Wednesday, May 7, 2014

.....۞ Amulet Classic ۞..... [Chapter XXXII]

Chapter XXXII




ณ ห้องส่วนตัวในโรงแรมหรูของทิฟฟานี่

"เรียกชั้นมาเนี่ยหวังว่าจะไม่ถามถึงคุณแทงกูหรอกนะใช่ไหม"
ฮยอนซึงยืนเท้าสะเอวหรี่มองแฝดผู้พี่เชิงจับผิด ก็แหมตั้งแต่ที่หากันเจอมาเนี่ยนี่ก็ครั้งแรกที่นางเรียกออกมาพบนี่นา ไม่ให้คิดว่าเป็นเรื่องแทงกูจะให้คิดว่าไงล่ะ
"ไม่ใช่ย่ะ เธอนี่ชักจะเหมือนซูยองเข้าไปทุกทีแล้วนะ เอะอะไรก็หาว่าชั้นมีปัญหาหัวใจเนี่ย"
ทิฟฟานี่ก็เริ่มยกมือขึ้นเท้าสะเอวเถียงแฝดผู้น้องอย่างไม่ยอมแพ้ ก็ดูสิเห็นเธอเป็นอะไรกันทำไมเอะอะอะไรก็ลากเธอเข้าเรื่องแทงกูตลอดเวอ่ะ
แต่เอาเถอะทิฟฟานี่รู้ดีว่าฮยอนซึงอาจจะรู้เพียงแค่เรื่องที่แทงกูและเธอไม่ได้พบหน้ากันมาหลายเดือน เพราะฮยอนซึงนั้นค่อนข้างจะปิดตัวจากโลกภายนอก
เท่าที่ทิฟฟานี่รู้ก็คือฮยอนซึงน่ะชอบที่จะอยู่ในแล็บกับโบอาเพื่อค้นคว้าสิ่งใหม่ๆให้กับแทงกูก็เท่านั้น
"เอ้าก็จะให้คิดว่าไงล่ะช่วงนี้เธอกับคุณแทงกูขาดการติดต่อกันไปไม่ใช่เหรอไง"
"เออๆเรื่องนั้นช่างมันก่อน ที่ชั้นเรียกเธอมาเนี่ยก็เพราะ... เธอจำครอบครัวที่เราไปล้างแค้นเมื่อหลายปีก่อนได้ป่ะ คือเราเก็บไม่หมดน่ะ"
ไม่รู้เพราะอะไรแต่ทิฟฟานี่กำลังต้องการใครสักคนที่คุยเรื่องนี้ด้วยได้คนที่ไว้และคนที่อยู่ในสถานการณ์นั้น
หรืออาจจะเป็นเพราะคำถามที่ถูกยูริยิงใส่เมื่อวันก่อนมันเลยทำให้เธอเดือดเนื้อร้อนใจขึ้นมาอย่างนี้
"เก็บไม่หมด? ได้ไงอ่ะชั้นว่าเราเช็คดีแล้วนะ"
"ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ชอนดุงอะไรนั่นน่ะตามมาลังควานชั้นหลายรอบแล้ว"
ทิฟฟานี่เอ่ยอย่างเป็นห่วงน้องชายฝาแฝดของเธอเป็นอย่างมาก
ที่รู้สึกอย่างนั้นก็คงเพราะเธอไม่ต้องการจะศูนย์เสียคนในครอบครัวคนสุดท้ายของเธอไปอีก ในตอนนี้ก็เราก็มีกันอยู่เพียงแค่สองคน
"เธอพูดเหมือนกลัวงั้นแหละ แต่ชั้นเห็นคุณแทงกูลากคอหมอนั่นไปอยู่ในที่กักขังในคฤหาสน์แล้วนี่"
ฮยอนซึงเอ่ยแซวพี่สาวฝาแฝดของตนด้วยท่าทางสบายๆปนแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเอ่ยประโยคหลัง
เขาคิดว่าทิฟฟานี่จะรู้เสียอีกว่าแทงกูจับตัวชอนดุงไปไว้ในห้องกักขังนั้นแล้ว
(ที่ใช้คำว่าห้องกักขังแทนคุกนั่นก็เพราะว่าในห้องกักขังนั้นค่อนข้างจะมีบริเวณขว้างไม่อึดอัดคับแคบเหมือนกับในคุก เพียงแต่เข้าออกตามใจชอบไม่ได้เท่านั้นเอง)
"ห๊ะ! ตั้งแต่เมื่อไร เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี่ชั้นยังเจอหมอนั่นอยู่เลย"
"คงจะหนีอีกไปล่ะมั้งแต่ก็เห็นว่าล่าสุดนี้แทงกูก็จับหมอนั่นกลับไปแล้วนะ"
สิ้นประโยคจากปากชายหนุ่มร่างบางนั้น คิ้วเรียวก็กีะตุกเข้าหากันอย่างช่วยไม่ได้
ในเมื่อภาพของหญิงสาวชุดขาวที่หิ้วร่างของชอนดุงไปในวันนั้นยังคงติดอยู่ในดวงตาสีเงินเงาไม่จางหายไปไหน
ผู้หญิงคนนั้น...คือแทงกูหรือแค่คนของแทงกูหรือใครอีกกันล่ะ
"แล้วแทงกูพาหมอนั่นกลับไปด้วยตัวเองหรือเปล่า"
เมื่อทนความอยากรู้ไม่ไหวทิฟฟานี่จึงต้องเปิดปากถามฮยอนซึงไปอย่างนั้น และคำตอบที่ได้รับกลับมาคือการพยักหน้าขึ้นลงช้าๆนั่นยิ่งทำให้ทิฟฟานี่สับสนมากขึ้นอีก

"ฮยอนซึง...แทงกูใส่ชุดสีขาวด้วยเหรอ"
"ทำไมถามงั้นล่ะ แทงกูใส่แต่ชุดดำ..."
ฮยอนซึงเอ่ยไปตามความจริงที่เขาได้รู้และเห็นเพราะไม่ว่าเมื่อไรจะนานมาแล้วหรือปจุบันแทงกูก็ยังคงเป็นเงามืดที่เคียงคู่กับสีดำเสมอ
*เพิ่มเติม : เชลล่าปกติจะมีชุดตอนสู้เพียงชุดเดียวคล้ายๆกับเป็นชุดเก่งอ่ะนะ
"แต่คนที่หิ้วชอนดุงไปต่อหน้าต่อหน้าชั้นคือผู้หญิงตัวเล็กๆที่จะให้มองว่าคล้ายแทงกูก็คล้ายมากนะ แต่ใส่ชุดสีขาวมีฮูด"
ฮยอนซึงรับฟังประโยคจากสาวหน้าหวานก็เริ่มขมวดคิ้วตามด้วยความข้องใจ
เพราะเท่าทีเขารู้นั่นก็คือแทงกูรีบออกจากคฤหาสน์ไปหลังจากที่รู้ว่าชอนดุงหายตัวไปและใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงแทงกูก็หิ้วร่างไร้สติของชอนดุงกลับมา
แต่ถ้าจะแปลกฮยอนซึงคิดว่ามันแปลกตั้งแต่แทงกูจับชอนดุงมากักขังไว้แล้วไม่รู้ว่าคนตัวเล็กนั้นมีเหตุ
ผลอะไรหรือมีเรื่องอะไรกับชอนดุงอยู่ ...หรือจริงๆแล้วก็จะเป็นแค่เพื่อช่วยทิฟฟานี่จากอันตราย...
ทิฟฟานี่นั่งมองแฝดผู้น้องที่เริ่มมีสีหน้ายุ่งๆเธอเข้าใจดีว่าการที่เข้าร่วมพิธีสาบานเป็นเทะริฟฟิคนั้นไม่ได้หมายความว่าฮยอนซึงจะได้รู้เรื่องวงในทั้งหมดนี่
และในระหว่างที่รู้ไม่หมดนั้นในคำสาบานก็ยังห้ามปริปากบอกเรื่องวงในที่ตนรู้แก่คนภายนอกได้รู้อีกด้วย
"ฮยอนซึง...ทำไมชั้นถึงรู้สึกว่าแทงกูจะไม่ใช่เชลล่าธรรมดาๆขึ้นมาอย่างนั้นนะ"
ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่มาสะกิดความรู้สึกให้ทิฟฟานี่ให้คิดอย่างนั้น
ยิ่งได้สัมผัสได้แตะต้องมากขึ้นเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกว่าแทงกูนั้นไม่ธรรมดาและมีอะไรให้น่าค้นหาอีกมากมายทั้งในร่างกายและในหัวใจของเค้า...




"เห...คิดว่าพี่สองคนจะไม่มาซะแล้ว"
ยุนอาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเชิงน้อยใจเล็กๆเป็นการหยอกล้อรุ่นพี่ทั้งสองคน ในคืนนี้ยุนอาและยูริมีแข่ง
แต่ก็ไม่รู้เพราะอะไรยุนอาถึงได้รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังนั่งรอแทงกูอยู่จนได้เห็นว่าคนตัวเล็กนั้นเดินเข้ามาพร้อมกับคู่ซี้ของเค้า
ทั้งที่จริงๆแล้วแทงกูและเจสสิก้าไม่ได้ความความจำเป็นต้องมาเลยแต่ทั้งสองคนก็มา
"พี่จะทำอย่างนั้นได้ไงกันล่ะน้องยุนของพี่แข่งทั้งคนนี่เนอะ" แทงกูยิ้มพรายพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้เด็กร่างสูงที่เธอเอ่ยถึงช้าๆ
รู้สึกเหมือนอยากจะกลืนกินเด็กคนนี้เสียจริงๆเลยติดแค่ตรงที่...
เจสสิก้าเอื้อมมือไปดึงคอเสื้อด้านหลังของแทงกูอย่างเนือยๆเชิงปรามเมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเล็กนั้นคล้ายๆกับจะเบียดร่างเข้าหายุนอามากเกินไปแล้ว
และแทงกูเองก็ยอมถอยออกมาอย่างว่าง่ายแม้จะรู้สึกขัดใจอยู่เล็กน้อยก็เถอะ
"ยุนมันเป็นแฟน'แท'ไม่ใช่'แทง'นะ"
เจสสิก้าเอ่ยเน้นเสียงตรงระหว่างทั้งสองชื่ออย่างไม่ซีเรียสนักแต่ก็หันไปยิ้มเชิงขอโทษยุนอาแทนไอ่เพื่อนหื่นๆคนนี้อยู่ไม่นาน
แล้วสายตาก็บังเอิ๊ญบังเอิญเหลือบไปเห็นคุณพี่สาวของเด็กตัวสูงนี่กำลังป้อสาวอย่างเมามัน
ว่าแล้วก็เดินเชิดๆเข้าไปทักสักหน่อยโดยที่ไม่ลืมว่าต้องหันไปส่งสายตาดุๆใส่แทงกูอีกรอบเชิงว่า
...ตูไม่อยู่ใกล้ๆเมิงเนี่ยห้ามทำอะไรน้องยุนนะเฟ่ยย...
แทงกูเห็นอย่างนั้นก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆส่งกลับไปให้เพื่อนสาวเล็กน้อย
...ก็แหมยุนอาน่ารักขนาดนี้ให้ห้ามใจก็ไม่ง่ายนี่นา...
อย่างที่รู้ๆกันว่าแทงกูน่ะจ้องจะฟัดยุนอามานานแค่ไหนแล้วแต่ก็พยายามห้ามตัวเองไม่ให้ทำอะไรที่ไม่ควรลงไป
เพราะเห็นแก่เด็กดีๆอย่างยุนอาไม่อยากให้ยุนอาต้องมีตำหนิไม่อยากให้ยุนอามีข่าวชู้สาวกับใครไม่เว้นแม้แต่ตัวเอง
"โทษทีนะ บางทีเธอก็ควรจะห้ามพี่บ้างก็ได้"
เมื่อนึกขึ้นได้ก็เงยหน้าบอกคนตัวสูงกว่าอย่างอ้อนๆ จนยุนอาแทบจะสตั๊นก็เพิ่งเคยเห็นแววตาสีฟ้านั้นทอประกายออดอ้อนออกมาอย่างไม่ปิดบัง
และนั่นก็เล่นงานหัวใจเธอเสียจนเต้นไม่เป็นส่ำ จะให้หยุดได้อย่างไรในเมื่อแทงกูดูคล้ายกับแทยอนขนาดนี้...
ยุนอากำลังกลัว กลัวว่าหัวใจตัวเองนั้นจะถูกขโมยไปโดยผู้หญิงตัวเล็กๆตรงหน้านี้อีก...

"อ่าา...เจสสิก้ามานานหรือยังคะ"
ยูริรีบดันร่างหญิงสาวสามสี่คนที่เกาะแกะรายล้อมตัวเองให้ออกห่างไปแทบไม่ทัน เมื่อสายตาคมกวาดไปป๊ะกลับร่างบางที่สาวเท้าเดินนวยนาดเข้ามาช้าๆ
เธอไม่คิดว่าเจสสิก้าจะมาด้วยเพราะเธอบอกแทงกูว่านัดทิฟฟานี่ไว้หลังจากที่แข่งเสร็จ แล้วถ้าเจสสิก้ามากับแทงกูด้วยแบบนี้จะทำอย่างไรดีล่ะ
"ก็มาทันเห็นคนเจ้าชู้แถวนี้ป้อสาวอยู่อ่ะค่ะ"
เจสสิก้าสะบัดเสียงเชิดๆนึกสนุกอยู่ในใจเวลาที่ได้แกล้งยูริคนนี้จริงๆ
ร่างบางหย่อนกายนั่งลงข้างๆอีกคนด้วยท่าทีสบายๆพลางส่งสายตาจับผิดร่างสูงที่นั่งยิ้มแห้งๆอยู่ที่เดิม
"คืนนี้ชั้นอยู่กับคุณได้หรือเปล่า" (0.0)
ยูริหันขวับมองใบหน้าสวยที่ดูเย้ายวนเหลือเกินนั้นอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้เห็นและได้ยิน
ความในของเจสสิก้านั้นคิดไปในทางอื่นไม่ได้เลยจริงๆทั้งสีหน้าน้ำเสียงและท่าทาง
"เธอพูดอะไรออกมาน่ะรู้ตัวหรือเปล่า"
ยูริพยายามถามย้ำเพื่อเรียกสติให้กับเจสสิก้า หรือย้ำความหมายในประโยคนั้นของร่างบางให้กับตัวเองก็ไม่อาจแน่ใจได้
"ก็แทงมันไม่ว่างนี่ แต่ชั้นขอมาด้วยมันก็เลยบอกให้ชั้นอยู่กับคุณ"
ปลายนิ้วชี้ยกขึ้นแตะริมฝีปากบางในขณะที่กำลังขยับเอื้อนเอ่ยเหตุผลให้อีกฝ่ายเข้าใจ แต่ภาพนั้นเล่นเอาคนที่มองระยะประชิดอย่างยูริแทบคลั่งตาย
"แต่เธออาจจะไม่ปลอดภัยนะเจสสิก้ายา~"
เสียงพร่าฟังดูเซ็กซี่ในแบบฉบับของยูริถูกส่งออกไปพร้อมกับสายตาคมกริบสะกิดอารมณ์เพื่อให้ร่างบางนั้นเข้าใจประโยคที่เธอเอ่ยให้ตรงกัน
ว่าเธออาจจะล้ำเส้นเค้าถ้าหากเราอยู่ด้วยกันในที่ลับตาคน และถ้าเป็นอย่างนั้นเจสสิก้าจัยอมรับได้หรือเปล่า
ดวงหน้าสวยยกยิ้มยั่วอย่างไม่กลัวเกรงในสิ่งที่ร่างสูงบอกมา หากแต่มือยังยกขึ้นลูบไล้ใบหน้าคมครายของอีกฝ่ายแผ่วเบา


"คิดว่าจะชนะยูริได้หรือเปล่า"
แทงกูเอ่ยขึ้นเมื่อใกล้ถึงเวลาลงแข่งของคู่พี่น้องเต็มทีแล้ว ก็ไม่รู้ว่ายูริมีแผนอะไรหรือเปล่าถึงได้ให้ซอฮยอนวางตารางเป็นยุนอาแข็งกับตัวเองแบบนี้
หรืออาจจะแค่อยากรู้ว่าฝีมือของยุนอาพัฒนาไปถึงไหนแล้วงั้นเหรอ
"ไม่รู้สิคะยุนไม่เคยแข่งกับพี่ยูล แต่เห็นพี่ยูลบอกว่าอยากให้ลองเจ้านั่นดูน่ะ"
ยุนอาเพยิดหน้าไปทางรถของตัวเองที่น่าตาแปลกไปเพราะการผสมผสานให้กลายเป็นมอเตอร์ไซต์และรถยนได้ในคันเดียวกัน
แทงกูมองเพียงปราดเดียวก็รู้ถึงคุณสมบัตินั้นของ A7 (ชื่อรถของยุนอา)
ร่างเล็กพยักหน้าเชิงรับรู้จุดประสงค์ของยูริพร้อมกับเอ่ยบอกยุนอาว่าเธออยากนั่งไปกับร่างสูงด้วยได้ไหม
แล้วมีเหรออย่างยุนอาจะกล้าปฏิเสธแทงกูมีแต่จะพยักหน้ารัวๆด้วยความยินดีน่ะสิไม่ว่า


"รู้ไหมพี่ชอบนั่งA7มากเลย ถ้ามีโอกาสก็อยากนั่งบ่อยๆกว่านี้อีก"
แทงกูหันไปมองหน้าคนขับอย่างมีความหมาย จนยุนอาแอบรู้สึกว่าเธออาจจะคิดผิดที่ให้แทงกูนั่งมาเพราะตอนนี้เธอแทบไม่มีสมาธิในการขับหลงเหลืออยู่เลยน่ะสิ
แล้วจู่ๆอะไรมันดลใจให้แทงกูเฮิดมาเล่นอะไรแบบนี้กันล่ะเดี๋ยวก็ทำหน้าออดอ้อนบ้างเดี๋ยวทำหน้าน้อยใจบ้าง
ซึ่งปรกติแล้วยุนอาจะแทบไม่เคยได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้จากแทงกูเลย ไม่ร่างเล็กนี้จะแสดงออกกับใครยุนอาก็ไม่เคยเห็นทั้งนั้น
แต่เวลาที่แทงกูให้คำปรึกษาในการแข่งก็มีประโยชน์ไม่น้อยเลยเช่นกันจากน้ำเสียงที่ฟังดูเฉยชาราวกับคนละคนกับตอนที่ยั่วยวนออดอ้อน
จู่ๆภาพของแทยอนก็ซ้อนเข้ามาในความคิดของร่างสูง ยิ่งสัมผัสยิ่งใกล้ชิดก็ยิ่งรู้สึกว่าหลงไหลคนๆนี้...
ยุนอาสะบัดหน้าเล็กน้อยเพื่อไล่ความคิดบ้าๆแบบนั้น ยุนอากำลังจะพ่ายแพ้ให้กับดวงตาสีฟ้านั้นของแทงกูที่คอยสะกดให้เธอยอมเค้าทุกๆอย่าง
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้ทำไมมันช่างเหมือนกันกับตอนที่เป็นแทยอนเสียเหลือเกิน...

"เป็นอะไรไปคะหึ้ม~"
แทงกูสังเกตุเห็นว่ายุนอานิ่งไปหลายอึดใจแล้วทั้งที่คันเร่งยังถูกเหยียบจนจมมิดอย่างนั้นมันดูไม่ปลอดภัยเกินไป
ดวงตาสีฟ้าครามกวาดมองเม็ดเหงื่อที่ผุดออกมาตามไรผมของอีกคนแล้วก็อดไม่ได้ที่เอื้อมไปปาดออกเบาๆ
"พี่คะ.. อย่าทำให้ยุนหวั่นไหวกับพี่ไปมากกว่านี้เลยนะคะ"
ยุนอาผละใบหน้าออกจากอุ้งมืออุ่นนั้นอย่างตื่นตัว พลางเอ่ยความรู้สึกออกไปอย่างไม่ปิดบัง
ทั้งน้ำเสียงของแทงกูที่เอื้อนเอ่ยออกมานั้นยุนอาสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่แทงกูส่งมาด้วยอีกทั้งสัมผัสแผ่วเบานั้นยิ่งทำให้ยุนอาคิดถึงแทยอนขึ้นมา
...ทำไมถึงเหมือนกันได้ขนาดนี้นะ...


"แกเก่งขึ้นหรือรถแกเจ๋งขึ้นกันแน่นะ"
หลังจากที่แข่งจบยูริก็เอ่ยแซวน้องสาวตัวเองอย่างอดไม่ได้ ก็ยุนอาน่ะเข้าเส้นชัยหลังจากเธอเพียงไม่ถึงเสี้ยววินาทีด้วยซ้ำ
ยุนอาที่ยังคงยืนอยู่ข้างแทงกูนั้นก็หันมายกยิ้มให้ผู้เป็นพี่กับคำชมนั้นเล็กน้อยพลางแอบคิดว่าถ้าเธอไม่มัวสติแตกกระเจิงนะเธออาจจะเอาชนะยูริได้ก็ได้
แต่ก็เอาเหอะดูแล้วยูริก็คงไม่ได้มีสมาธิในการแข่งสักเท่าไรคงโดนเสน่ห์เจสสิก้าเล่นงานมาเหมือนกันจากเหงื่อนี่ชุ่มเลย -.-+

"แทงงั้นเค้าไปกับคุณยูรินะ จะกลับเมื่อไรก็ติดต่อมาแล้วกัน"
เจสสิก้าหันไปบอกเพื่อนสาวท่ามกลางหมู่ประชาชีรายที่รายล้อม
แทงกูพยักหน้ารับพลางมองตามแผ่นหลังเพื่อนสาวที่เดินเกาะแขนยูริจนกระทั่งก้าวขึ้นรถของยูริไปอย่างอดห่วงไม่ได้
เจสสิก้าน่ะชอบทำอะไรไม่ระวังตัวเองอยู่เรื่อยเกิดอะไรขึ้นคนที่เสียใจมันก็คือเธอคนเดียวที่ปล่อยให้เจสสิก้าเป็นอะไรไปอีก..
แทงกูระบายลมหายใจออกมาช้าๆราวกับเหนื่อยล้ามานานนับหลายปี
~หากเธอเป็นอะไร ความผิดฉันคนเดียว~
จนรู้สึกได้ถึงแรงสะกิดเบาๆที่ไหล่ซ้าย เมื่อหันไปจึงได้เห็นว่าเป็นยุนอาที่มองเธอด้วยสายตาเป็นห่วงน้อยๆ
แทงกูเผยรอยยิ้มบางๆออกมาอย่าอดไม่ได้เมื่อได้รับความรู้สึกดีๆจากเด็กคนนี้ไม่ว่าจะกี่ครั้ง
...ยุนอาก็ยังเป็นยุนอาที่อบอุ่นและใสซื่อเสมอ...




ระหว่างที่ออกมารอทิฟฟานี่ตามที่ยูริได้บอกที่หมายไว้เป็นจุดแบทเทิ้ลคิงที่คุ้นเคย เหมือนรู้อยู่แล้วว่าทิฟฟานี่จะมาช้ากว่าตนแทงกูจึงชวนยุนอามาด้วยซะเลย
และทั้งที่ไม่ได้มีเหตุผลหรือความจำเป็นใดๆแต่ยุนอาก็ยอมมากับแทงกูทั้งที่ในสมองก็ตีกันรวนว่าไม่ควรมาและไม่ควรรู้สึกอะไรกับแทงกูไปมากกว่านี้
แต่จะทำอย่างไรในเมื่อหัวใจมันไม่ยอมฟัง...
ยุนอานั่งซบพวงมาลัยพลางแอบมองคนตัวเล็กที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถของเธอก้มจิ้มไอโฟนยิกๆ
พอมาถึงยังที่หมายแทงกูก็จอดรถตัวเองไว้แล้วเดินมาขึ้นรถยุนอาเสียอย่างนั้น ยังไม่มีประโยคพูดคุยใดๆหลุดออกมาจากปากทั้งคู่
เพราะยุนอารู้สึกว่าแทงกูอาจจะคุยธุระอยู่เธอจึงทำได้แค่เงียบและลอบมองแทงกูอยู่แบบนั้น
ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้มีวันที่เธอได้อยู่กับแทงกูที่เธอทั้งปลื้มทั้งคลั่งไคล้แบบนี้ตามลำพัง
...พี่ช่วยชีวิตชั้นไว้ นั่นคือสิ่งแรกที่ทำให้ชั้นประทับใจพี่...
แต่ก็ไม่ได้มีเพียงเรื่องเดียวแต่ยังมีอีกหลายเรื่องของแทงกูที่ทำให้ยุนอาประทับใจผู้หญิงคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
"แอบมองพี่นานเกินไปแล้วนะยุนอา~"
ยุนอาเปรยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อถูกอีกคนจับได้เข้าเสียแล้ว แทงกูเหลือบมองเด็กร่างสูงที่ทำท่าเหมือนนั่งฟุบอยู่กับพวงมาลัยอย่างเนียนๆ
มือเล็กจัดการเก็บเครื่องมือสื่อสารกลับเข้าที่เมื่อใช้งานเสร็จแล้ว ก่อนจะยกมือขึ้นรวบกลุ่มผมของตัวเองไปไว้อีกข้างเผยให้เห็นลำคอระหงอันขาวเนียนชวนสัมผัส
...ยั่วกันแบบนี้เลยสิ...
ยุนอาพยายามกลืนก้อนเหนียวหนืดลงลำคอไปอย่างยากลำบาก เธอไม่สามารถหยุดสายตาของตัวเองไม่ให้โลมเลียผิวขาวๆของแทงกูได้เลย
แทงกูยกยิ้มเย้ายวนอย่างรู้ทันถึงแม้ทั้งคู่จะอยู่ในความมืดสลัวแต่นั่นไม่ได้ช่วยปรกปิดความรู้สึกทางสีหน้าและสายตาของทั้งคู่ได้เลย
แทงกูยอมรับว่าตอนนี้อยากได้ยุนอามากและไม่คิดว่าจะปิดบังความรู้สึกนั้นไว้
กับยุนอาที่กำลังพยายามหักห้ามความรู้สึกตัวเองที่พลุ่งพล่านในตอนนี้เพียงแค่ได้เห็นท่าทียั่วยวนของแทงกูเพียงเล็กน้อย
ยุนอากลับต้องพยายามพร่ำบอกกับตัวเองว่าต้องไม่นอกใจและไม่นอกกายแทยอน

มือเล็กถูกเอื้อมไปเชยคางคนอายุน้อยกว่าให้เคลื่อนเข้ามาใกล้กันอีก
ดูเหมือนแทงกูจะรู้ทันยุนอาว่าร่างสูงนี่กำลังคิดและรู้สึกอะไรอยู่แต่เธอขอเห็นแก่ตัวกับยุนอาสักครั้งจะเป็นไรไหมนะ
"เลิกเป็นคนดีสักพักได้ไหมยุนอา~"
เสียงกระเส่าแบบนั้นของแทงกูทำให้สติสัมปชัญญะของยุนอาแตกกระเจิง อีกทั้งดวงตาสีฟ้าที่หยาดเยิ้มกำลังเคลื่อนใกล้เข้ามาทั้งยังคงสบตากันไม่ลดละ
จนยุนอาสัมผัสได้ถึงลมหายใจอันร้อนผ่าวของแทงกูที่เป่ารดพวงแก้มของเธอเพียงแผ่วเบาหากแต่ชัดเจนจนไปถึงขั่วหัวใจที่กำลังบีบรัดตัวอย่างรุนแรง

"รู้อะไรไหมคะ...ดวงตาของพี่เหมือนสายธาร แต่เป็นสายธารที่ไหลวนไปมาเพื่อจะหลอมละลายหัวใจของใครต่อใครให้สยบแทบเท้าเพียงแค่ได้สบลึกเข้าไป"
น้ำเสียงเพ้อฝันนั้นทำให้แทงกูนิ่งไปก่อนที่ริมฝีปากของเราจะสัมผัสกันคิ้วเรียวค่อยๆขมวดเข้าหากันอย่างห้ามไม่ได้เมื่อได้ฟังประโยคที่ยุนอาเอ่ยออกมา
เช่นเดียวกับยุนอาที่เหมือนจะได้สติหลังจากที่พูดอะไรแปลกๆอย่างเพ้อๆออกไป แทงกูผละใบหน้าออกมาช้าๆทั้งสายตายังคงสบลึกเข้าด้วยกันอย่างเดิม
...สายธารที่หลอมละลายหัวใจใครต่อใครงั้นเหรอ...

"พี่แทงกู..."
ยุนอาเรียกอีกคนเบาๆเมื่อจู่ๆก็กลายเป็นแทงกูที่นิ่งไปเสียอย่างนั้น
แทงกูที่ถูกดึงสติกลับมาอีกครั้งก็ได้แต่เปรยยิ้มออกมาเล็กน้อยที่เธอดันแสดงตัวตนในอีกมุมมองให้ยุนอาได้เห็นอีกแล้ว
"เมื่อกี้กลัวหรือเปล่า"
แทงกูที่เหมือนจะไม่ค่อยอยากนึกถึงเรื่องที่ยุนอาเพ้อออกมาเมื่อครู่นักจึงเปลี่ยนเรื่องถามคนอายุน้อยกว่าเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
"ไม่รู้สิคะ ให้อธิบายเป็นคำพูดมันคงไม่ง่ายเท่าไร"
นั่นสิยุนอาก็ยังคิดว่าตัวเองรู้สึกสับสนไม่มากก็น้อยทั้งที่สมองบอกให้หยุดแต่หัวใจกลับเฉยเมยและยังยืนยันว่าจะรอสัมผัสนั้นจากแทงกูอยู่ดี
แต่ถ้าให้ตอบตรงๆจากใจคือกลัว กลัวมากๆเลยด้วยกลัวว่าจะหวั่นไหวไปกับแทงกู..
"แล้วเสียดายป่ะ" (0\\\0)
ยุนอาแทบจะอยากกระชากประตูรถวิ่งออกไปกรี๊ดให้แผ่นดินไหวเสียจริงเลย แทงกูเล่นถามอะไรแบบนั้นออกมาได้หน้าตาเฉย แต่คนโดนถามนี่สิ(>~<)
เมื่อเห็นว่าเด็กร่างสูงกายเป็นหินไปแล้วแทงกูจึงเปรยยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ ก็ยุนอาน่ารักขนาดนี้จะให้เธอห้ามใจอย่างไรไหวกันล่ะ
เมื่อคิดได้ดังนั้นกลีบปากเรียวจึงเผยอออกและพุ่งเข้าฉกชิมความหอมหวานของคนอายุน้อยกว่าอย่างชำนาญการ
ยุนอาที่เคยนิ่งไปนั้นก็เผลอตอบรับรสจูบนั้นตามความเคยชินจนลืมไปเสียสนิทว่าคนที่จูบเธออยู่ตอนนี้คือ'แทงกู' ไม่ใช่'แทยอน'ที่คุ้นเคยกัน

"ไม่ต้องห่วง จะไม่มีใครบอกแทยอนแน่นอน" แต่คิดเหรอว่าแทยอนจะไม่รู้...
แทงกูผละใบหน้าออกมาอย่างเสียดายจับจ้องดวงหน้าของคนอ่อนวัยที่ขึ้นแดงเรื่อ
เผยรอยยิ้มบางๆออกมาเมื่อเห็นว่ายุนอาพยักหน้าช้าๆราวกับถูกสะกดให้ทำอย่างนั้นแหละ
ก่อนที่แทงกูจะเปิดประตูเพื่อก้าวลงจากรถของยุนอาเพื่อพบกับหญิงสาวอีกคนที่เธอมารอ ทิฟฟานี่...

'เพราะตัวจริงของชั้นน่ะไม่จำเป็นต้องเป็นข่าวให้คนรู้มากมายหรอก...' 
หนึ่งประโยคที่แทงกูเคยใช้มันเอ่ยต่อหน้ากาฮีนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในสมองของเจ้าตัวอยู่ไม่ห่าง
ใครคนนั้นที่เธอได้เอ่ยถึงไม่ใช่กาฮีก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนๆนั้นจะไม่มีอยู่จริง...

~แต่จะสั่งการอย่างไร เมื่อสมองและหัวใจไม่ยอมเดินไปด้วยกัน~
ยุนอากำลังคิดไม่ตกในระหว่างที่ขับรถกลับไปยังคฤหาสน์มือข้างนึงก็เอาแต่สัมผัสริมฝีปากของตัวเองอย่างสับสน
ทั้งรู้สึกผิดต่อแทยอนแม้ว่ามันอาจจะเป็นแค่จูบ แต่อีกมุมก็กลับรู้สึกดีที่ได้สัมผัสอย่างนั้นกับแทงกู
แต่ที่รู้สึกชัดเจนที่สุดตั้งแต่ได้สติกลับมานั้นคือ แม้รสจูบยังคล้ายคลึงกับแทยอนมากเสียจนเธอลืมตัวจูบตอบแทงกูไปเสียอย่างนั้น



"ชั้นเห็นนะว่าคุณทำอะไรยุนอาน่ะ"
ทิฟฟานี่หรี่ตาจับผิดคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ที่เดิมแม้ว่ารถสปอตคันหรูที่แทงกูเพิ่งก้าวลงมานั้นจะไม่อยู่แล้วก็ตาม
แทงกูเลิกคิ้วเล็กน้อยเชิงว่า ทำแล้วไงอ่ะ สองมือก็ยกขึ้นกอดอกราวกับไม่ใส่ใจกับประโยคที่ทิฟฟานี่เอ่ย
"ยุนอามีแฟนแล้วนะคุณยังจะไม่เว้นอีกเหรอคะ"
ทิฟฟานี่สาวเท้าเข้าไปใกล้คนตัวเล็กกว่าพลางวาดเรียวแขนโอบรอบคออย่างที่เคยทำเมื่อก่อนหน้าที่เราจะห่างกันไป
ดวงหน้าหวานเคลื่อนเข้าใกล้ใบหน้าคมช้าๆ แม้จะรู้สึกหึงหวงหรือแอบไม่พอใจที่แทงกูทำอย่างนั้นก็เถอะ
แต่อย่างน้อยแทงกูก็ยอมพบเธอแบบนี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว เพราะงั้นทิฟฟานี่จึงเลือกจะแสดงกิริยาออกไปแบบที่แทงกูจะพึงพอใจแค่นั้นเสียดีกว่า
"แล้วถ้าชั้นมีแฟนแล้วเธอจะเว้นหรือเปล่า"
จู่ๆแทงกูก็เอ่ยออกมานิ่งๆพลางสบลึกเข้าไปในแววตาสีเงินเงาที่เย้ายวนหัวใจเหลือเกิน
"ไม่รู้สิคะ แต่ตอนนี้คุณไม่มีนี่นา~"
เสียงหวานๆแบบนั้นของทิฟฟานี่เล่นเอาแทงกูอ่อนละทวยไปทั้งร่าง หมดแล้วกำแพงที่เคยสร้างไว้ต่อให้มันแน่นหนาสักแค่ไหน
ทิฟฟานี่ก็สามารถหลอมละลายมันให้หายไปได้ภายในพริบตาเดียว
"แล้วถ้าชั้นบอกว่ามีล่ะ"
แทงกูก็อยากรู้เหมือนกันว่าทิฟฟานี่จะตอบว่าอย่างไรหรือว่าทิฟฟานี่จะทำอะไร
ร่างบางเงียบไปเพราะก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าหากแทงกูมีแฟนแล้วจริงๆเธอจะทำอย่างไรในเมื่อก็รู้อยู่แก่ใจตัวเองดีว่าโหยหาแทงกูมากเพียงไหน
ถ้าหากเป็นตอนแรกๆที่ยังไม่รักแทงกูมากเท่านี้ทิฟฟานี่ก็อาจจะปล่อยเค้าไปตามทางของเค้าอย่างที่ควรจะเป็น แต่ตอนนี้...มันไม่ใช่
"มันอาจจะไม่สำคัญว่ามีแฟนหรือยังแต่สิ่งสำคัญคือหัวใจคุณโหยหาใครกันแน่มากกว่ามั้งคะ"
ถึงแม้ว่าคำตอบมันจะไม่ค่อยตรงคำถามก็เถอะแต่ทิฟฟานี่คิดว่าคำตอบนี้น่าจะดีที่สุดแล้วสำหรับเราสองคน
แทงกูครุ่นคิดตามประโยคนั้นของทิฟฟานี่ภายใต้ใบหน้าที่เรียบนิ่งราวกับไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น
งั้นก็หมายความว่าถึงมีแฟนแล้วแต่บังเอิญว่าหัวใจโหยหาใครคนอื่นจนอาจกลายเป็นการนอกใจหรือนอกกายนั้นมันไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอย่างนั้นเหรอ
ทิฟฟานี่ซบใบหน้าลงกับซอกคอขาวสูดกลิ่นผอมๆจากผิวกายของคนตัวเล็กอย่างโหยหา
คิดถึงเหลือเกิน... ไม่รู้ทำไมทั้งที่มีเรื่องราวหลากหลายที่อยากจะพูดคุยหรือถามไถ่แทงกูอยู่มากมายแค่ไหน
แต่เมื่อได้เจอหน้ากันแล้วราวกับว่าทั้งหมดนั้นโดนลบออกไปจากสมองเสียอย่างนั้น
ร่างบางเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าปลายเท้าของตัวเองนั้นลอยขึ้นจากพื้นโลก
แทงกูกำลังอุ้มร่างของทิฟฟานี่ขึ้นช้าๆแล้วหันกายเดินกลับไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่


"แทงกูคะ~"
สองเรียวแขนยังคงโอบรอบลำคอของคนตัวเล็กไว้แน่นทั้งที่แทงกูนั้นวางร่างบางลงกับเบาะในรถแล้วก็ตาม
เสียงอ่อนแผ่วเบานั้นไม่ใช่แทงกูไม่เข้าใจว่าทิฟฟานี่พยามจะบอกอะไร
ทั้งสายตาเชิญชวนที่ถูกส่งมาแบบนั้นมันทำให้แทงกูมั่นใจว่าทิฟฟานี่ยังไม่อยากให้เธอปล่อยมือจากร่างบาง
ในเมื่อเป็นอย่างนั้นก็คงไม่เป็นไรหากแทงกูจะทำอะไรตามใจตัวเองซะบ้าง
มุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงว่าอะไรจะเกิดขึ้นระหว่างเราและแทงกูเองก็แทบจะอดใจรอไม่ไหว

cut...

"ทำไมก่อนหน้าที่จะเจอชั้นคุณถึงทำอย่างนั้นกับยุนอาด้วยคะ" ทิฟฟานี่ถามคนตัวเล็กที่นั่งคร่อมตักตัวเองด้วยน้ำเสียงเชิงน้อยใจอย่าอดไม่ได้
"ก็แค่จูบ...ไม่ได้เหรอ"
"ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะแต่ชั้นหวงคุณนี่คะ"
ก็ถึงวันนี้เท่าที่เห็นและที่แทงกูบอกมันอาจจะเป็นแค่การจูบแต่ทิฟฟานี่ก็พอรู้อยู่บ้างว่าแทงกูน่ะให้ความสนใจกับยุนอามากกว่ายูริเสียอีก
มันคงไม่แปลกที่ทิฟฟานี่จะรู้สึกหึงหวงมากกว่าเวลาที่เห็นแทงกูไปมีอะไรกับพวกสาวๆไนท์ช็อต
แต่ก็นั่นแหละเพราะว่าทิฟฟานี่เองก็รู้ดีอยู่ว่าแทงกูปฏิบัติต่อสาวๆพวกนั้นยังไง
"แล้วอีกอย่างเธอลืมไปแล้วเหรอว่าชั้นกับยุนอาเคย..."
ถึงแม้ว่าทิฟฟานี่จะไม่ได้อยากนึกถึงเรื่องที่เจ็บปวดที่เกิดขึ้นในวันนั้น แต่น้ำเสียงของยูริที่บอกว่าแทงกูอยู่ในห้องกับยุนอานั้นยังดังก้องอยู่ในใจ


ภาพเพดานสีขาวว่างเปล่า กับร่างกายที่สามารถขยับได้แบบมีจุดจำกัด มันชวนให้อึกอักยิ่งนัก ทั้งร่างกายและหัวใจ...
เนื่องจากข้อมือและข้อเท้านั้นถูกพันธนาการไว้ด้วยโซ่ที่แข็งแกร่งเกินกว่าที่เชลล่าปกติอย่างเธอจะทำลายมันได้
ทิฟฟานี่พยายามองสำรวจรอบๆกายเพื่อจะหาคำตอบให้กับตัวเองว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน
ห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่กว่างเท่าไรแต่ก็ไม่แคบจนเกินไป ว่างเปล่ามีเพียงเตียงนอนที่รางบางนอนอยู่ และถูกพันธนาการไว้
...ก่อนหน้านี้เราคุยกันว่าจะไปยังคฤหาสน์ของยูรินี่นา หรือว่านี่จะเป็นส่วนหนึ่งในคฤหาสน์ของยูริที่ชั้นยังไม่เคยรู้...
"รู้สึกตัวไวกว่าที่คิดไว้อีกแฮะ" 
เสียงยูริดังแว่วมาฉุดให้ทิฟฟานี่หลุดจากการครุ่นคิดและเตรียมตัววีนทันที
"นี่มันเรื่องบ้าอะไร! ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้นะ! แล้วแทงกูล่ะเค้าอยู่ไหน" 
ร่างบางที่ถูกพันธการอยู่บนเตียงนุ่มแผร่ดเสียงดังลั่งพร้อมกับพยามขยับร่างกายดีดดิ้นเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอไม่พอใจ
"ชู่ว...อย่าเสียงดังสิ" ยูริยกเรียวนิ้วขึ้นทาบริมฝีปากคนบนเตียงเบาๆ พาลให้คนถูกกระทำตัองสะบัดหน้าหนีอย่างรำคาญ
"เดี๋ยวแทงกูจะไม่พอใจเอาน่ะ เพราะตอนนี้เค้าอยู่ในห้องกับยุนอา แต่อย่านะนะว่าเค้าเข้าไปทำอะไรกันสองคนในห้อง..."
ยูริก้มลงกระซิบเสียงพล่าข้างๆจุดรับฟังของร่างบาง เพื่อย้ำใจความที่เธอต้องการจะสื่ออกไปให้ชัดเจน
ทิฟฟานี่ที่เตรียมจะแหกปากโวยวายเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก ในสมองตอนนี้มีเพียงคำๆเดียว
...ทำไม...



"แต่ตอนนี้ชั้นก็อยู่กับเธอแล้วไง..."
เสียงของร่างเล็กนั่ปลุกให้ทิฟฟนี่ตื่นขึ้นจากภวังที่สุดแสนจะแย่ ร่างบางสบลึกเข้าไปยังดวงตาสีฟ้าครามที่น่าลุ่มหลง
แทงกูหยุดคำพูดไว้เพียงเท่านั้นและโน้มใบหน้าลงประกบริมฝีปากเข้ากับส่วนเดียวกันของทิฟฟานี่แทนคำตอบต่อจากประโยคนั้น
ร่างเล็กครางอืมในลำคอเมื่อปลายนิ้วเรียวของทิฟฟานี่ใช้ปลายนิ้วสะกิดยังจุดที่ไวต่อความรู้สึกของเธอย้ำๆอยู่อย่างนั้น
และครั้งนี้แทงกูก็ไม่ได้คิดจะปัดป้องสัมผัสนั้นจากทิฟฟานี่อีก

แทงกูเองก็ไม่มั่นใจเสียเท่าไรว่าทำไมครั้งนี้เธอถึงยอมให้ทิฟฟานี่ลุกล้ำเส้นแดงเข้ามามากกว่าทุกที
ไม่แน่ใจว่ามันเกิดขึ้นเพราะความรู้สึกที่มีต่อทิฟฟานี่ หรือเธอไม่สามารถดับอารมณ์พลุ่งพล่านที่เกิดขึ้นเพราะยุนอาได้กันแน่
แต่ควบสองต่อไปแบบนี้มันจะดีเหรอ แล้วทำไงได้ล่ะในเมื่อทั้งสองคนนั้นแทงกูก็ไม่ได้อยากเสียใครไปทั้งยุนอาและทิฟฟานี่




"พี่แทงกูคงยังไม่กลับง่ายหรอกค่ะไม่งั้นคงไม่ให้ยุนกลับมาก่อน งั้นคืนนี้พี่สิก้านอนกับยุนก็ได้นะเพื่อความปลอดภัยแล้วก็... ยุนมีเรื่องอยากปรึกษาพี่อยู่พอดีน่ะ"
เมื่อยุนอากลับมาถึงยังคฤหาสน์ก็ได้เห็นว่ายูริและเจสสิก้านั่งคุยกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น คงเพราะยูริอาจจะไม่ไว้ใจตัวเองถ้าหากจะพาเจสสิก้าเข้าห้องไปล่ะมั้ง
แต่นั่นก็ดีแล้วยุนอาจะได้ปรึกษาเจสสิก้าเรื่องแทงกูเสียเลย
"พี่รู้ไอ้แทงมันไม่รีบกลับมาหรอก งั้นเอาตามนั้นแล้วกันเพราะพรุ่งนี้เช้ายุนก็ต้องไปหาแทด้วยใช่ไหมล่ะ"
เจสสิก้าเอ่ยอย่างเป็นต่อเพราะถ้าให้เธอเลือกระหว่างนอนกับยูริหรือยุนอานั้นเธอก็ต้องวางใจยุนอามากกว่ายูริอยู่แล้วล่ะ
เพราะขนาดตัวยูริเองยังไม่ไว้ใจตัวเองเลยแล้วเจสสิก้าจะกล้าไว้ใจได้อย่างไรล่ะจริงไหม
ยูริก็ไม่ได้คัดค้านอะไรกับการตัดสินใจของยุนอาและเจสสิก้าเพราะเธอเองก็ไม่อยากเสียแต้มในการจีบเจสสิก้าไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบของตัวเองเช่นกัน

"มีอะไรเหรอสีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย นี่เรื่องเดียวกับที่บอกว่าอยากปรึกษาด้วยหรือเปล่า"
เจสสิก้าเอ่ยถามคนอายุน้อยกว่าหลังจากที่แยกย้ายกับยูริและซอฮยอนขึ้นมาบนห้องเมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เจสสิก้าก็สังเกตุเห็นว่ายุนอานั้นมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนักราวกับว่ากังวนเรื่องอะไรอยู่อย่างนั้นแหละ
"อืมเรื่องนั้นแหละ คือว่าถ้ายุนเล่าไปพี่อย่าเพิ่งโวยวายนะ" เจสสิก้าพยักหน้ารับช้าๆก่อนที่จะฟังเรื่องที่เด็กร่างสูงจะเล่าตอนไปนั้นอย่างตั้งใจ
และเมื่อฟังไปได้ไม่ถึงครึ่งเจสสิก้าก็พอเข้าใจแล้วว่าทำไมยุนอาถึงกลัวว่าเธอจะโวยวาย เพราะเด็กตัวสูงนี่ไปโดนเพื่อนสาวคู่ซี้ของเธอทำมิดีมิร้ายมานี่เอง
นึกแล้วก็อดหมั่นไส้แทงกูไม่ได้เลยจริงๆ
"แล้วจู่ๆตอนนั้นยุนก็พูดว่า รู้อะไรไหมคะ...
ดวงตาของพี่เหมือนสายธาร แต่เป็นสายธารที่ไหลวนไปมาเพื่อจะหลอมละลายหัวใจของใครต่อใครให้สยบแทบเท้าเพียงแค่ได้สบลึกเข้าไป พี่คิดว่าไงอ่ะ"
เจสสิก้าขมวดคิ้วแน่นทันทีที่ได้ฟังจนจบประโยคนั้นซึ่งยุนอาก็เงียบไปเช่นกัน
เรื่องกุญแจทั้งสามนั้นแทยอนคงเล่าให้ยุนอาฟังไปแล้วไม่งั้นยุนอาคงไม่ติดใจอะไรกับความรู้สึกนั้นของตัวเองหรอก
เจสสิก้าเองก็ลืมนึกไปเลยว่าดวงตาสีฟ้านั้นคือ อความารีน แต่ก็ยังมั่นใจไม่ได้ว่าอความารีนจะคือหนึ่งในกุญแจทั้งสามนั้น
"เรายังมั่นใจไม่ได้หรอกแต่พี่ว่านี่คือเรื่องที่ดีที่ทำให้ฉุดคิดได้ว่าอาจจะเป็นอความารีนก็ได้ ว่าแต่โดนนังแทงลวนลามแบบนั้นเธอยังโอเคดีอยู่ใช่ไหม"

"คิดว่าอาจจะโอเคกว่านี้ถ้าไม่ดันรู้สึกว่าพี่แทงกูเหมือนพี่แทยอนอย่างกับคนเดียวกัน"
นั่นสิยุนอาอาจจะไม่รู้สึกแปลกหรือสับสนมากขนาดนี้ก็ได้
เพราะนอกจากความรู้สึกผิดต่อแทยอนและความรู้สึกดีๆที่มีให้แทงกูนั้นยุนอายังจะต้องมารู้สึกแปลกใจและสับสนอีก
"แล้วถ้าสมมุติว่ามันคือคนเดียวกันเธอจะทำไง" เจสสิก้าแค่เพียงอยากรู้ว่ายุนอาจะว่าไงจึงลองถามออกไปอย่างไม่จริงจังนัก
"หื้ออ แค่เหมือนกันขนาดนี้ยุนก็ช็อคแล้วถ้าเป็นคนเดียวกันขึ้นมายุนคงหัวใจวายตาย"
เออนั่นสิแค่นี้ยุนอาก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกแล้วนี่นา เจสสิก้าได้ยินอย่างนั้นก็ทำได้เพียงหัวเราะเบาๆในลำคอ
"ไม่ได้อยากรู้ว่าจะช็อคไหมเรื่องแบบนี้เป็นใครก็ช็อคหมดแหละ แต่ที่อยากรู้น่ะคือถ้าเป็นแบบนั้นเธอจะรับได้หรือเปล่า"
เจสสิก้าคิดว่าจริงๆแล้วมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ไม่ได้มีใครที่จะยอมรับเรื่องแบบนี้กันได้ง่ายๆหรอกนะ
เพราะถ้ามาคิดๆดูแล้วอย่างแทงกูน่ะก็พอจะเรียกได้ว่ามั่วผู้หญิงในระดับนึงเลยนี่นา

"ยุนว่าคงรับได้นะแต่ก็คงต้องใช้เวลา เพราะเรื่องแค่นั้นมันไม่สามารถทำให้ยุนรักพี่แทน้อยลงหรอก"
นั่นคือความรู้สึกจริงๆของยุนอาที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นยุนอาก็ไม่สามารถรักแทยอนน้อยลงได้เลย
เจสสิก้าพยักหน้าเชิงเข้าใจแต่ถ้าลองคิดตามดูดีๆแล้วยุนอาต้องเจ็บปวดไม่น้อยเลยจริงๆ
...ในขณะที่ยุนอาไม่สามารถรักแทยอนได้น้อยลงแต่แทยอนก็อาจจะรักทิฟฟานี่มากขึ้นเรื่อยๆ...
"ว่าแต่พี่ถามแบบนี้ยุนใจไม่ดีเลยนะ"
"โอเคๆเลิกถามแล้วๆ"
เจสสิก้าลูบเรือนผมของคนอายุน้อยกว่าอย่างปลอบโยนพลางกร่นด่าตัวเองอยู่ในใจว่าเป็นบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้ไปถามยุนอาแบบนั้นให้ยุนอาต้องรู้สึกแย่



วิคตอเรียนั่งมองตามร่างบางของทิฟฟานี่ที่เพิ่งจะกลับเข้ามาที่โรงแรมเอาตอนนี้ มัวไปทำอะไรอยู่ถึงได้กลับมาจวนจะเที่ยงวันแบบนี้
ไม่ใช่ว่าจริงๆแล้ววิคตอเรียไม่รู้ว่าเมื่อคืนทิฟฟานี่ไปไหนและไปกับใคร แต่บางทีก็รู้สึกว่าการหลอกตัวเองว่าไม่รู้มันจะเป็นผลดีต่อความรู้สึกเธอมากกว่า
เมื่อเห็นร่างบางเดินเข้ามายังห้องนอนและทิ้งกายลงบนเตียงนุ่มราวกับตอนนี้ทิฟฟานี่ไม่มีพลังงานหลงเหลืออยู่เลย
วิคตอเรียที่เดินตามร่างบางเข้ามาเงียบๆนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างเหนื่อยล้าพาลให้ความรู้สึกปวดหนึบนั้นแล่นเข้ามาในหัวใจ
ยิ่งสายตาไล่สำรวจเรือนร่างของทิฟฟานี่มากแค่ไหนก็ยิ่งรู้สึกเจ็บ
...คำว่าถนุถนอมคงไม่มีเลยสินะ...
วิคตอเรียจัดการฉีดสารฟื้นฟูให้ทิฟฟานี่ไปหนึ่งเข็มระหว่างที่สาวเจ้ายังหลับไม่ได้สติ เสร็จแล้วจึงยกมือขึ้นปาดหยดน้ำใสๆที่หางตาของตัวเอง
มองดูร่องรอยบทรักและรอยช้ำบนเรือนร่างที่เธอหลงไหลค่อยๆจางหายไป
อุ้งมือร้อนบีบเข้าหากันแน่นไม่อยากจะต้องมายืนมองคนที่ตัวเองรักมากต้องมาเป็นแบบนี้เฉยๆอีกต่อไปแล้ว
วิคตอเรียหันหลังกลับหวังจะเดินออกประตูไปแต่ก็ต้องชะงักเมื่อรู้สึกถึงแรงบีบที่ข้อมือของตน
ใบหน้าเรียวหันกลับไปมองร่างบางที่ยังนอนอยู่บนเตียงนุ่มอย่างเจ็บปวด
"อย่าไปสร้างความรำคาญให้แทงกูอีกนะ" ทิฟฟานี่เอ่ยเสียงแหบแผ่วเบาอย่างรู้ทัน
วิคตอเรียระบายลมหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เธอไม่ได้ตอบอะไรออกไปเป็นคำพูดให้ทิฟฟานี่ได้ฟังอีกมีเพียงการพยักหน้าขึ้นลงช้าๆเชิงรับรู้
แต่มีเหรอที่วิคตอเรียจะอยู่เฉยๆได้

สองขาเรียวหยุดสาวเท้าต่อเมื่อได้เห็นว่ามีร่างสูงโย่งที่รู้จักกันดีเดินก้าวเข้ามายังเค้าเตอร์ในโรงแรมที่วิคตอเรียยืนอยู่ ร่างบางจึงเอ่ยปากถามอีกคนว่ามีธุระกับทิฟฟานี่หรือ
จนได้รับคำตอบจากซูยองว่าใช่นั่นแหละวิคตอเรียถึงได้บอกไปว่าตอนนี้ทิฟฟานี่คงไม่สะดวกเท่าไรพร้อมถามไปอีกว่าเรื่องสำคัญไหมพอจะฝากเธอไว้ได้หรือเปล่า
ซูยองบอกเพียงแค่ว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าไรเอารอทิฟฟานี่สะดวกแล้วกัน จากนั้นก็เดินกลับออกไป
วิคตอเรียเลิกคิ้วขึ้นข้างนึงเชิงไม่เข้าใจกับไอ้ท่าทางรีบๆอย่างนั้นของซูยองสักเท่าไรแต่เอาเถอะในเมื่อเค้าก็เลือกว่าจะไม่ฝากเธอแล้วก็สิทธิของเค้านิ




คืนนี้แทงกูได้รับมอบหมายจากเจสสิก้าให้ไปรับคริสตัลที่เพิ่งกลับมาจากแอลเอที่สนามบิน
เพราะดึกมากแล้วเจสสิก้าจึงค่อนข้างจะเป็นห่วงน้องสาวแท้ๆของเธอ แล้วทางมาคฤหาสน์นี่ก็...นะ
ถ้าปรกติดีหรือไม่ผ่านทางมืดเปลี่ยวบ้างทุกคนก็คงหาเจอง่ายๆ และเพราะอย่างนั้นแทงกูจึงน้อมรับอย่างเต็มใจเพื่อเจสสิก้าและคริสตัล ร่างเล็กไม่คิดจะบ่ายเบี่ยงแต่อย่างใดอยู่แล้ว
แต่ช่วงเวลาที่รอคริสตัลออกมาจากเกรทเนี่ยสิ (-.-) ถึงแทงกูจะเลือกเอารถคันอื่นที่ไม่ใช่คันที่ใช้ประจำมาแต่ก็ยังมีคนสังเกตุเห็นและจับตามองอยู่ไม่น้อยเลย
...นี่ชั้นเป็นแค่เชลล่านะยะไม่ใช่ซุปตาร์ปั๊ดโธ่ว!!...
แทงกูสบถอยู่ในใจรู้สึกว่าคิดผิดเป็นอย่างมากที่เลือกจะเดินลงมาจากรถเลยกลายเป็นเป้าสายตาประชาชีซะงั้น
"พี่แทงลงจากรถมาทำไมเนี่ยยย เดี๋ยวก็เป็นข่าวอีกอ่ะ"
นั่นไงพอคริสตัลออกมาจากเกรทก็เปิดปากบ่นเบาๆให้คนตัวเล็กต้องมุ่ยปากใส่อย่างห้ามไม่ได้
"ก็ไม่อยากให้ตัลเสียเวลาเดินหารถนี่นา"
แทงกูเอ่ยน้ำเสียงเชิงน้อยใจๆพอให้คนอายุน้อยกว่าอดยิ้มไม่ได้ พลางใช้มือเล็กคว้ากระเป๋าใบโตของคริสตัลมาถือไว้ด้วยท่าทีสบายๆ
และสะบัดก้นเดินนำเด็กร่างสูงออกไปยังลานจอดรถ ยิ่งได้เห็นอย่างนั้นคริสตัลก็ยิ่งหุบยิ้มไม่ได้เลยจริงๆ
พี่แทงกูที่เธอรู้จักน่ะคือคนน่ารักเสมอแถมไม่มีเคล้าว่าจะน่ากลัวอย่างที่ใครๆชอบคิดกันเลยด้วยซ้ำ
เมื่อเดินตามคนตัวเล็กออกมายังลานจอดรถได้สักพักใหญ่คริสตัลก็พอเข้าใจแล้วว่า
ทำไมแทงกูถึงกลัวว่าเธอจะหารถไม่สักทีก็ดูท่าแล้วคงจอดไกลพอสมควรอยู่หรอก


!!!

"อ๊ะ!!"
จู่ๆแผ่นหลังของเด็กร่างสูงก็ปะทะเข้ากับกำแพงของลานจอดรถเข้าอย่างจังพร้อมกับแรงกดที่ไหล่ผายทั้งสองข้าง และความรู้สึกเย็นวาบที่ลำคอ
คริสตัลหลุบตาลงมองโลหะสีเงินเงาวับที่จ่อสัมผัสผิวลำคอของเธออยู่ พลางเลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าเจ้าของโลหะสีเงินนั้นในระยะปะชิด
ใกล้เสียจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายที่เป่ารดใบหน้าของเธออยู่
"วิคตอเรีย... "

"เด็กคนนี้คงมีค่ามากเลยสินะ"
วิคตอเรียเอ่ยเสียงเย็นเยียบพร้อมกับเหลือบตามองแทงกูที่จ้องหน้าเธออยู่ก่อนแล้ว
เปลวเพลิงสีฟ้าที่ถูกก่อขึ้นด้วยเชื้อเพลิงชั้นเยี่ยมนั้นทำให้มันปะทุอย่างรุนแรงโดยใช้เวลาเพียงไม่ถึงเสี้ยววินาที
แทงกูกำหมัดแน่นเธอพลาดที่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคริสตัลที่ถูกเล่นงานใบมีดนั้นมองปราดเดียวก็รู้ว่าธาตุสายธาร
หากคริสตัลโดนเพียงแผลเล็กน้อยก็อาจจะอันตรายมากได้
"ต้องการอะไรอีก"
แทงกูเอ่ยเสียงแข็งอย่างเหลืออด ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าวิคตอเรียจะแค้นเคืองอะไรเธอนักหนา
ไม่รู้ว่าเธอทำอะไรผิดต่อวิคตอเรียงั้นเหรอถึงจะเป็นอย่างนั้น แต่ตอนนี้วิคตอเรียกำลังถือไพ่เหนือกว่าเธออยู่ เพราะงั้นเธอต้องใจเย็นไว้
"ต้องการ...ให้เธอรู้สึกเหมือนที่ชั้นรู้สึกอยู่ตอนนี้ไง..."
พูดจบกลีบปากเรียวก็พุ่งเข้าประกบส่วนเดียวกันของคนตรงหน้าอย่างหนักหน่วง ทั้งที่ปลายโลหะแหลมคมนั้นยังคงจ่ออยู่ที่ลำคอของคนอายุน้อยกว่า
คริสตัลพยายามปัดป้องตัวเองจากสัมผัสนั้นจากวิคตอเรียแต่นั่นไม่ช่วยให้เธอหลุดพ้นได้เลย เพราะระดับของเรามันต่างกันเกินไปสินะ
เมื่อคิดได้ดังนั้นสองมือเรียวก็ถูกยกขึ้นประคองเอวคอดของร่างบางตรงหน้าไว้ พลางขยับจูบตอบวิคตอเรียไปหยักหน่วงไม่แพ้กัน
ความเคิบเคลิ้มอาจจะช่วยให้เธอหลุดพ้นได้ แต่ความรู้สึกเจ็บบนไหล่ผายที่ถูกแรงบีบจากอุ้งมือของวิคตอเรียนั้นทำให้คริสตัลต้องขมวดคิ้วแน่น
แทงกูเริ่มขยับกายให้ตัวเองหลุดออกจากเฟรมที่วิคตอเรียจะมองเห็นช้าๆเพื่อไม่ให้ร่างบางนั้นสังเกตุได้ทันเตรียมอาวุธแบบเดิมๆให้พร้อม
ก่อนจะพุ่งกายเข้าหาร่างบางด้วยความเร็วสูง


ซึบ!!!

"คราวนี้ชั้นไม่พลาดท่าให้เธออีกเป็นครั้งที่สองหรอกแทงกู"
เอ่ยจบก็กระชากโลหะปลายเรียวแหลมออกจากกลางลำตัวของแทงกูพร้อมยกยิ้มเล็กน้อย
ทั้งที่มืออีกข้างก็ยังคงจ่อใบมีดอีกอันไว้ที่ลำคอดของเด็กสาวอยู่แบบเดิม
ร่างเล็กกัดริมฝีปากล่างไว้แน่นสะกดกลั้นความรู้สึกเจ็บแปลบไว้ ก็แค่โดนแทงน่า แทงกูพยายามรวบรวมพลังให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในตอนนี้
แล้วเหวี่ยงฝ่ามือที่ติดชิพไว้เข้าที่ใบหน้าของวิคตอเรียอย่างจัง จนร่างบางกระเด็นไปชนกับรถที่จอดเรียงรายกันเต็มไปหมดจนบุบยับ
"พี่แทง!ไหวเปล่า" คริสตัลรีบเข้ามาประคองร่างเล็กทันทีที่หลุดพ้นจากพันธการ แทงกูยิ้มเฝื่อนๆให้คริสตัลไปทีนึงพร้อมกับพยักหน้ารับช้าๆ
...รู้สึกเหมือนตอนที่โดนแทมินยิงเลยว่ะ...
"ถ้ายังไม่เลิกป่าเถื่อนกับทิฟฟานี่ชั้นจะจัดการเธอด้วยตัวเอง"
วิคตอเรียที่พยายามรั้งร่างกายของตัวเองไว้ไม่ให้ทรุดลงไปกองกับพื้นอย่างคราวที่แล้วอีกนั้นได้เอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบา
"เรื่องนั้นเองสินะ... บางครั้งเธอก็ควรถามทิฟฟานี่ก่อนบ้างก็ดีนะว่าเค้าต้องการแบบนั้นหรือเปล่า"
แทงกูพอจะเข้าใจแล้วว่าครั้งนี้วิคตอเรียไม่พอใจเรื่องเมื่อคืนที่เธอทำรุนแรงกับทิฟฟานี่ แต่ก็นั่นแหละใช่ว่าเธออยากทำเสียที่ไหนล่ะ
แทงกูไม่รอฟังอะไรต่อจากวิคตอเรียอีก เธอพยายามทำนิ่งเฉยราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อไปแทบไม่ไหวอยู่แล้ว
แต่อย่างน้อยเธอต้องไม่แสดงออกมาให้วิคตอเรียมั่นใจว่าเค้ารู้จุดอ่อนของเธอเข้าแล้ว

"พี่แทงเดี๋ยวตัลขับเองพี่พักก่อนนะ เดี๋ยวก็เจอพี่สิก้าแล้วอย่าเพิ่งเป็นไรนะ"
เมื่อมาถึงรถแล้วคริสตัลจึงจับให้แทงกูเข้าไปนั่งยังฝั่งคนนั่ง ก็ใช่ว่าเธอจะดูไม่ออกว่ามีดที่วิคตอเรียใช้แทงร่างเล็กนั้นคือธาตุอะไร
"ผมคิดว่าให้ผมจัดการเองดีกว่านะครับ"
เสียงของบุคคลที่สามดังขึ้นให้ทั้งสองสาวต้องเหลือบมอง แทงกูพยักหน้าช้าๆเป็นการอนุญาติให้ชายหนุ่มยื่นมือเข้ามาช่วย
ก่อนที่หมอกควันสีขาวขุ่นจะโอบล้อมรถสปอตไว้ทั้งคันและหายวับไปภายในพริบตาเดียว

เวลาผ่านไปเพียงเสี้ยววินาทีรถสปอตคันหรูที่มีแทงกูและคริสตัลนั่งอยู่ภายใน
ก็โผล่มาในรั้วคฤหาสน์สีนิลพร้อมกับหมอกควันสีขาวที่ค่อยๆคลายออกจากตัวรถจนกลับมารวมกันกายเป็นร่างของชายหนุ่มอีกครั้ง
"ขอบใจนะ กีกวัง..." แทงกูเอ่ยเสียงแผ่วราวกับว่าเรี่ยวแรงแทบไม่หลงเหลืออยู่เลย ในขณะที่ร่างเล็กถูกช้อนขึ้นแนบอกแกร่งของชายหนุ่ม
กีกวังรู้ดีว่าตอนนี้สติสัมปชัญญะของแทงกูใกล้จะดับสิ้นแล้ว และเขาต้องพาแทงกูไปพบเจสสิก้าให้เร็วที่สุด

"แทง!!!"
เจสสิก้าวิ่งถลาเข้ามาประกบจูบแทงกูทันทีที่เห็นว่าร่างเล็กนั้นได้รับบาดเจ็บเสียจนกีกวังต้องอุ้มกลับมา นี่มันไม่ใช่เล่นๆเลย
"เกิดอะไรขึ้นน่ะ แล้วใครเล่นงานแทงกูได้ขนาดนี้ แทมินเหรอ"
โบอาหันไปหันคริสตัลเชิงวิเคราะห์เพราะอาการแบบนี้ของแทงกูน่ะ โบอาก็รู้เพียงว่ามีแทมินคนเดียวที่ทำได้
"เปล่าไม่ใช่แทมิน วิคตอเรียค่ะ"
ทุกคนนิ่งไปไม่เว้นแม้แต่เจสสิก้าที่ยังคงป้อนจูบให้แทงกูอยู่ไม่ห่าง โบอามองคริสตัลเชิงไม่อยากเชื่อสักเท่าไร
แต่พอเด็กร่างสูงพยักหน้ายืนยันว่าเค้าไม่ได้จำผิดคนหรือเดาไปเรื่อย
โบอาก็จำต้องยอมรับความจริงว่าเริ่มจะมีคนรู้จุดอ่อนของแทงกูมากขึ้นแล้วแต่เธอยังไม่สามารถหาวิธีแก้ไขจุดบอดตรงนี้ของแทงกูได้เลย


หลังจากที่พักผ่อนเพียงพอแล้วทิฟฟานี่ก็นึกขึ้นได้ว่า วิคตอเรียเข้ามาบอกว่าซูยองมาพบ
แต่พอสาวเจ้าบอกว่าเธอไม่สะดวกเท่าไรร่างสูงก็กลับออกไปพร้อมกับบอกเพียงแค่ไม่ได้มีเรื่องสำคัญเท่าไรนัก
นึกได้อย่างนั้นมือเรียวก็คว้าเอาเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาติดต่อเพื่อนสาวตามความเคยชิน คุยกันอยู่ไม่กี่ประโยคร่างสูงก็ตัดบทด้วยการบอกว่า
"เออเดี๋ยวไปหาเดี๋ยวนี้แหละ" ทิฟฟานี่ได้ยินอย่างนั้นก็ได้แต่ครางรับไป แม้จะรู้สึกตะขิดตะขวงอยู่ในใจไม่น้อย
...ไหนว่าเรื่องไม่สำคัญไง ทำไมถึงต้องทำเหมือนรีบร้อนอะไรขนาดนั้นกัน... -3-
นั่งรออยู่เพียงไม่นานนักไอ้เพื่อนตัวโย่งก็มาถึง พร้อมกับวางแผ่นกระดาษลงตรงหน้าของร่างบาง ทิฟฟานี่ก้มลงมองรูปชุด?
ที่ซูยองนำมานั้นคิ้วก็กระตุกขมวดเข้าหากันอย่างรวดเร็ว
"ชุดเดียวกันใช่ป่ะ"
ซูยองถามเพื่อความมั่นใจว่าตนเองไม่ได้คิดไปเองว่าชุดที่ค้นข้อมูลเจอมานั้นมันตรงกับหญิงสาวที่ทิฟฟานี่เจอมาในวันนั้น
ทิฟฟานี่รีบพยักหน้าตอบรับซูยองอย่างรวดเร็วด้วยความอยากรู้คำตอบ ใครกันนะ
"ถึงคำตอบจะไม่น่าเชื่อสักเท่าไรก็เถอะนะ แต่ชเ้นสือจนไม่รู้จะสืบไงแล้ว.../ก็รีบบอกมาสักทีสิยะ!"

"แทยอน..."
ทิฟฟานี่นิ่งไปหลังจากที่ได้รับคำตอบจากปากของเพื่อนสาว เธอเริ่มรู้สึกสับสนมากขึ้นเรื่อยๆกับเรื่องนี้
ก็ไหนฮยอนซึงบอกว่าแทงกูหิ้วชอนดุงกลับไปด้วยตัวเองไง แล้วทำไมถึงเป็นแทยอนที่ทำให้ชอนดุงหมดสติไป
หรือสองคนนั้นเจอกันกลางทาง??? จะบ้าเหรอแทงกูกับแทยอนเนี่ยนะ
ทิฟฟานี่หยุดความคิดยุ่งเหยิงนั้นไว้เมื่อได้รับแรงสะกิดจากเพื่อนสาว ดวงหน้าสวยเงยขึ้นละสายตาออกจากแผ่นกระดาษเจ้าปัญหาเพื่อมองหน้าของอีกคน
"ซีเรียสเกินไปป่ะแก" ซูยองถามอย่างเป็นห่วงเธอคิดว่าทิฟฟานี่จะดีใจซะอีกถ้ารู้ว่าชุดนั้นคือชุดของแทยอน หากแต่ไม่เป็นอย่างนั้น
ทิฟฟานี่ระบายลมหายใจออกมาเบาๆจะอธิบายให้ซูยองฟังอย่างไรดีในเมื่อตัวเธอเองก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่แบบนี้
"ชั้นสับสนว่ะแก... คือฮยอนซึงบอกว่าแทงกูพาหมอนั่นกลับไปเองแต่ทำไมคนที่ช่วยชั้นเป็นแทยอนวะ เรื่องของสองคนนี้นี่มันยังไงกันแน่"
ซูยองที่ได้ยินประโยคบอกเล่าและคล้ายว่าจะแฝงคำถามไว้ในนั้นด้วยของทิฟฟานี่ก็อดกลั้นความอยากรู้ไม่ได้
เพราะปรกติแล้วไม่ว่าข้อมูลที่ลึกลับซับซ้อนแค่ไหนซูยองก็มักจะคลี่คลายมันออกมาได้เสมอ
เว้นแต่เรื่องแทงกูกับแทยอนเนี่ยแหละทำไมถึงได้ไม่มีข้อมูลอัไรให้สือค้นได้เลยก็ไม่รู้
อ่อยังมีอีกเรื่องนึงลูกธนูสีม่วงที่คนเขาล่ำลือกันว่าสามารถปลิดชีวิตเชลล่าที่แข็งแกร่งได้ภายในเสี้ยวนาที
ร่างสูงครุ่นคิดอยู่หลายอึดใจจนรู้สึกตะขิดตะขวงแปลกๆจึงได้เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหวานสบลึกเข้าไปในดวงตาสีเงินเงา ...Strength Eyes...

"ถ้าชั้นจะคิดว่าแทยอนกับแทงกูเป็นเหมือนแก..."
"หมายความว่าไงเป็นเหมือนชั้น?"
ทิฟฟานี่ถามย้ำทั้งที่รู้และเข้าใจอยู่แล้วว่าซูยองหมายถึงอะไร แต่เธอเพียงแค่ไม่อยากจะยอมรับเสียเท่าไร
"มีสองร่างไง..."
ซูยองพูดเพียงแผ่วเบาราวกับกลัวว่าจะมีใครผ่านมาได้ยินทั้งๆที่อยู่ในห้องส่วนตัวของทิฟฟานี่ที่มั่นใจแน่นอนว่าจะไม่มีใครในนี้ก็ตาม

'แล้วถ้าชั้นมีแฟนแล้วเธอจะเว้นหรือเปล่า' 
จู่ๆภาพของแทงกูในเหตุการณ์เมื่อคืนที่เอ่ยประโยคไม่ค่อยน่ารับฟังก็ตามมาหลอกหลอนทิฟฟานี่
'ไม่รู้สิคะ แต่ตอนนี้คุณไม่มีนี่นา~'
'แล้วถ้าชั้นบอกว่ามีล่ะ'
ทิฟฟานี่ปิดเปลือกตาลงแน่นพยายามลบภาพนั้นออกไปจากความรู้สึกมากแค่ไหนแต่มันก็ยังเด่นชัดขึ้นมา
แทงกูไม่เคยปฏิเสธ แต่แทงกูก็ไม่เคยย้ำจริงจังเช่นกันว่าเค้ามีแฟนแล้ว

"ถ้าเป็นแบบนั้น...ชั้นควรทำไงดีวะแก"
ซูยองเจอคำถามแบบนี้ก็มืดแปดด้านเหมือนกันนะ ถ้าเป็นไปได้เธอก็คงจะบอกทิฟฟานี่ว่าก็เลิกยุ่งกับแทงกูไปเสียสิ
แต่เพราะรู้ดีไงว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็เลยไม่รู้จะตอบอะไร จะบอกให้แย่งมามันก็จะผิดวิสัยของซูยองเกินไป
แต่ทั้งหมดนี่มันก็แค่ความคิดที่เธอพยายามไขปริศนาของแทงกูและแทยอนเท่านั้น
"เฮ้ย...แกอย่าเพิ่งคิดมากดิชั้นก็เดาไปเรื่อย ยังไม่มีอะไรมายืนยันสักหน่อย"
ซูยองเอื้อมมือไปบีบไหล่ผายของเพื่อนสาวเชิงให้กำลังใจ เพราะเธอเองก็ไม่ได้มั่นใจกับเรื่องที่ตัวเองเดาสักเท่าไร
คิดแค่ว่าแทงกูและแทยอนลึกลับเหมือนกันหาข้อมูลยากเหมือนกัน
และซูยองก็รู้เพียงแค่ดวงตาของแทงกูคือ Aquamarine Eyes ก็เลยเดาไปเรื่อยเท่านั้นเอง




อันนี้แถมๆ ยุนแทง มาเต็มคร่ะ เอิ๊กสสส





From...Writer


หึหึ... *me ยกยิ้มชั่วร้าย ใส่ ยุนแทง 
(เหมือนมาสร้างความสับสนแล้วก็หนีไป 55555)
จะว่าไปเรื่องนี้ก็สับสนมาตั่งแต่แรกแล้วแหละ 


ตอนที่ทิฟฟานี่นึกถึงเหตุการณ์ที่ยูริบอกว่าแทงกูอยู่ในห้องกับยุนอานั่นขยายความมาจากในแชป XXVI(26) นะคะ 



ปล.อย่าลืมนะคะเรื่องนี้ไว้ใจใครไม่ได้แม้กระทั่งไรท์เตอร์ หึหึ

ปล.2แต่บีมคิดว่าการอ่านท๊อกอาจจะช่วยให้รีดเดอร์เข้าใจมากขึ้น (มั้งคะ) >\\\<

ปล3.สำหรับเรื่องคำผิดนะคะยังมีอยู่อีกเยอะแยะ 5555+ บางคำบีมก็ตั้งใจใช้วิบัติเพื่อสื่อถึงอารมณ์ตัวละคร
แต่บางคำก็อาจจะพลั้งมือพิมพ์ผิดไป 555+ ขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยนะคะ แฮ่



ขอให้มีความสุขกับฟิคร่าา

No comments:

Post a Comment