับนึงด้วยแหละ แต่ก็เพราะไม่มีทางเลือก เพราะงั้นการปิดข่าวของยุนอาและแทงกูไว้ให้มิดที่สุดน่ะดีแล้ว
แต่ถึงจะอย่างนั้นยุนอาก็ยังคงเชื่อว่าไม่มีทางที่แทยอนจะไม่รู้แน่นอน อย่างแทยอนน่ะไม่รู้สิแปลก
"จะออกไปไหนอีกล่ะ เดี๋ยวคุณสามีกลับมาไม่เจอจะเป็นเรื่องนะ"
โบอาเหลือบมองร่างบางที่คว้ากุญแจรถมาถือไว้ก็ได้เอ่ยถามออกไปโดยที่ไม่ลืมจะเอ่ยแซวสาวเจ้าไปอีกครั้งครา
ก็ในเมื่อแทงกูบอกให้รออยู่ที่คฤหาสน์เดี๋ยวเค้าจะรีบกลับมา ก็อย่างว่าแหละถ้าแทงกูกลับมาไม่เจอเจสสิก้าร่างเล็กนั้นต้องอยู่ไม่ถูกเป็นแน่
เพราะโบอาก็คิดว่าจริงๆแล้วช่วงนี้อันตรายสัมหรับพวกเรานั้นมีมากขึ้น
เพราะพวกอะบีสนั้นเริ่มเคลื่อนไหวบ้างแล้ว และการที่จะให้เจสสิก้าออกไปไหนหรืออยู่ที่ไหนคนเดียวนั้นมันเสี่ยงเกินไป
"โอ้ยเจ๊ง่ะ เลิกล้อชั้นได้แล้ว ชิ จะไปหาฟานี่แป๊บนึงน่ะเดี๋ยวกลับมา น่าจะก่อนแทงกลับมาแน่นอน"
เจสสิก้ายู่ปากใส่คนอายุมากกว่าอย่างงอนๆ ก่อนจะบอกจุดประสงค์ของตัวเองที่จะออกไปข้างนอกเพื่ออะไร
พูดจบร่างบางก็เดินออกจากประตูบานหรูก้าวขึ้นรถของตัวเองไป โดยไม่รอให้โบอาได้มีโอกาสถามหรือบ่นอะไรออกมาอีก
...ฟานี่งั้นเหรอ...
"พี่สาวฝาแฝดของนายที่เคยคบกับเจสสิก้าแล้วก็ตอนนี้เป็นเด็กในสต๊อกของแทงกูสินะ"
โบอาพูดออกมาลอยๆราวกับเป็นการย้ำเตือนความจำของตัวเอง ซึ่งฮยอนซึงที่นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนั้นก็ไดเพียงรับคำสั้นๆเชิงว่าโบอาเข้าใจถูกแล้วทั้งหมด
"กีกวัง... คีย์"
สิ้นเสียงเรียกของหญิงสาวเพียงไม่ถึงนาที ชายทั้งสองผู้เป็นเจ้าของชื่อก็ปรากฎตัวต่อหน้าร่างบาง
หลังจากที่โบอาใช้เวลาอันน้อยนิดในการไตร่ตรองว่าเจสสิก้าจะต้องออกไปที่ใด คำตอบมีเพียงถ้าไม่ใช่โรมแรมของทิฟฟานี่ซึ่งอยู่ใจกลางเมือง
ก็ต้องเป็นพื้นที่รอบนอกของเมืองที่ลับสายตาผู้คน
และนั่นก็เสี่ยงต่อการที่พวกอะบิสจะปรากฎตัวเพื่อเล่นงานเจสสิก้าที่เป็นเหยื่อหมายเลขหนึ่งของพวกมันก็เป็นได้ เพราะงั้นรอบคอบไว้ก่อนน่าจะดีที่สุด
"ตามเจสสิก้าไปอยู่ๆห่างๆห้ามคลาดสายตา และห้ามให้รู้ตัวถ้ายังไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น"
สิ้นสุดบัญชาการของนายหญิงซึ่งเป็นที่เคารพของเทะริฟฟิค หมอกควันสีขาวนวลก็ครอบคลุมร่างของชายทั้งสองก่อนจะจางหายไป
"จู่ๆออกมาหาชั้นแบบนี้จะดีเหรอ"
ทิฟฟานี่เอ่ยพลางหย่อนกายนั่งลงยังโซฟาตัวยาว หลังจากพาคนสวยร่างบางเข้ามายังห้องส่วนตัวแล้ว
"แล้วมันจะต้องมีอะไรไม่ดีด้วยล่ะ"
ว่าพลางนั่งลงข้างๆคนหน้าหวาน จริงๆแล้วเจสสิก้าก็แค่อยากมาเห็นกับตาว่า
คืนนี้แทงกูไม่ได้ไปกับทิฟฟานี่อย่างแน่นอน และนั่นก็ยิ่งทำให้เจสสิก้าแปลกใจ
"ก็...แทงกู... แล้วชั้นก็ยังรู้สึกแปลกๆอยู่เลยนี่นา"
เสียงหวานลดระดับให้เบาลงพลางหลบสายตาคนตรงหน้ามาจับโฟกัสที่หน้าตักของตัวเอง
ทิฟฟานี่เองก็ไม่ค่อยมั่นใจกับความรู้สึกนั้นของตัวเองสักเท่าไร ว่ามันอาจจะคือความรู้สึกผิดที่ยังคงไม่มีทางหมดไปได้ง่ายๆ หรือเกรงว่าจะทำให้ใครไม่พอใจ
เจสสิก้าเห็นท่าทางแบบนั้นของทิฟฟานี่ก็ได้แต่ระบายรอยยิ้มบางๆออกมา ในสายตาเธอทิฟฟานี่ยังคงเป็นคนสวยที่น่ารักมากๆคนนึง
แถมในความรู้สึกลึกๆเจสสิก้าก็ยังคิดว่าทิฟฟานี่ก็เป็นคนดีไม่ได้เลวร้ายอย่างใครกล่าวหาไว้ทั้งนั้น
มือบางเอื้อมไปกุมส่วนเดียวกันของคนที่เอาแต่หลบสายตาอยู่นั้นพร้อมกับอิกแรงบีบเบาๆเพื่อเรียกสติของอีกคนให้เงยหน้าขึ้นมามองกันบ้าง
"เลิกรู้สึกแบบนั้นได้แล้ว ชั้นไม่เป็นอะไร และแทงกูก็ไม่มีทางเคืองเธอได้จริงๆจังๆแน่นอน เชื่อชั้นสิ"
ดวงหน้าสวยยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มที่พาให้คนมองรู้สึกดีขึ้นได้อย่างน่าแปลกใจ
ทิฟฟานี่เห็นอย่างนั้นแล้วก็อดยิ้มตามอย่างเสียไม่ได้ สมแล้วที่เป็นเจสสิก้าผู้ที่ได้มีสกิล Heal ไว้ในครอบครอง
เพราะความเมตคาและความอบอุ่นที่แอบแฝงอยู่ภายใต้ความเย็นชาแบบนั้นสินะ พระเจ้าถึงได้ยอมรับให้ร่างบอบบางนี้ได้รับสกิลที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นได้
"แล้วทำไมจู่ๆถึงได้มาหาชั้นแบบนี้ล่ะ"
เมื่อนึกขึ้นได้ทิฟฟานี่จึงเอ่ยถามสิ่งที่ข้องใจ ก็ตั้งแต่เลิกรากันไปนั้นก็แทบไม่ได้ติดต่อกันเลย จะมีก็แชทคุยกันบ้างนิดๆหน่อยๆไม่ได้มากมายอะไร
เวลาบังเอิญเจอกันทิฟฟานี่ก็เลือกพยายามจะหลบหน้าเสียส่วนใหญ่ แต่วันนี้จู่ๆเจสสิก้าก็โทรมาเลยถามว่าเธออยู่ไหน
พอทิฟฟานี่ตอบไปว่าอยู่โรงแรมสาวเจ้าก็บอกว่าเดี๋ยวจะออกมาหานะ
แล้วก็วางสายไปไม่มีคำพูดอะไรให้ทิฟฟานี่เข่าใจเลยแม้แต่น้อยว่าเจสสิก้าจะมาพบเธอเพื่ออะไรหรือมีเหตุจำเป็นอะไรหรือเปล่า
หลังจากที่วางสายจากเจสสิก้าไปแล้วทิฟฟานี่ก็ได้แต่นั่งครุ่นคิดกลับไปกลับมาคล้ายจะเป็นการวิตกกังวน
ซึ่งก็หาเหตุผลแน่ชัดไม่ได้ว่าเธออาจจะวิตกกังวนเรื่องอะไร
"ก็...คิดถึงเธอ ไม่ได้เหรอ"
กลีบปากเรียวพร่ำบอกเสียงหวานกายบางก็ขยับเบียดกระแซะเข้าหาอย่างออดอ้อน ราวกับจะยั่วให้อีกคนนั้นอดใจไม่ไหวอย่างนั้นแหละ
ทิฟฟานี่พยายามเอียงกายหนีจนจะกลายเป็นว่าร่างเพรียวนั้นแทบจะนอนราบลงไปบนโซฟาตัวยาวซะอย่างนั้น
ไม่ใช่ว่ารังเกียจร่างบางหรอก แต่คนมันเคยๆกันอยู่การหักห้ามใจมันก็ยากยิ่งขึ้น
หากเป็นเมื่อก่อนตอนที่เรายังคบกันอยู่ ทิฟฟานี่ก็คงจะกระชากร่างบางตรงหน้านี้มาจูบรัวๆไปแล้ว
หากแต่ตอนนี้แค่จะแตะมือยังคิดแล้วคิดอีก ถึงแม้ว่าเจสสิก้าจะบอกอยู่ตลอดเวลาก็เถอะว่าเค้าไม่เป็นอะไรก็ตาม
เพราะทิฟฟานี่ก็เกรงว่าตัวเองนั้นอาจจะทำให้เจสสิก้าต้องตกอยู่ในห้วงของความทรงจำที่แสนเลวร้ายนั่นอีก
"อย่าเล่นแบบนี้สิเจสซี่~"
"ทำไมล่ะคะ กลัวห้ามใจไม่ไหวหรือไงจ๊ะคนสวย"
เจสสิก้ายิ้มพรายเรียวนิ้วถูกส่งไปเชยคางดวงหน้าหวานอย่างหยอกเย้า
เมื่อเห็นแววตาสีเงินเงานั้นทอประกายออดอ้อน ราวกับกำลังขอร้องให้เธอเลิกยั่วเค้าสักที
"ก็รู้อยู่นี่นา"
ทิฟฟานี่ยิ้มบางๆพลางกุมข้อมือของเจสสิก้าที่เคยใช้ปลายนิ้วเชยคางมนของเธออยู่นั้น ออกแรงรั้งเบาๆเพื่อมือบางนั้นกลับไปอยู่ในที่ๆควรจะอยู่เสีย
"จะขอพูดคำเดิมนะว่า ก็ไม่ต้องห้ามสิคะ~"
เจสสิก้าพูดเพียงผละแผ่วแต่ทิฟฟานี่กลับได้ยินมันชัดเจน แต่เมื่อเอ่ยจบเจสสิก้าก็หยุดการกระทำที่ดูยั่วเย้าทั้งหมดลง เหลือเพียงการสบตานิ่งๆ
...ระหว่างเราน่ะยังมีความรู้สึกดีๆอยู่เหมือนเดิม...
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันเริ่มสร้างความแปลกใจให้ทิฟฟานี่มากขึ้นเรื่อยๆ
ที่จู่ๆเจสสิก้าก็มาโทรมาบอกจะมาหา และสาวเจ้าก็มา
แล้วที่สะกิดต่อมความสงสัยของเธอที่สุดนั้นก็เห็นจะเป็นประล่าสุดที่เพิ่งจะได้ยิรจากริมฝีปากเรียวบางนั้นที่สอดคล้องกับเหตุผลของเค้าที่มาหาเธอเพราะอะไร
ก็จะไม่ให้แปลกใจได้อย่างไรกันล่ะก็เมื่อหกวันก่อนนั้นเธอก็เจอเหตุการณ์คล้ายๆกันนี้ เพียงแต่เปลี่ยนคู่กรณีไปเท่านั้นเอง
หกวันก่อน...
คิ้วเรียวถูกขมวดเข้าหากันแน่นเมื่อต้องใช้ความอย่างหนัก หลังจากที่ได้ยินเสียงพร่ำเอ่ยคล้ายคำหวานจากโฟนคู่ใจที่ยังคงติดตั้งไว้ที่ส่วนรับฟัง
เสียงพร่าหวานปนออดอ้อนของเสียงที่ทิฟฟานี่ได้ยินเพียงคำแรกก็สามารถมั่นใจได้ว่าคือเสียงใคร
"อยู่ไหน วันนี้ว่างหรือเปล่า คิดถึงอ่ะ"
ได้ยินเพียงเท่านั้นทิฟฟานี่ก็นิ่งไปเล็กน้อย คล้ายกับว่ายังตั้งรับไม่ทัน ก็ใครใช้ให้แทงกูมาพูดจาแบบนี้ใส่เธอกันเล่า
คิดถงคิดถึงอะไรเนี่ยยยย พบ้าๆ ถึงลึกๆจะรู้สึกดีแค่ไหน แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ที่จู่ๆก็ได้ยินประโยคแบบนั้นจากแทงกู
"คืนนี้ชั้นไปสนามนะ ถ้าว่างก็มาแล้วกัน"
ทิฟฟานี่ไม่ได้ตอบอะไรออกไปหลังจากสิ้นเสียงหวานๆเชิงออดอ้อนของแทงกูนั้น
แม้ในใจจะตอบตกลงไปตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงของเค้าแล้วก็ตาม แต่ทำไมสมองถึงได้มัวแต่คิดสับสนแปลกใจอยู่อย่างนี้กัน
มาคิดๆดูแล้วครั้งล่าสุดที่พบแทงกูเราก็ร่วมบทรักร้อนแรงกันอย่างที่ต้องการ
แม้จะยังไม่ได้เจอกันอีกแต่แทงกูก็โฟนมาคุยด้วยทุกวันถึงจะไม่บ่อยไม่นานหากเพียงแค่วันละสองสามประโยคที่พูดคุยกัน
แต่ก็ไม่ได้มีคำหวานที่สื่อถึงความรู้สึกไม่มีการบอกให้ออกไปพบกัน แต่นั่นก็เป็นเรื่องปรกติสัมหรับคนอย่างแทงกูอยู่แล้ว
เพราะงั้นการที่ครั้งนี้แทงกูพูดออกมาว่าคิดถึงหรือเชื้อเชิญให้ออกไปพบแบบนี้นั่นแหละที่เป็นเรื่องแปลก
พอตกค่ำทิฟฟานี่ก็ออกไปที่สนามตามตารางแข่งที่ถูกเผยแพร่ในเว็บ เมื่อเห็นรายชื่อผู้แข่งก็รู้สึกหมั่นไส้คนตัวเล็กนั้นขึ้นมายังไงชอบกล
...แหม~ยุนอาแข่งทีเนี่ยต้องไปเฝ้ารัวๆเลยสินะ ใช่ซี๊~ เด็กของคุณนิ..
ทิฟฟานี่ก็ได้แต่คิดงอนแทงกูอยู่ในใจเท่านั้นแหละ เพราะทุกครั้งไม่ว่าจะรู้สึกแย่อยากโกรธเคืองอะไรแทงกูมากแค่ไหน
แต่พอได้พบกับประกายตาสีฟ้าครามที่ทรงสเน่ห์นั้นแล้วหัวใจเธอก็อ่อนยวบยอมเค้าในทุกๆอย่างเช่นเคย
ทิฟฟานี่จอดรถของเธอไว้ข้างๆกับรถคันสีบลอนด์เงินที่คุ้นเคยในโซนVIPที่อยู่ตรงหน้าจุดพักของนักแข่งพอดี
เหลือบมองเข้าในจุดพักก็ค่อนข้างแปลกใจอยู่เล็กน้อยที่พบว่าภายในนั้นรูปร่างแปลกไปอยู่หน่อย
มีห้องกระจกเพิ่มเข้ามาแถมเป็นกระจกที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นเสียด้วยสิ
แต่นั้นไม่ใช่ปัญหาของทิฟฟานี่เพราะ Strength Eye นั้นสามารถมองผ่านทะลุเข้าไปได้ราวกับมันเป็นเพียงแค่กระจกใสธรรมดาๆเท่านั้น
และเมื่อมองผ่านเข้าไปได้เท่านั้นแหละคิวเรียวก็ตุกเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ภาพที่เห็นนั้น
แทงกูใช้มือเล็กของเค้าฉุดรั้งที่ปรกเสื้อหนังสีดำของยุนอาไว้ให้ใบหน้าของทั้งสองใกล้เข้าหากันเรื่อยๆ ..
ทิฟฟานี่ปิดเปลือกตาลงทันทีไม่อยากเห็นภาพที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ ถึงแม้ว่าจะรู้ทันอยู่แล้วว่าระหว่างทั้งสองคนนั้นจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
เปลือกตาปรือเปิดขึ้นช้าๆแต่ยังคงจับโฟกัสอยู่ที่หน้าตักของตัวเองไม่กล้าที่จะมองรอดผ่านเข้าไปในกระจกบังตานั้นอีก
...เรียกชั้นมา? ให้มาเห็นอะไรแบบนี้? เพื่ออะไรกัน...
ความรู้สึกมากมายตีรวนกันอยู่ภายในอก หึงหวงทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีสิทธ เจ็บแปลบในใจทั้งที่รู้ว่าไม่ควรจะรู้สึก
ไม่ควรจะมีใจให้กันคนๆนี้เลยแม้แต่น้อย แต่ความรู้สึกมันบังคับไม่ได้ ไม่สามารถสั่งหัวใจให้หยุดรักแทงกูได้จริงๆ
ร่างบางสูดหายใจเข้าลึกๆพยายามทำเหมือนกับว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรและไม่ได้เห็นอะไรเมื่อครู่นี้ก่อนจะก้าวลงจากจากรถของตัวเองเพื่อเดินเข้าไปในจุดพักนั้น
ตลอดเวลาที่สองขาเรียวสาวเท่าก้าวเข้าไปยังห้องกระจกนั้นดวงตาสีเงินเงาก็เอาแต่หลุบลงต่ำโฟกัสเพียงพื้นตรงหน้า
เมื่อประตูเปิดออกโดยระบบอัตโนมัติร่างบางก็เลื่อนสายตาขึ้นมองไปยังโซฟาสีนิลที่ควรจะมีทั้งสองกายนั่งพอดรักกันอยู่นั้น แต่เปล่าเลย
คิ้วเรียวถูกยกขึ้นด้วยความฉงน เมื่อพบว่ามีเพียงแค่ยุนอาที่นั่งไขว่ห้างเอนกายพิงพนักพิงสีนิลอยู่มือเรียวข้างนึงถือแก้วคอกเทลส่วนมืออีกข้างยกขึ้นเกยพนักพิงไว้
...นั่งเก็กท่าบอสแบบนี้คิดว่าเท่เหรอ เด็กบ้าเอ้ย...
"แทงกูไปไหนแล้วล่ะ"
ว่าพลางเดินเข้าไปนั่งข้างๆร่างสูง มือเรียวก็คว้าเอาแก้วคอกเทลบนโต๊ะด้านหน้าขึ้นมาจิกบ้าง
"เห็นบอกว่าออกไปคุยธุระกับพี่ยูลแป๊บนึง แล้วก็ฝากบอกให้เธอรออยู่ในนี้ กับชั้นก่อน"
ดวงหน้าคมเหลือบมองใบหน้าหวานเล็กน้อยในขณะที่เอ่ย มือเรียวข้างที่วางเกยพนักพิงโซฟานั้นเลื่อนต่ำลงมาโอบไหล่มนของอีกฝ่ายไว้หลวมๆ
"อย่ามาหลีกับชั้นยุนอา เรื่องเธอกับแทงกูยังคาใจชั้นอยู่นะ"
ทิฟฟานี่ตวัดค้อนวงโตใส่คนอายุน้อยกว่าโทษฐานที่มาทำตัวฉวยโอกาสกับเธอแบบนี้
แหม พอลับตาคนมีฤทธิ์แอลกอฮอล์หน่อยล่ะเลือดคาสโนวี่แผ่ซ่านเลยนะ อยากให้แทยอนเห็นจริงๆเลย
แต่ร่างบางก็ไม่ได้ปัดป้องแต่อย่างใด ปล่อยให้ยุนอาโอบโหล่เธอไว้แบบนั้น
"หึงล่ะสิ อยากเคลียร์เรื่องไหนล่ะคะคนสวย"
ประกายตาสีน้ำตาลวาววับช่างดูไม่น่าไว้วางใจเอาเสียเลย อีกทั้งเสียงกระซิบแหบพร่าที่ฟังดูเซ็กซี่ปนหื่นกระหายนั้นอีก
ดวงหน้าคมเคลื่อนเข้าใกล้ใบหน้าหวานมากขึ้นอีกจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของฝ่าย
ทิฟฟานี่เชิดปลายคางขึ้นเล็กน้อยอย่างท้าทายมิได้มีความกลัวเกรงร่างสูงเลยแม้แต่น้อย
หรืออาจเป็นเพราะคิดและรู้สึกอยู่แล้วว่ายุนอาไม่ทำอะไรไปมากกว่าการยั่วกันเล่นๆแบบนี้
"ชั้นไม่มีสิทธหึงแทงกูอยู่แล้ว แต่ที่ชั้นอยากรู้น่ะ ...วันนั้นแทงกูยอมเคะให้เธอหรือเปล่า"
ทิฟฟานี่เอ่ยพลางหลุบตาลงจับโฟกัสที่เรียวปากสวยของยุนอาแทนการสบตากัน
เพราะเกรงว่าเด็กร่างสูงนี้จะเห็นความสั่นไหวภายใต้ความแข็งแกร่งของ Strength Eye
ยุนอาได้ยินประโยคเชิงถามของคนอายุมากกว่าก็ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ทิฟฟานี่ถามอย่างกับเธอมีอะไรกับแทงกูแล้วอย่างนั้นแหละ
เรื่องวันนั้น ...ชั้นควรบอกความจริงกับเธอสักทีสินะ...
"รู้ไว้อย่างนะ ชั้น ไม่ เคย มี อะ ไร กับ พี่ แทง กู "
ยุนอาพูดเน้นคำช้าๆชัดๆให้อีกคนได้เข้าใจง่ายๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ
"วันนั่นพี่แทงกูอยู่ในห้องชั้นก็จริงแต่เราแค่คุยกัน และที่สำคัญ เลิกเข้าใจผิดว่าพี่ยูลขืนใจเธอได้แล้ว"
ทิฟฟานี่ขมวดคิ้วแน่นกับประโยคบอกเล่าที่คนอายุน้อยกว่านั้นได้พร่ำออกมาช้าๆอย่างใจเย็น หมายความว่าเรื่องวันนั้นทั้งหมดนั่นเธอคิดไปเองงั้นเหรอ
'เดี๋ยวแทงกูจะไม่พอใจเอาน่ะ เพราะตอนนี้เค้าอยู่ในห้องกับยุนอา แต่อย่าถามนะว่าเค้าเข้าไปทำอะไรกันสองคนในห้อง...'
เสียงของยูริกลับมาดังก้องอยู่ในความรู้สึกอีกครั้งราวกับมีใครที่กดเปิดเสียงที่เคยบันทึกไว้เสียอย่างนั้น
...จริงสิยูริบอกแค่สองคนนั้นอยู่ในห้องด้วยกันสองคน แต่ไม่ได้พูดสักหน่อยว่าเค้ามีอะไรกัน...
ทิฟฟานี่ระบายลมหายใจออกมาอย่างนึกหงุดหงิดตัวเองที่ดันไปคิดเองเออเองตามน้ำเสียงกระซิบพร่าของยูริไปอย่างนั้น
แต่เรื่องที่ยูริขืนใจเธอเนี่ยมันยังไงกันแน่ เพราะถูกปิดตาไว้ด้วยอุปกรณ์ที่แข็งแกร่งมากพอที่ Strength Eye จะมองผ่านออกไปไม่ได้
และร่างกายก็ยังถูกมัดไว้ด้วยโซ่ที่แข็งแกร่งอีก จึงไม่สามารถรู้อะไรได้มากนัก
จำได้เพียงสัมผัสที่อ่อนโยนไร้ความรุนแรงแต่อย่างใด และปราศจากการจูบที่อาจจะทำให้รับรู้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายได้
"แล้วใคร..."
สุดท้ายทิฟฟานี่ก็ต้องเอ่ยถามออกไปเสียวเบาหวิวมันน่าอายนะที่ไม่สามารถรู้ได้ว่าใครเป็นคนทำอะไรอย่างนั้นกับร่างกายเธอ
ดวงตาสีเงินเงายังคงจับโฟกัสอยู่ที่เรียวปากสวยของคนอายุน้อยกว่า ราวก็ว่ารออย่างใจจดใจจ่อว่ากลีบเรียวสวยนั้นจะเอ่ยอะไรออกมา
"ก็ต้องเป็นพี่แทงกูสิ จะให้เป็นชั้นหรือซอฮยอนหรือไง ...หรือเธออยากให้เป็นชั้น"
ก็ในเมื่อไม่ใช่ยูริความเป็นไปได้ก็เหลืออยู่เพียงแค่นั้นอยู่แล้ว
กลีบปากเรียวขยับเอ่ยบอกอีกฝ่ายดวงตาสีน้ำตาลก็จับจ้องดวงหน้าสวยหวานที่เอาแต่โฟกัสริมฝีปากของเธออยู่ไม่ละสายตา
จึงได้เอ่ยแซวเสียงพร่าต่อท้ายประโยคไปแบบนั้น ก่อนจะยกยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ยินเสียงจิ๊ปากอย่างขัดอารมณ์จากคนอายุมากกว่า
"นี่ถามหน่อย ทำไมเวลาแบบนี้ชอบมาหลีใส่ชั้นจังห๊ะ"
แหมเวลาอยู่ต่อหน้าแทยอนนี่ทำตัวเป็นเด็กเจี๋ยมเจี้ยมเหมือนเสือน้อยถูกถอดเขี้ยวเล็บ และดูเวลาอยู่ลับหลังแทยอนสิ...เขี้ยวเล็บงอกออกมาอีกแล้ว?
ยุนอาหัวเราะออกมาเบาๆแต่ไม่ได้ตอบอะไรทิฟฟานี่ไป เพราะบานประตูกระจกที่เพิ่งเปิดออกพร้อมกับร่างเล็กของแทงกูที่สาวเท้าก้าวนวยนาดเข้ามา
ยุนอายังคงโอบไหล่มนของทิฟฟานี่ไว้เช่นเดิมแม้ว่าแทงกูจะมานั่งลงขนาบร่างของเธอแล้วก็ตาม
ทั้งยุนอาและทิฟฟานี่ค่อนข้างจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่แทงกูเลือกจะเดินไปนั่งข้างยุนอา แทนที่ควรจะเป็นทิฟฟานี่
"พี่อาจจะอยากอยู่กันสองคน ยุนขอตัวก่อนนะคะ"
ยุนอาที่เริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นก้างชิ้นโตขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ถึงแม้ว่าแทงกูจะไม่แสดงอะไรให้รู้สึกแบบนั้นเลย
มือเล็กของแทงกูที่วางอยู่บนหน้าขาของยุนอานั้นออกแรงรั้งเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ร่างสูงนั้นลุกไป
ไม่ใช่ว่าไม่อยากอยู่กับทิฟฟานี่แต่แทงกูก็ไม่ได้อยากให้ยุนอาลุกออกไปเช่นกัน
ถ้าเป็นไปได้นั้นร่างเล็กอยากจะไปนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างสองคนนี้ด้วยซ้ำไป
หลังจากที่นั่งคุย(หรือคั่วไม่รู้ หึหึ)กันเพื่อรอเวลาให้ถึงคู่ที่ยุนอาลงแข่ง แทงกูก็บอกให้ทิฟฟานี่รอก่อนเดี๋ยวร่างเล็กนั้นจะนั่งไปกับยุนอา
ทิฟฟานี่ก็ไม่ได้อะไรก็รอ ดูการแข่งของยุนอาผ่านจอมอนิเตอร์พลางจิบเครื่องดื่มและกับแกล้มไปเรื่อย
ยุนอาพัฒนาฝีมือได้อย่างน่ากลัวจริงๆถึงจะไม่ค่อยได้ลงแข่งบ่อยๆแต่กลับดูเจ๋งขึ้นราวกับว่าผ่านการฝึกซ้อมอย่างหนักทุกวัน
ใช้เวลาเพียงไม่ถึงชั่วโมงด้วซ้ำยุนอาก็เข้าเส้นชัยมาแบบขาดลอย ทิฟฟานี่ไม่เคยแปลกใจเลยที่จะมีคนชอบและคลั่งใคล้ยุนอามากพอๆกับแทงกู
ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย และก็เช่นทุกครั้งที่จะได้เห็นสาวๆนุ่งน้อยห่มน้อยรายล้อมทั้งยุนอาและแทงกูที่กำลังก้าวลงจากรถ
เพื่อกลับเข้ามายังจุดพักที่มีทิฟฟานี่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
แทงกูนั่งลงข้างๆด้านขวาของทิฟฟานี่พร้อมกับยุนอาที่เหมือนจะถูกมือเล็กนั้นฉุดรั้งให้นั่งลงขนาบอีกข้างของร่างเล็ก
ทิฟฟานี่จึงเบียดกายเข้าหาแทงกูเล็กน้อยก่อนจะกระซิบเสียงหวานพร่าเบาๆที่ข้างส่วนรับฟัง
"ที่บอกว่าคิดถึงชั้น สงสัยจะไม่จริงซะแล้วมั้งคะ"
สิ้นเสียงกระซิบคำยั่วเชิงหยอกล้อนั้นแทงกูก็จัดการฉกฉวยกลีบปากอวบอิ่มที่เพิ่งจะพ่นประโยคเชิงแซวเธอออกมาอย่างหนักหน่วง
เป็นการตอกย้ำให้อีกฝ่ายนั้นได้รับรู้ถึงความรู้สึก
ทิฟฟานี่เผยอปากจูบตอบคนตัวเล็กไปอย่างไม่ยอมแพ้จนเกิดเสียงจากความดูดดื่มดังเล็ดลอดออกมาพร้อมกับเสียงครางอืมในลำคออย่างพึงพอใจ
มือเล็กข้างขวาที่ยังคงสอดเรียวนิ้วเข้าประสานกับมือเรียวของยุนอาที่เลี่ยงสายตาเสมองไปทางอื่นอยู่นั้น
ก็ออกแรงบีบเบาๆราวกับเรียกร้องความสนใจจากคนอายุน้อยกว่า
เมื่อดวงหน้าดูดีหันกลับไปมองอีกสองคนก็ได้เห็นว่าแทงกูผละจูบออกมาแล้ว
ร่างเล็กโน้มกายไปกระซิบอะไรบางอย่างกับทิฟฟานี่ซึ่งยุนอาก็ไม่ได้ยินแต่เพียงอึดใจเดียวทิฟฟานี่ก็ลุกขึ้นและเดินออกไปจากจุดพัก
ยุนอาจึงพอจะเดาได้ว่าแทงกูคงบอกให้ทิฟฟานี่ไปรอที่รถล่ะมั้ง
"อยากรู้จังถ้าพี่เป็นแฟนเธอ เธอจะเพิกเฉยแบบเมื่อกี้ไหมยุนอา~"
แทงกูหันกลับมาเอ่ยเสียงอ่อนราวกับจะอ้อนคนอายุน้อยกว่าเสียอย่างนั้น
ยุนอานิ่งไปเล็กน้อย จู่ๆเล่นมาถามอะไรแบบนี้คนที่ยังไม่ทันได้ตั้งรับอะไรจะไปตอบได้ไงกันเล่า อีกทั้งท่าทางที่ทำเหมือนจะออดอ้อนแบบนั้นอีก
แต่พอลองมาคิดหาคำตอบแล้ว ถ้าเห็นแทยอนจูบกับคนอื่นต่อหน้าต่อตาแบบนี้น่ะเหรอ ยุนอาคิดว่าเธอก็คงทำอะไรไม่ถูกหรอก
ถึงจะเจ็บแปลบหรืออยากจะฉุดกระชากร่างเล็กออกมากอดไว้ให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็เถอะ แต่...
"แล้วถ้าพี่เป็นแฟนยุน พี่จะทำแบบนั้นมั้ยคะ"
เจอประโยคคำถามแบบนี้จากคนอายุน้อยกว่าแล้ว แทงกูก็ถึงกับนิ่งไปเล็กน้อย ไม่นึกจริงๆว่าจะถูกยุนอาถามกลับมาแบบนี้
ยุนอายังคงจับจ้องใบหน้าขาวซีดที่นิ่งงันของคนอายุมากกว่าอยู่อย่างนั้น แม้จริงๆจะอยากรู้ว่าแทงกูจะตอบว่าอะไร
แต่ยุนอาคิดว่าแทงกูคงไม่ตอบหรอก นึกได้อย่างนั้นร่างสูงก็ระบายลมหายใจออกมาเบาๆ พลางถามตัวเองอยู่ในใจ
เธอมีแทยอนแล้วจะสนใจทำไมว่าแทงกูจะใส่ใจเธอแค่ไหน
ยุนอาเลือกที่จะปัดความคิดส่วนนั้นของตัวเองทิ้งไปและให้คำตอบที่ตรงกับความรู้สึกไปกับแทงกูแทน
"ยุนไม่กล้าหือกับแทยอนหรอก อย่างดีก็คงทำได้แค่หันหนีแล้วก็แอบเจ็บอยู่ในใจ"
เสียงของยุนอาที่ฟังดูจริงจังนั้นฉุดแทงกูให้หลุดออกจากภวังความคิดมากมายพวกนั้น กลีบปากสีฉ่ำกระตุกยกยิ้มพราย ราวกับจะปรกปิดความคิดความรู้สึกของตัวเอง
แม้จะเป็นคำตอบที่ไม่ตรงคำถามสักเท่าไรแต่มันก็ทำให้แทงกูรู้ว่ายุนอาก็แสดงกิริยาแบบนั้นตอนที่เป็นเธอเช่นกัน
"แล้วเมื่อกี้รู้สึกอะไรหรือเปล่า"
แทงกูถามต่อเสียงผละแผ่ว จริงๆแล้วเธอเองก็ไม่ได้ต้องการคำตอบจากยุนอาสักเท่าไร
เพียงแค่อยากให้ร่างสูงนั้นเก็บเอาไปถามตัวเค้าเองเสียกว่า ว่าเค้ารู้สึกอะไรกับเธอหรือเปล่า
ดวงตาสีฟ้าครามยังคงจับจ้องใบหน้าดูดีของคนอายุน้อยกว่าอย่างไม่ปิดบังว่าเธอหลงใหลในเค้ามากแค่ไหน
เมื่อเห็นว่าร่างสูงนั้นนิ่งไปหลายอึดใจแทงกูจึงกดปลายจมูกโด่งรั้นเข้าที่ข้างแก้มนุ่มของยุนอาฉกฉวยกลิ่นหอมๆจากผิวเนื้อนุ่มๆของเด็กร่างสูงนั้น
ยุนอาก็ไม่ได้ปักป้องแต่อย่างใดมีเพียงแค่แรงบีบเบาๆที่อุ้งมือเล็กที่ตอบสนองสัมผัสนั้นของแทงกู
"บอกคิดถึงชั้นแต่จูบยุนอา พอมาจูบชั้นก็กลับไปหอมแก้มยุนอา ตกลงชั้นจะเชื่อคุณดีไหมคะ"
เมื่อก้าวขึ้นมาบนรถที่มีทิฟฟานี่นั่งอยู่นั้นแทงกูก็ได้รับประโยคเหน็บแนมอย่างงอนๆของทิฟฟานี่ทันที
ก็รู้ว่าทิฟฟานี่มองเห็นในนั้นแต่จะทำไงได้ล่ะเพราะแทงกูก็เริ่มจะหักห้ามใจไม่ได้มากขึ้นเรื่อยๆเหมือนกันเวลาที่อยู่ใกล้ๆยุนอาน่ะ
"ถ้างั้นชั้นกินเธอตอนนี้เลยแล้วกันนะ"
แทงกูยกยิ้มพรายยียวนอารมณ์ ประกายตาสีฟ้าครามนั้นก็ซุกซนกวาดไล่สำรวจเรือนร่างที่โหยหาทุกวินาทีที่ห่างกัน
ไม่ต้องเสียเวลาเพื่อรอคำตอบเพราะเมื่อเอ่ยจบร่างเล็กก็โน้มกายเข้าหาอีกฝ่ายกดใบหน้าขาวซีดนั้นลงซุกไซร้ลำคอระหงอย่างหื่นกระหาย
กลีบปากสีฉ่ำลากดูดเม้มฝากรอยแสดงความเป็นเจ้าของไปทั่วทั้งบริเวณ
ทิฟฟานี่ก็ไม่ได้ปัดป้องแต่อย่างใด หากแต่เชิ่ดปลายคางขึ้นเล็กน้อยเพื่อเปิดทางให้อีกฝ่ายได้ทำอะไรได้อย่างที่ต้องการ
มือเรียวเลื่อนไปประคองเอวบางของคนตัวเล็กไว้พลางออกแรงรั้งเบาๆให้แทงกูนั้นย้ายมายังเบาะคนนั่งด้วยกัน
มือเรียวข้างที่ว่างนั้นก็ถูกยกขึ้นมารูดซิบชุดหนังรัดรูปของคนตัวเล็กลงช้าๆ
เผยให้เห็นผิวเนื้อเนิอกขาวซีดที่โผล่พ้นบราเซียสีเข้มที่ช่างตัดกับสีผิวของแทงกูเหลือเกิน
ปลายนิ้วเรียวเลื่อนกลับขึ้นมาลากไล้ไปมาตามรอยไหม้สีนิลบนเนินอกข้างซ้ายของแทงกูอย่างเย้ายวนอารมณ์
แทงกูก็ไม่ได้ให้ทิฟฟานี่รุกใส่อยู่ฝ่ายเดียว มือเล็กคว้าเอาซิบชุดหนังของร่างบางและจัดการรูดมันลงจนสุดอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าขาวซีดผละออกมาจะซอกคอขาวขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อมองเรือนร่างตรงหน้า
เนินอกสวยได้รูปที่สะท้อนขึ้นลงตามจังหวะการหายใจโดยปราศจากบราเซียที่ควรจะปรกปิดอยู่อีกชั้นหนึ่ง
"โนบราอีกแล้ว คนสวยขี้ยั่ว"
กลีบปากสีฉ่ำขยับเอ่ยเสียงพร่าดวงตาสีฟ้าก็เอาแต่จับจ้องอยู่ที่ยอดอกสีสวยไม่ละสายตา
เรียวลิ้นถูกส่งตวัดออกมาไล้เลียริมฝีปากเรียวบางของตัวเองอย่างหื่นกระหาย
พลางยกปลายนิ้วขึ้นมากดขยี้ที่ยอดอกสีหวานนั้นขยับลากเสียดสีย้ำๆสลับกับใช้อุ้งมือเล็กนวดคลึงก้อนเนื้อขนาดพอดีมือไว้อยู่อย่างนั้น
"ถ้าไม่ยั่ว แล้วจะได้คั่วคุณเหรอคะ"
ทิฟฟานี่กระซิบเสียงหวานพร่าผะแผ่ว เอ่ยจบก็โน้มใบหน้าเข้าหาอีกฝ่ายที่ยังคงเอาแต่จ้องหน้าอกคู่สวยของเธออยู่ไม่ละสายตา
แล้วส่งเรียวลิ้นออกไปแตะส่วนเดียวกันของเค้า ราวกับจะเรียกร้องความสนใจ
และมันได้ผลแทงกูเมื่อตวัดลิ้นเกี่ยวกลับมาพลางประกบกลีบปากสีฉ่ำของเค้าตามเข้ามาด้วย
รสจูบดูดดื่มถูกป้อนให้กันและกันอย่างเช่นเคยๆ คนที่ถูกใจทำอะไรก็ถูกใจไปเสียหมด
เพล้ง!!!
"เฮ่ย! อะไรวะ!"
ทิฟฟานี่อุทานขึ้นเสัยงดังทั้งสองคนหันขวับมองไปยังต้นเสียง ก็พบว่ากระจกที่กั้นระหว่างภายในห้องและนอกระเบียงนั้นได้แตกกระจายอยู่เต็มพื้นแล้ว
สองร่างลุกขึ้นยืนเต็มส่วนสูงพลางก้าวไปยังจุดเกิดเหตุอย่างระมัดระวัง โดยมีทิฟฟานี่ก้าวนำไปและตามด้วยเจสสิก้า
ฟลึบ~
เงามืดของร่างบุคคลปริศนากระผ่านขึ้นไปด้านบนอย่างว่องไว ทิฟฟานี่กัดฟันกรอดด้วยความร้อนลุ่มเดือดพล่านพร้อมจะบรรดาลโทสะใส่ผู้ก่อเหตุได้ทุกเมื่อ
...คิดว่าจะปล่อยให้รอดไปได้ง่ายๆเรอะ!...
ไวเท่าความคิดร่างเพรียวกระโดดตามเงาปริศนานั้นไปอย่างรวดเร็ว
และนั่นก็ส่งผลให้เจสสิก้าจำต้องกระโดดตามทิฟฟานี่ออกไปด้วยความเป็นห่วง และเกรงว่าจริงๆแล้วจะเพราะตัวเองที่เป็นต้นเหตุ
เจสสิก้าพยายามกระโดดตามทิฟฟานี่ไปให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ด้วยแรงและความว่องไวที่มีน้อยกว่าเชลล่าปรกตินั้น ทำให้เธอทิ้งช่วงห่างจากทิฟฟานี่มากขึ้นเรื่อยๆ
ปัง! ปัง!
เคร้ง!
ยิ่งเจสสิก้ากระโดดปีนตึกขึ้นมาสูงเท่าไรเสียงการประทะกันก็ยินดังชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น
ทั้งเสียงลั่นไกปืนและเสียงของโลหะที่กระทบกันนั้นยิ่งทำให้เจสสิก้าร้อนลุ่มในใจ
ข้างบนนั้นคงไม่ได้มีเพียงแค่ทิฟฟานี่และใครอีกคนที่น่าจะประทะตัวต่อตัวกันอยู่เป็นแน่
และยิ่งรู้สึกอย่างนั้นก็ยิ่งเกรงว่าทิฟฟานี่อาจจะกำลังถูกรุมแบบสิบต่อหนึ่งก็เป็นได้
ภายในใจร้อนลุ่มจนแทบจะระเบิดออกมาพลางนึกหงุดหงิดร่างกายของตัวเองเสียเหลือเกินที่มันอ่อนแอแบบนี้
เจสสิก้าใช้เวลาอยู่หลายอึดใจกว่าจะกระโดดขึ้นมาจนถึงยอดตึกสูงชันที่มีการประทะกันเกิดขึ้นอยู่
คิ้วเรียวกระตุกเข้าหากันเล็กน้อยอย่างนึกแปลกใจ ที่เห็นว่ามีทั้งคีย์และกีกวังช่วยทิฟฟานี่อยู่ แม้จะเบาใจไปหลายเปราะที่อย่างน้อยทิฟฟานี่ก็ไม่ได้ถูกรุมอยู่คนเดียว
แต่อีกฝ่ายนั้นมองเพียงปราดเดียวก็สามารถมั่นใจได้ว่าคือพวก อะบิส นั้นก็ไม่ได้มีน้อยๆเลย มากกว่าสิบคนอาจจะยี่สิบหรือสามสิบคน
ปัง! ปัง!
ซึบ! ซึบ! ซึบ!
ซึ่งตอนนี้เจสสิก้าละความสนใจจะคาดเดาแล้วเมื่อสายตาตวัดไปพบกับร่างเพรียวของทิฟฟานี่ที่กำลังร่วงลงสู่บนยอดตึกสูงชันที่เธอยืนอยู่
เจสสิก้ารีบวิ่งไปตรงจุดที่คิดว่าร่างของทิฟฟานี่จะตกลงมาปะทะกับซีเมนต์บนยอดตึก คล้ายว่าพยายามจะใช้ร่างของตัวเองเป็นหมอนรองรับ
"หลบไป!"
เจสสิก้าโดนผลักออกมาจากจุดที่ยืนอยู่จนเซถลาไปอีกทาง พร้อมกับจำนวนเชลล่านับสิบคนที่จู่ๆก็โผล่มาปะทะกับพวกอะบิส
ก่อนจะตวัดสายตากลับไปมองเจ้าของน้ำเสียงแข็งกระด้างที่เพิ่งเอ่ยไล่เธอเมื่อครู่
วิคตอเรียรับร่างที่ชุ่มไปด้วยของเหลวสีแดงไว้อย่างเบามือราวกับกลัวว่าเรือนร่างที่เธอหลงใหลนั้นจะบอบช้ำไปมากกว่านี้
แล้วค่อยๆประคองร่างไร้สติของทิฟฟานี่ให้นั่งลงตรงนี้ด้วยกันมือเรียวหยิบหลอดสารสีแดงขึ้นมาหลายหลอด
จัดการเทลงบนผิวเนื้อที่เต็มไปด้วยบาดแผลของทิฟฟานี่อย่างบ้าคลั่ง
วิคตอเรียแทบคุ้มสติตัวเองไว้ไม่อยู่ตอนที่เห็นร่างเพรียวตรงหน้านี้ถูกเชือดเฉือนด้วยของมีคมสีเงินเงาที่หน้าตาคล้ายก็อาวุธธรรมดาๆนั้น
"ให้ชั้นช่วยฟานี่เถอะนะ"
เจสสิก้าทนเห็นภาพสะเทือนใจตรงหน้าต่อไปไม่ไหวแล้ว สารฟื้นฟูพวกนั้นแทบจะช่วยอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
แม้จะรู้ว่าวิคตอเรียคงไม่อยากให้เธอช่วยสักเท่าไร ไม่สิต้องบอกว่าวิคตอเรียคงไม่ชอบขี้หน้าเธอพอๆกับที่ไม่ชอบขี้หน้าแทงกูเลยจะดีกว่า
แต่ตอนนี้ทิฟฟานี่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเพราะโลหะไร้ธาตุนั่นน่ะคือสิ่งเดียวที่ทั้งทิฟฟานี่และแทงกูแพ้มันอย่างหนัก
วิคตอเรียระบายลมหายใจออกมาอย่างนึกหงุดหงิดในใจที่จำเป็นจะต้องรับความช่วยเหลือจากเจสสิก้า แต่เพื่อคนที่เธอรักเธอก็จำเป็นจะต้องยอมรับไว้
ไม่อย่างนั้นทิฟฟานี่อาจจะสิ้นลมหายใจไปตลอดกาลก็เป็นได้
วิคตอเรียตอบรับด้วยการพยักหน้าส่งๆโดยไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากเรียวหน้าเรียบตึงนั้น
เจสสิก้ารีบจัดการแนบฝ่ามือของตัวเองลงบนบาดแผลที่ลำคอของทิฟฟานี่เป็นที่แรกเพราะเป็นจุดสำคัญที่สุด
เพียงอึดใจเดียวผิวเนื้อของร่างเพรียวก็สมานตัวกันจนสนิท แต่ยังมีบาดแผลอีกมากมายบนผิวกายของทิฟฟานี่ที่ต้องรับการรักษา
"ฟานี่~อย่าเป็นอะไรไปนะ"
กลีบปากเรียวกระซิบพร่ำออกมาเสียงสั่นเครืออย่างห้ามไม่ได้ เธอไม่ได้ต้องการให้เจ้าของชื่อรับรู้หรอก
หากแต่มันอาจจะเป็นเพียงแค่คำขอพรจากพระเจ้า ให้ท่านช่วยเมตตาชีวิตของผู้หญิงคนนี้ไว้ด้วยเถิด
"เธอ..บ บอก เองนะ ว ว่า ไม่ต้อง ห้าม"
เสียงแหบพร่าถูกเปล่งออกมาอย่างติดขัดคล้ายว่ากำลังจะขาดใจ ทิฟฟานี่ไม่รอให้เวลาถ่วงความทรมานของเธออีกต่อไป
รวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายเพื่อยกมือเรียวขึ้นและฉุดรั้งใบหน้าสวยของเจสสิก้าเข้ามาแนบชิดอย่างรวดเร็ว
เพียงแค่กลีบปากของเราสัมผัสกันเบาๆ เรี่ยวแรงที่คล้ายว่าจะหมดแหล่มิหมดแหล่นั้นก็กลับมาแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายภายในไม่กี่อึดใจ
...เธอคือสิ่งที่วิเศษที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบมาเลยนะ เจสสิก้า ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแทงกูถึงให้ความสำคัญกับเธอนัก...
วิคตอเรียค่อยๆผละตัวเองออกมาจากทั้งสองร่างที่กำลังป้อนจูบให้กันอย่างไม่สนใจรอบข้างนั้นช้าๆ
ไม่อยากเห็นแม้จะรู้ว่าจุดประสงค์คือการรักษาบาดแผลให้ทิฟฟานี่ แต่เธอก็ทำใจทนเห็นไม่ได้อยู่ดี
ร่างสูงกระโดดออกไปจะจากจุดนั้นแล้วโดยที่เจสสิก้าและทิฟฟานี่ไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด จนกระทั่ง...
"ขอขัดจังหวะหน่อยได้ไหมคะ"
น้ำเสียงเอ่ยเชิงแซวของบุคคลที่สามดังขึ้น เรียกให้ทั้งสองร่างที่กำลังแลกจูบกันจนลืมโลกนั้นต้องผละออกจากกันอย่างอ้อยอิ่ง
พลางหันไปมองยังต้นเสียง เพียงได้เห็นว่าบุคคลที่สามนั้นเป็นทั้งเจสสิก้าและทิฟฟานี่ก็ต้องหันกลับมามองหน้ากันอย่างคาดไม่ถึง
"ซูยอง..."
เจสสิก้าเอ่ยเรียกชื่อบุคคลที่สามออกมาเสียงเบาหวิว ราวกับไม่อยากเชื่อว่าคนที่บงการ การปะทะกันครั้งนี้จะคือซูยอง
ที่คาดไม่ถึงนั้นก็เพราะว่าไม่คิดว่าจะเล่นงานทิฟฟานี่หนักจนถึงขั้นหมดสติไปแบบนี้
"ฟานี่ชั้นขอโทษ แต่ชั้นไม่มีทางเลือก..."
ซูยองเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย พลางยกปลายกระบอกปืนสีนิลที่คล้ายว่าจะมีพลังงานบางอย่างวนเวียนอยู่รอบๆกระบอกปืนสีนิลนั้น
เล็งตรงไปยังช่วงอกข้างซ้ายของเจสสิก้า ไม่ได้อยากทำแบบนี้และไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเลยจริงๆ แต่ถ้าไม่ทำเธอก็จะถูกแอมเบอทรมานจนสิ้นใจ
ปัง!!!!
0.o ค้างไหมคะ แฮ่~
ให้รีดเดอร์ไปคิดมากก่อนว่าคนโดนยิงจะเป็นอย่างไร หึหึ
ซูยองไม่ได้ไม่ดีนะนางแค่ไม่มีทางเลือก -..-
จากที่เคยเกริ่นๆตัวละครแอมเบอแล้วในแชป XXXIII [33]
รีดเดอร์คงเดาออกว่านางจะโหดแค่ไหนเนอะ (ไม่แพ้แทงกูหรอก งิงิ หรืออาจจะโหดกว่ามั้ง(?))
แทงทิฟเริ่มกลับมาแบบเบาๆ(?)
รอบนี้เอาแค่ปาดขาวไปก่อนเนอะ งิงิ
แต่ไม่ต้องห่วงเพราะเดี๋ยวตอนหลังๆนี่แทงทิฟมาเต็มแน่นอน 55555
ยังต้องมีอีกเยอะ เพราะงั้นกันรีดเดอร์เบื่อก่อน จึงเอามาแค่นี้ ฮี่ๆ
สังเกตุไหมคะว่าหลังๆมานี้เราจะพยายามบอกลักณะของตัวละครมากขึ้น
อย่างแทงกูที่มีดวงตาสีฟ้าและผิวขาวซีดเป็นจุดเด่น ต่างจากแทยอนยังไง อะไรแบบนั้น ถ้าถามว่าเพื่ออะไร?
เพื่อให้รีดเดอร์ได้สับสนเล่นว่าสองคนนี้จะเป็นคนเดียวกันหรือคนละคนไง ฮริ๊ง #หลบทรีน
ทิฟฟานี่นางซุ่มเงียบแจร้ อย่าลืมนะคะ เชลล่ามีเครื่องมือสื่อสารไฮเทคที่เรียกว่าโฟน
และก็ขอเตือนความจำอีกหน่อยว่าเจสสิก้าเคยเชื่อมโฟนของทิฟฟานี่กับแทงกูให้แล้ว ในแชปที่ XIV [14]
นั่นหมายความว่าทั้งทิฟฟานี่และแทงกูนั้นจะสามารถติดต่อกันเมื่อไรก็ได้
แต่โดยเนื้อเรื่องแล้วทิฟฟานี่จะเกรงใจแทงกู เพราะงั้นนางจะไม่ค่อยรบกวนเวลาของแทงกูเท่าไร
ประมาณนั้นเหมือนรอให้แทงกูติดต่อมาดีกว่าอะไรประมาณนั้น
เรื่องความหลังของยุนแทงกับฟานี่นั้น ขยายความจากแชป XXXII [32] และ XXVI [26] นะคะ
ปล.สำหรับเรื่องคำผิดนะคะยังมีอยู่อีกเยอะแยะ 5555+ บางคำบีมก็ตั้งใจใช้วิบัติเพื่อสื่อถึงอารมณ์ตัวละคร
แต่บางคำก็อาจจะพลั้งมือพิมพ์ผิดไป 555+ ขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยนะคะ แฮ่
ขอให้มีความสุขกับฟิคร่าา
No comments:
Post a Comment