Saturday, April 12, 2014

.....۞ Amulet Classic ۞..... [Chapter XXXI]

Chapter XXXI










"หยดน้ำอันทรงเสน่ห์ เหล็กไหลที่ทรนง เปรวไฟสุดเร่าร้อน" คนตัวเล็กนั่งเอียงคอมองเพื่อนสาวอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก
ที่อยู่ๆเจสสิก้าก็มาพูดดำคม?หรืออะไรแปลกๆผิดวิสัยทัศคนอย่างเจสสิก้าไปขนาดนั้น
"ก็ชั้นข้องใจเรื่องที่แทเล่าให้ฟังหลังจากที่ไปพบคุณฮโยยอนนี่นา /...เธอก็เลยแอบไปพบคุณฮโยยอนเองว่างั้น?" ร่างเล็กเอ่ยตัดบทด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร
ก็แหงสิกว่าจะข้ามไปถึงเขตพวกแทสซิสน่ะไม่ใช่ใกล้ๆเลย แถมยังอันตรายอย่างบอกไม่ถูกอีก ว่าแต่ไอ้ประโยคนั้นที่เจสสิก้าบอกมานั้นมันหมายถึงอะไรกันล่ะ
"ไม่ต้องห่วงหรอกน่าชั้นไม่ได้ไปคนเดียวสักหน่อยนี่ ...พี่โบอาไปด้วย" ร่างบางหย่อนกายนั่งลงข้างเพื่อนสาวและปรับน้ำเสียงให้เบาลงลงในตรงท้ายประโยค
เพราะโบอาก็เป็นบุคคลที่ถูกจับตามองอยู่ไปน้อยไปกว่าแทงกูสักเท่าไร แต่เพราะโดยปรกติแล้วโบอาจะใช้ชีวิตอยู่ในแล็บจึงไม่ค่อยมีข่าวใดๆรั่วไหลง่ายๆเหมือนแทงกูเท่านั้นเอง
เมื่อแทยอนได้ยินอย่างนั้นก็สบายใจไปหลายเปราะที่อย่างน้อยเจสสิก้าก็ระมัดระวังตัวเองมากขึ้น
"งั้นช่วยอธิบายอะไรให้เข้าใจง่ายกว่านี้หน่อยเถอะ" นั่นสิจู่ๆก็โพร่งมากแบบนั้นไม่งงเป็นไก่ตาแตกก็ไม่รู้จะเรียกว่าเมพยังไงดีแล้วล่ะ


ณ ศาลาที่ขาวที่เงียบสงบรายล้อมไปด้วยหมอกควันคล้านคลึงปุยเมฆ สัมผัสได้ถึงธรรมชาติที่แสนงดงาม หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของมวลพลังงานที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
นั่งเด่นเป็นสง่าอยู่ใจกลางศาลาเช่นทุกครั้ง ได้ค่อยๆปรือเปลือกตาขึ้นช้าๆเมื่อรู้สึกถึงการมาเยือนของหญิงสาวทั้งสองคน 
แม้จะรู้อยู่ก่อนแล้วแต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ที่ได้ต้อนรับคนอย่างควอน โบอา ผู้พลิกผันโชคชะตา ถึงแม้จะเป็นเพียงการออกมาคุ้มครองเจสสิก้าก็ตาม

"คุณฮโยยอนคะคือว่า...ที่บอกแทยอนไปเมื่อคราวก่อนนั้น..."


"คงไม่มีใครอยากศูนย์เสียสิ่งที่สำคัญไปหรอกจริงไหม จุดจบของเรื่องนี้น่ะมีทั้งเรื่องดีและร้ายไม่ต่างกัน

หากไม่มีใครพลิกแพลงโชคชะตาได้อีกน่ะนะ กุญแจที่จะไขไปสู่หัวใจของจุดจบนั้นอาจมีเพียงแค่ ...หยดน้ำอันทรงเสน่ห์ เหล็กไหลที่ทรนง เปรวไฟสุดเร่าร้อน"
ฮโยยอนไม่สามารถเอ่ยคำตอบที่ดีกว่าและตรงตามที่ใจต้องการไปได้มากกว่านี้แล้ว ก็แต่หวังให้คนตรงหน้ารับรู้และไขกุญแจปริศนาที่โชคชะตานั้นสร้างให้ได้ทันเวลา
ฮโยยอนมีหน้าช่วยเหลือผู้คนก็จริงหากแต่ครั้งนี้อาจไม่ใช่เพียงคนหรือสองคนสิบคน
แต่เป็นคนทั้งโลกเลยก็ว่าได้เพราะอีกฝ่ายซึ่งมีความแค้นที่แรงกล้านั้นไม่ได้ต้องการเพียงร้างแค้นแต่เป็นการกัดกินส่วนดีและสวยงามบนโลกให้มอดไหม้ไปเรื่อยๆ...


"...หยดน้ำอันทรงเสน่ห์ เหล็กไหลที่ทรนง เปรวไฟสุดเร่าร้อน งั้นเหรอ...โธ่วเว่ย!!!!หมายความว่าอะไรวะเนี่ยย!!!"
แทยอนว๊ากแตกออกมาแบบนั้นเมื่อพยายจะคิดยังไงก็คิดไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
นึกถึงโบอาขึ้นมาตะงิดๆคิดว่าความฉลาดหลักแหลมของโบอานั้นคงจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย แต่หายเงียบไปแบบนี้คงกำลังไปคิดหรือค้นคว้าหาความหมายของคำพวกนั้นอยู่ล่ะมั้ง

"ว้า~ชั้นหมดความจำเป็นแล้วล่ะแท"
อยู่ๆเจสสิก้าก็พูดประโยคแปลกๆออกมาให้แทยอนต้องหยุดความคิดทั้งหมดแล้วหันกลับมามองร่างบางอย่างฉงนสงสัย
เจสสิก้ายกยิ้มเล็กน้อยใหักับท่าทีน่ารักน่าชังของเพื่อนตัวเล็กก่อนจะพยักเพยิดหน้าออกไปทางหน้าร้าน
ที่มีสาวร่างสูงเพรียวที่คุ้นเคยกำลังตวัดเรียวขายาวๆลงจากมอร์เตอร์ไซต์คันหรูที่ดูแปลกตาไปจากเดิม

"ไปทำอะไรมาน่ะหน้าตาแปลกๆ"
พอเจ้าตัวเดินเข้ามาถึงโต๊ะประจำแทยอนก็ไม่รอช้าเปิดปากถามออกไปตามความสนใจไคร่รู้
ยุนอาเผยรอยยิ้มออกมาพอให้คนแก่สองคนแทบละลายโดยเฉพาะแทยอนที่พยายามนั่งเก็กหน้านิ่งอยู่เหมือนเดิม แต่ในใจนี่ลากยุนอาขึ้นห้องไปเรียบร้อยแล้วล่ะ
"ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ พี่ยูลมันเพิ่งได้ของเล่นใหม่มาเจ้านั่นก็เลยกลายเป็นหนูทดลองเท่านั้นเอง"
ร่างสูงเดินมานั่งลงบนโซฟาอีกฝั่งและทอดสายตาไปยังมอเตอร์ไซต์คู่กายที่ตนกำลังเอ่ยถึง
"แต่ดูจากหน้าตาแล้วเหมือนจะถูกเปลี่ยนไปไม่น้อยเลยนะนั่น แล้วทำไมถึงยอมให้ลิงมันกู้ยี่กู้ยำสุดที่รักได้ขนาดนั้นล่ะ สมยอม?หรือขืนใจ?"
แทยอนเอ่ยแซวแฟนสาวอย่างอารมณ์ดีทั้งที่รู้อยู่แล้วล่ะว่ามอเตอร์ไซต์คันนี้น่ะถ้ายุนอาไม่อนุญาติไม่ว่าใครหน้าไหนก็แตะต้องไม่ได้ทั้งนั้น
"พี่ก็พูดไป อยากไปทดสอบมันดูไหมล่ะว่าพี่ยูลมันทำอะไร" แทยอนได้ยินอย่างนั้นก้เด้งตัวลุกพรวดอย่างว่องไวจนเจสสิก้าแทบจะหลีกทางให้ไม่ทันกันเลยทีเดียว
แทยอนก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองกลายเป็นคนชอบนั่งมอเตอร์ไซต์ตั้งแต่เมื่อไรกันทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีและไม่เคยคิดอยากจะนั่งเลยมันทั้งร้อนในตอนกลางวันและหนาวมากในตอนกลางคืน
แต่ตอนนี้แทยอนไม่อาจคำนวนได้เลยว่าเธอนั่งซ้อนมอเตอร์ไซต์ยุนอามาบ่อยแค่ไหนแล้ว
สองแขนเรียวโอบกอดรอบเอวบางๆคนของคนขับไว้แน่นทั้งที่ไม่จำเป็นเลยแต่แทยอนก็ทำแบบนี้ทุกครั้งแนบกายเข้ากับแผ่นหลังอุ่นซบใบหน้าไว้ที่ไหล่ผาย
ไม่เคยคิดเลยว่าการที่ได้อยู่กับยุนอาจะทำให้แทยอนรู้สึกสบายใจมากจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เลย
เสียงสายลมที่กระทบกับผิวผ้าบ่งบอกความเร็วของเครื่องยนต์ได้อย่างชัดเจน ยุนอาขับมอเตอร์ไซต์พาแทยอนออกมาไกลจากตัวเมืองพอสมควร
จนกระทั่งไปหยุดพักที่สายธารแห่งหนึ่งซึ่งเป็นทางผ่านของทางไปยังสนามแข่งส่วนมาก

"พี่เคยแวะมาที่นี่บ้างหรือเปล่าคะ" หลังจากที่ลงมามานั่งริมลำธารแล้วยุนอาจึงเอ่ยถามแฟนสาวไปแบบนั้น
เพราะที่นี่มันก็แค่เป็นคล้ายๆจุดพักรถที่ไม่เล็กมากแต่ก็ไม่ได้ถึงกับใหญ่เหมือนกัน
แต่ที่ถามแบบนั้นเพราะรู้สึกว่าคนอย่างแทยอนน่ะจุดพักรถไม่ค่อยสำคัญสักเท่าไร แม้แต่ยุนอาเองก็ยังเคยมาแค่ครั้งเดียวเอง
"ก็...เคยนะแต่ไม่บ่อยเท่าไร แต่ตอนกลางวันเนี่ยมากับเธอครั้งแรก"
แทยอนแทบอยากจะตบปากตัวเองแรงๆที่หลุดพูดออกไปแบบนั้น นั่นไงสายตาแบบนั้นของยุนอาถูกส่งมาจับผิดเธออีกแล้ว
"แล้วตอนกลางคืน...พี่มากับใครเหรอคะ"
กรี๊สสสแทยอนอยากจะกระโดดน้ำตายจริงๆถ้าพูดว่าแค่เคยมาก็คงไม่โดนจับผิดแบบนี้หรอก แล้วแบบนี้จะแก้ตัวยังไงดีให้เด็กตาใสๆ(?)นี่มันเชื่อดีล่ะเนี่ย
"อะไรคะ...ทำไมต้องทำเสียงขู่เข็ญพี่ขนาดนั้นด้วยล่ะ นี่คิดว่าพี่มากับใครคะหึ้ม" ถึงแม้ในใจจะว้าวุ่นกับการคิดหาข้อแก้ตัวมากแค่ไหน
แต่สิ่งที่แทยอนแสดงออกมาให้ยุนอาเห็นนั้นยังไม่มีอะไรผิดเพี้ยนไปจากปรกติเลยแม้แต่น้อยทั้งสีหน้าท่าทางไม่เว้นแต่น้ำเสียงที่ฟังดูหยอกเย้าขี้เล่นนั้น
ก็จะให้พูดว่าเคยมากับหลายๆคนน่ะมันคงไม่ใช่เรื่องเลยและที่สำคัญเมื่อเร็วๆนี่คนล่าสุดก่อนยุนอาเนี่ยสิ
ทั้งที่ควรจะเป็นเจสสิก้าและถ้าเป็นเจสสิก้าจริงก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่นี่ไม่ใช่ไง ...แถมยังเป็น...
"คนที่ไม่น่าไว้ใจไงคะ" ยุนอาหรี่ตาจับผิดคนรักอย่างไม่ปิดบัง
ไม่รู้หรอกว่าแทยอนจะมาจากใครแต่จนถึงวันนี้แล้ววีรกรรมของแทยอนที่ยุนอาได้รู้มาก็ไม่น้อยเลยและนั่นก็ไม่แปลกที่จะทำให้ยุนอาอยากรู้คำตอบในตอนนี้
การมาที่นี่กับใครสองต่อสองน่ะก็ไม่ต่างจากการมาพอดรักกันเลยและยิ่งถ้าเป็นตอนกลางคืนด้วยแล้วบรรยากาศก็ยิ่งเป็นใจแถมมีโรงแรมหรูตั้งอยู่ใกล้ๆนี่อีก จะให้ยุนอาคิดว่ายังไงดีล่ะ
ทั้งสีหน้าและท่าทางของยุนอานั้นทำให้แทยอนรู้สึกผิดอย่างมหันต์ที่ยังทำตัวเหลวไหลอยู่แบบนี้ทั้งที่ยุนอาดีกับเธอขนาดนี้แต่เธอเองนั่นแหละที่ยังไม่ซื่อสัตย์...
"ยุนอา...พี่ไม่อยากให้เสียบรรยากาศหรอกนะแต่ถ้าเธออยากรู้พี่ก็จะบอก"
ประโยคนี้ของแทยอนทำให้ยุนอานิ่งไปพร้อมกับพร่ำบอกตัวเองไว้...เตรียมใจไว้ให้ดีนะไอ้ยุน...
และย้อนกลับมาถามตัวเองอีกครั้งว่าอยากฟังประโยคต่อไปนั้นของแทยอนจริงๆงั้นเหรอ ถึงจะอยากรู้แต่ถ้าไม่รู้จะดีกว่าไหม
"ถ้างั้นยังไม่อยากรู้ก็ได้ค่ะ ไหนๆก็มาถึงนี่แล้วกินอะไรหน่อยไหม" ยุนอาพยายามปัดความรู้สึกมากมายเมื่อครู่ทิ้งไปก่อนและเผยรอยยิ้มแสนอบอุ่นออกมาแทน
แทยอนที่ได้เห็นอย่างนั้นก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นอีก อย่างที่เธอเคยพูดกับยุนอาอยู่บ่อยๆว่ายุนอาน่ะดีเกินไปจนแทยอนเองแทบจะไม่กล้าคบกับยุนอาต่อไปอยู่แล้ว
แต่ถึงจะพูดไปแบบนั้นแต่แทยอนก็ไม่สามารถขาดยุนอาและทนเห็นยุนอาร้องไห้เสียใจได้เหมือนกัน
ถึงแม้จะรู้ตัวว่าการที่ยังคบกันอยู่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเรื่องที่ให้ยุนอาต้องเสียใจอีกตามเคย
แต่ในด้านกลับกันแทยอนเองก็รู้สึกกับยุนอามากกว่าคำว่ารักไปแล้วเหมือนยุนอาเป็นส่วนหนึ่งที่แทยอนคิดว่าคือส่วนที่สำคัญเหมือนเป็นความผูกพันธ์ที่เรามีกันมาจนถึงทุกวันนี้


ระหว่างที่ทั้งคู่รับประทานอาหารกลางวันในโรงแรมหรูและเป็นส่วนตัวยุนอายังคงพยายามทำเหมือนว่าเมื่อครู่ไม่ได้มีอะไรเกิดเช่นเรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกกังวลใจว้าวุ่นใจอย่างห้ามไม่ได้
แต่ถึงจะอย่างนั้นแล้วคนอย่างยุนอาน่ะมีหรือที่แทยอนจะมองไม่ออกว่าร่างสูงนี้กำลังรู้สึกแย่แค่ไหน
"นี่...เพื่อความสบายใจคิดว่าพี่มากับสิก้าก็ได้นะ" เพราะเจสสิก้าก็ยังเป็นหนึ่งในคนพวกนั้นที่เธอเคยพามาด้วย
ยุนอาเปรยยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อยแต่นั้นก็ช่วยให้แทยอนรู้สึกว่าประโยคนั้นช่วยให้ยุนอาสบายใจขึ้นมาบ้างแต่ก็ไม่ทั้งหมด
หรืออาจเป็นเพราะว่ายุนอาก็พอจะรู้อยู่ว่าเจสสิก้าเป็นเพียงหนึ่งในหลายๆคน
"แล้วพี่โอเคขึ้นบ้างหรือยังคะเรื่องอะบิสน่ะ" ยุนอาเลือกที่เปลี่ยนมาถามเรื่องที่ตัวเองเป็นห่วงแทยอนดีกว่าการไปนั่งคิดเรื่องนั้น
แม้ว่าหลังจากวันนั้นที่ได้ไปพบฮโยยอนและได้สู้กับซูยองแล้วแทยอนก็ไม่มีอาการว่าจะอ่อนแอสับสนเหมือนวันนั้นอีกเลย หรือว่าแทยอนอาจจะหาทางออกได้แล้ว?
"ถามว่าโอเคขึ้นไหม พี่โอเคกว่าวันนั้นเยอะ แต่ก็ยังไม่เข้าใจที่คุณฮโยยอนบอกอยู่ดี" บางทีแทยอนก็อยากบอกพูดไม่ว่าไม่เข้าใจมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
ทั้งสามประการนั้นยังคงจำขึ้นใจแต่ไม่มีความน่าเข้าใจเลยสักนิด
"ขนาดพี่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดพี่ยังไม่เข้าใจ แล้วพี่คิดว่าคนที่ไม่รู้เรื่องตั้งแต่แรกอย่างยุนจะรู้สึกยังไงล่ะคะ งงเอาโล่เลยค่า"
ยุนอาพูดหยอกล้อเพียงเพราะไม่อยากให้แทยอนเครียดมากไป เธอไม่ได้หวังอะไรว่าจะให้แทยอนมาเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังหรอก
เพราะแค่นี้ก็ไม่รู้จะต้องเล่าไปอีกสามวันเลยหรือเปล่าแลดูเรื่องนั้นมันซับซ้อนจะตายไป ซับซ้อนจนไม่คิดว่าตัวเองจะเข้าใจมันได้ง่ายๆด้วยซ้ำ
"พี่เองก็ยืนยันไม่ได้หรอกว่าพี่รู้เรื่องทั้งหมดน่ะ พี่ก็แค่รู้ในส่วนที่พี่รู้เห็นเท่านั้นไม่ได้หมายถึงทั้งหมดสักหน่อย"
"ยุนจะไม่ขอให้พี่เล่าให้ฟัง เพราะยังไงมันก็ยังเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ถ้าพี่อยากเล่ายุนก็จะรับฟังเพราะยุนอยากช่วยพี่ได้บ้างนะคะ"
แทยอนปลายสายตามองไปยังใบหน้าที่ซื่อตรงของยุนอา เพียงเท่านี้ก็รู้สึกอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
...ถ้ายุนได้รู้ความจริงทั้งหมดของพี่ ยุนจะยังเป็นแบบนี้อยู่หรือเปล่านะ... หนึ่งคำถามที่แทยอนใช้มันถามตัวเองแทนยุนอามาแล้วนับครั้งไม่ท้วน
ไม่ใช่ว่าอยากปิดบังแต่บ้างเรื่องก็คิดว่าถ้าไม่รู้น่าจะดีกว่าทั้งกับตัวยุนอาเองและกับแทยอนเช่นกัน
"เรื่องนั้นน่ะไม่ได้มีอะไรมากหรอกก็แค่แอมเบอที่น่าจะตายไปตั้งแต่ห้าปีที่แล้วนั้นยังไม่ตายแล้วก็คงหายไปชุบตัวเพื่อกลับมาล้างแค้นล่ะมั้ง ...เท่าที่พี่รู้และรู้สึกได้นะ"
ยุนอานั่งมึนอยู่เล็กน้อยถึงปานกลางเพราะไม่คิดว่าแทยอนจะพูดมันออกมาง่ายๆแบบนี้ตรงนี้ในห้องอาหารโซนวีไอพีที่อาจจะมีพนักงานเดินผ่านไปผ่านมาหลังม่านสีขาวนั้น
และที่สำคัญเรื่องมันสั้นแค่นี้เองเหรอ??????? (0.o")
"ยุน.../อ๊ะ..อ่ะ...เอ่ออ เรื่องมีแค่นี้...จริงๆเหรอคะ"
"ก็ไม่เห็นจะต้องมียาวกว่านี้นี่แค่นี้เธอก็เข้าใจแล้วไม่ใช่เหรอ"
มันก็จริงของแทยอนแฮะที่แค่นี้ก็พอเข้าใจได้ว่าอะบีสรอบฆ่าพ่อของแทยอนเพื่อร้างแค้น ว่าแต่แค้นเรื่องอะไรและใครคือคนที่ลงมือกันนะ แอมเบองั้นเหรอ?
"คนเดียวกับเชลล่าหนูทดลองคนนั้นของพี่ยูลหรือเปล่านะ แต่คิดว่าน่าจะใช่เพราะหายตัวไปเมื่อห้าปีที่แล้วเหมือนกัน"
แทยอนนั่งเก็บเกี่ยวข้อมูลใหม่นิ่งๆ แม้จะแอบแปลกใจจนถึงขั้นตกใจเลยก็ว่าได้เรื่องแอมเบอเคยเป็นหนูทดลองของยูรินั่น
แต่ถึงจะอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้แต่การคุยตรงนี้มันเริ่มเสี่ยงเกินไปแล้วกับเรื่องวงในขั้นนี้แล้ว แทยอนจึงได้แต่เอ่ยถามคนตรงหน้าไป
"คืนนี้จะค้างหรือจะกลับคะ"




"คุณเจสสิก้าตอนนี้อยู่ที่ร้านคนเดียวหรือเปล่าครับ" เสียงชายหนุ่มที่จักกันดีส่งผ่านมาจากโฟนที่เจสสิก้าติดไว้อยู่ ร่างบางครางรับในลำคอ ใช่ซี่นังแทยอนมันไปแว๊นกับผัวมันอยู่นิ ชิส์
"ระวังตัวด้วยนะครับผมตรวจพบพวกแทสซิสสองคนอยู่ใกล้ๆบริเวณร้าน"
สิ้นเสียงชายหนุ่มไปเจสสิก้าก็มีอาการชะเง้อมองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวังยิ่งกับพวกแทสซิสด้วยแล้วจุดเด่นของพวกนั้นคือการร่องหน
และเมื่อคิดได้ดังนั้นอุปกรณ์เล็กๆน้อยๆจึงถูกติดตั้งเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลเข้มคล้ายกับการใส่คอนแทคเลนซ์

"อ๊ะ!...สองคู่หูใจร้อนจอมป่วนนี่อีกแล้ว แปลกแหะที่วันนี้มาด้วยกัน" เจสสิก้าครุ่นคิดเล็กน้อยเมื่อได้ภาพที่เห็นนั้นคือนายแทคยอนและนายลีทึกนั่นเอง
ถ้าพูดถึงสองคนนี้เป็นคู่หูที่สนิทกันมากแต่ก็ทะเลาะกันเองบ่อยมากเช่นกัน และปรกติแล้วจะไม่ค่อยไปไหนมาไหนด้วยกันแบบนี้ แล้วนี่...อย่าบอกนะว่ามาหานังแทยอนน่ะ!!

"สวัสดีค่ะรับอะไรดีคะ หรือว่ามีธุระส่วนตัวกับใครคะ"
เจสสิก้าเลือกทักทายแบบเป็นทางการเพราะเวลานี้ลูกค้าคนอื่นๆในร้านก็ไม่น้อย ดีหน่อยที่สองคนนั้นปรากฎร่างออกมาก่อนจะเดินเข้าร้าน
"ขอคุยแบบส่วนตัวแล้วกัน" แทคยอนตอบอย่างเป็นมิตรต่างจากอีกคนที่เอาแต่มอง มอง แล้วก็มอง เจสสิก้าเห็นอาการนั้นก็อดคิดไม่ได้ หาแทยอนอยู่สิท่า
เห๊อะเสียใจวันนี้นังแทยอนไม่อยู่หรอกย่ะ ก่อนจะพาแขกพิเศษทั้งสองเดินออกไปยังสนามหญ้าหลังร้านที่ลับจากสายตาผู้คนพอสมควร
"มีไรอะไรก็ว่ามา" ร่างบางเมื่อเดินออกมาจากแล้วก็เปลี่ยนท่าทีเป็นหยุดยืนเท้าสะเอวถามสองหนุ่มที่เดินตามออกมาทันที
"อยู่คนเดียวเหรอ"
"แล้วอยากจะเจอใครล่ะ"
"แทยอน.../ไม่ใช่เว่ยมึงอ่ะนอกเรื่อง ชั้นอยากเจอแฟนเธอ..."
แทคยอนหันไปเอ็ดเพื่อนชายดลเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมามองยังร่างบางและเอ่ยประโยคต่อไป
เจสสิก้านิ่งไปเล็กน้อย...แฟนกู...ใครวะ เพราะตั้งแต่ที่เลิกรากับสเตฟานี่ไปเจสสิก้าก็ยังไม่ได้คบใครอีก
เอ๊ะ...เดี๋ยวนะแฟนชั้นที่แทคยอนน่าจะเข้าใจและหมายถึงนั้น...แทงกูเหรอ ให้ตายสิหมอนี่ยังไม่รู้ความจริงอีกหรือไงนะ
"นายก็น่าจะรู้ว่านายจะหาคนคนนั้นเจอได้ที่ไหน เพราะงั้นนายมาผิดที่แล้วล่ะ"
ร่างบางเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนักไม่ค่อยอยากรู้เท่าไรหรอกว่าแทคยอนจะมาหาแทงกูเพื่ออะไรแต่เดาๆดูแล้วหมอนี่คงไม่ได้ธุระที่มีสาระสักเท่าไรหรอก
"ฉันอยากรู้ว่าแทงกูกำลังคิดอะไรกับเรื่องของชอนดุงอยู่จะช่วยหมอนั่นหรือไง"
น้ำเสียงแทคยอนฟังดูไม่สบอารมณ์นัก เจสสิก้ารอบมองชายหนุ่มเล็กน้อยอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร ...พวกไม่รู้อะไรก็จงไม่รู้อะไรต่อไปน่าจะดีกว่า...
"นายไม่ต้องห่วงหรอกว่าแทงกูจะทำร้ายทิฟฟานี่ที่นายรักและหวงแหนน่ะ ชั้นรู้ดีว่าแทงกูเป็นยังไง" เจสสิก้าสะบัดเสียงด้วยความหมั่นไส้อย่างแรง
แหมทำมาเป็นห่วงทิฟฟานี่แต่ไม่คิดจะคอยไปช่วยอะไรทิฟฟานี่เลยสักอย่างเดียว แต่เหตุผลที่เจสสิก้าหมั่นไส้นั้นมีหรือคนอย่างแทคยอนจะเข้าใจ
"หึงเหรอ?" ดูดู๊ดู กล้าคิดมาได้เนอะอีตาฟันจอบบบบ
เจสสิก้ารู้สึกเหมือนจะอยากเอาส้นสูงยันหน้าหมอนี่เหลือเกิน แต่รู้ดีว่าตัวเองไม่มีทางสู้แทคยอนได้แถมยังมีลีทึกที่ยังเตะหญ้าเล่นอย่างเบื่อหน่ายนั่นอีก
"เหอะ!...จะพูดอะไรนึกถึงความเป็นจริงบ้างก็ดีนะ ชั้นเบื่อหน้านายจะตายอยูแล้ว กลับไปได้และ"
เจสสิก้าเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนักแต่นั่นคือความรู้สึกจริงๆที่พูดออกไปตรงๆตามแบบฉบับของเธอ เอ่ยจบขาเรียวก็สาวเท้าเพื่อจะเดินกลับเข้าร้านไป
หากแต่ไม่เป็นอย่างนั้นเมื่อแทคยอนฉุดข้อมือเรียวของเจสสิก้าไว้เสียก่อน แล้วออกแรงเพียงเล็กน้อยเพื่อให้ร่างบางเซกลับมาแนบอกแกร่ง
เจสสิก้านิ่งไปหลายอึดใจความคิดความกลัวเริ่มครอบงำร่างบางเข้าแล้ว ตอนนี้แทยอนก็ไม่อยู่อีกแล้วเธอจะทำยังไงดีในเมื่อรู้อยู่เต็มอกว่าไม่มีทางสู้แรงชายหนุ่มได้แน่นอน
ไม่สิต้องบอกว่าเธอไม่มีทางสู้แรงเชลล่าคนไหนได้เลยมากกว่า
"ปล่อย! ไอ้บ้านิจะทำอะไรของนายห่ะ" ถึงน้ำเสียงจะเริ่มสั่นเครือแต่เจสสิก้ายังคงพยายามเก๊กเสียงเรียบไว้ให้ได้มากที่สุด
ไม่ต้องการให้คนพวกนี้ได้เห็นความอ่อนแอของเธอ แต่หัวใจเจ้ากรรมก็ดันมาบีบรัดตัวอย่างรุนแรงกระพริบเปลือกตาปิดลงหนึ่งครั้งภาพเมื่อห้าปีก่อนก็ซ้อนขึ้นมาชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ...
เจสสิก้ากำลังหวาดกลัวเป็นอย่างมาก กลัว...ว่าเหตุการเลวร้ายที่สุดในชีวิตจะหวนกลับมา...

ซึบ! ซึบ! ซึบ! ซึบ! !!!
"อ๊ากกกกก!!! ...ทิฟฟานี่!!" เสียงชายหนุ่มกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและเอ่ยเรียกชื่อเจ้าของผลงานบาดแผลบนไหล่หนาและอุ้งมือ
ก่อนจะสะบัดมือทั้งสองข้างที่มีโลหะแหลมคมปักอยู่ออกจากร่างของหญิงสาวให้หลุดจากพันธนาการ
เจสสิก้าที่เพิ่งได้รับอิสระก็รีบมองหาเจ้าของชื่อที่ถูกชายหนุ่มเรียกอย่างโกรธเกรี้ยวที่เพิ่งช่วยเธอไว้
ลีทึกที่กำลังจะกระโดดตามไล่ทิฟฟานี่ไปก็ต้องหยุดชะงักเมื่อพบว่ามีชายร่างผอมบางแปลกหน้ายืนขว้างตนอยู่
จึงกลายเป็นแทคยอนเสียเองที่ไล่ตามทิฟฟานี่ไปอย่างไม่คิดชีวิต...

"ฉันจะทำให้คนอย่างนายได้รู้จักกับความเจ็บปวดที่ทรมานเอง" ชายผู้มีผ้าสีม่วงปรกปิดใบหน้าส่วนล่างอยู่ได้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
และเขาก็ไม่ปล่อยให้เวลาเดินต่อไปอย่างเปล่าประโยชน์
เคบีใช้ใบมีดคมเฉือนหน้าขาของลีทึกอย่างรวดเร็วจนชายหนุ่มทรุดกายนั่งลงกับพื้นร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
"แกเป็นใคร...แล้วฉันไปทำอะไรแกไว้วะถึงได้ทำแบบนี้กับฉัน!...อ๊ะ!!" ลีทึกโพร่งขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวแต่ยังไม่ทันได้พูดต้องเขาก็ต้องร้องออกมาอีกครั้ง
เมื่อเคบีที่แสนจะเลือดเย็นไม่ต่างจากแทงกูนั้นเชือดไหล่ทั้งสองข้างของลีทึกจนเลือดอาบ
"หึ! อยากรู้มากใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร.../อะ..เออ" เจสสิก้ายืนมองภาพตรงหน้าด้วยความเฉยชาและเธอก็ไม่คิดจะเข้าไปห้าม
เพราะร่างบางเองก็รู้สึกว่า ...นี่คือสิ่งที่ลีทึกควรจะได้รับมัน...
ลีทึกยังคงกรีดร้องอยู่อย่างนั้นเมื่อเคบีค่อยๆจัดการตัดเส้นประสาทเขาที่ละจุด...ที่ละจุด ช้าๆเรื่อยๆโดยที่ไม่เชือดเขาให้หมดลมหายใจสักที
ลีทึกรู้สึกว่าเวลานี้ให้เขาตายไปเลยเสียยังจะดีกว่า ความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามามันมากขึ้นเรื่อยๆ
คมมีดอาบพิษที่โชกไปด้วยของเหลวสีแดงข้นได้ลากมาหยุดตรงอกข้างซ้ายที่รอยไหม้เป็นรูปเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ของคนที่นั่งทรุดกายอยู่กับพื้นหญ้า
เคบีโน้มใบหน้าเข้าไปเข้าไปใกล้ลีทึกมากขึ้น
"จำฉันไม่ได้จริงเหรอ...จำไม่ได้เหรอว่านายเคยทำแบบนี้ไว้กับใคร" ลีทึกเบิกตาโพร่งทันทีจังหวะเดียวกับที่เคบีเปิดผ้าสีม่วงที่เคยบดบังใบหน้าส่วนล่างไว้
ให้เผยออกมาสู่สายตาผู้ฝากรอยแผลที่โดนของมีคมกรีดผ่านกลางระหว่างริมฝีปากบนและล่างยาวจนเกือบถึงใบหูทั้งสองข้าง รอยแผลที่ลึกจนเกินจะเยียวยา
"ไอ้คีย์!!!! กะ...แกไม่ได้ตะ...ตายไปแล้วเหรอไง!" ลีทึกแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง ก็แน่ล่ะในเมื่อเขาเป็นคนลงมือฆ่าหมอนี่ด้วยวิธีทรมานแบบนี้เองกับมือ
แล้วไหงมันยังมายืนอยู่ตรงนี้แถมกำลังใช้วิธีเดียวกันทรมานเขาได้แบบนี้ คีย์(เคบี)ค่อยๆลากปลายมีดคมชุ่มไปด้วยของเหลวคาวคลุ้งนั้นไปบนอกแกร่งของลีทึกช้าๆ
ผ่าผ่านรอยไหม้สีดำรูปร่างคล้ายไม้เท้าศักดิ์สิทธซึ่งเป็นตรงประทับของแทสซิสและออกแรงกดใบมีดให้ลึกลงไปอีก
"ฉัน...ก็ตายไปแล้วนั้นแหละ" คีย์เอ่ยออกมาเพียงแผ่วเบาแต่ดังพอที่ลีทึกจะได้ยินมันชัดเจนน้ำเสียงเย็นเยือกจนรู้สึกอยากจะคิดว่าคนตรงหน้านั้นเป็นเพียงแค่วิญญาณที่ไร้ความรู้สึกจริงๆ
ภาพสุดท้ายที่สะท้อนอยู่ในแววตาของเจสสิก้าก็คือ ชายร่างบางสบัดปลายมีดอีกหนึ่งครั้งและเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ลีทึกนั้นจะล้มลงนอนราบกับพื้น

"หมดธุระของนายแล้วสินะคีย์" เจสสิก้าเอ่ยเสียงปรกติหยอกล้อราวกับว่าเมื่อครู่ไม่ได้มีการฆ่ากันด้วยวิธีทรมานแสนเลือดเย็นเกิดขึ้นอย่างนั้นแหละ
คีย์จัดการเก็บอาวุธพลางสาวเท้าเดินเข้ามาหาร่างบาง
"พูดอะไรแบบนั้นกันครับ ผมก็ยังคงคอยปกป้องคุณอยู่ห่างๆเหมือนเดิมแหละครับ ว้า...แย่จังทำสนามหญ้าของแทยอนเลอะเทอะจนได้ อ่อแล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่มาช่วยช้าไปหน่อย"
"ชั้นว่าแทมันอาจจะดีใจด้วยซ้ำ อิอิ เรื่องนั้นน่ะไม่เป็นไรหรอกแทคยอนมันยังไม่ได้ทำอะไรฉันซักหน่อย"
"เอ่อ..แล้วแทคยอนกับทิฟฟานี่นั่น...ปล่อยไปแบบนั้นจะดีเหรอ...แล้วคุณ...ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมครับ"
คำถามที่ถูกเอ่ยอย่างไม่คิดอะไรในตอนแรกนั้นกลับกลายเป็นว่าคีย์ต้องคิดหนักเพราะนึกขึ้นได้ว่าทิฟฟานี่เคยทำเจสสิก้าเสียใจ
แต่คำตอบจากร่างบางมีเพียงการส่ายหน้าไปมาช้าๆ เจสสิก้ารู้ตัวดีว่าเรื่องทิฟฟานี่น่ะสำหรับเธอตอนนี้แล้วให้กลับไปเป็นแค่คนรู้จักหรือเป็นเพื่อนกันก็คงไม่ยากหรอก
จากเมื่อครู่ที่รู้ว่าการโจมตีแทคยอนนั้นคือทิฟฟานี่ความรู้สึกเธอก็ไม่ได้ตีลวนอะไรขึ้นมาอีกมีเพียงความรู้สึกดีๆที่อย่างน้อยทิฟฟานี่ก็ยังเป็นทิฟฟานี่ที่ดีกับเธอเหมือนเดิม
"แต่บางทีชั้นก็รู้สึกว่าชั้นอยากเจอหรือได้กลับไปพูดคุยกับทิฟฟานี่ดูอีกนะ อยากรู้ว่าชั้นจะเป็นอะไรแบบที่คนอื่นๆกลัวกันอีกหรือเปล่า"
คีย์ได้ยินเช่นนั้นก็ระบายลมหายใจออกมาเบาๆพร้อมกับรอยยิ้ม
เขาไม่รู้ว่าควรจะแปลกใจดีไหมเพราะถ้าให้คิดดูดีๆแล้วเจสสิก้าก็เป็นแบบนี้ไม่โกรธใครง่ายๆทั้งที่เรื่องแบบนี้เป็นหลายคนก็อาจจะโกรธหรือเกลียดกันไปและ
แต่ถ้าเจสสิก้าได้โกรธหรือเกลียดน่ะเหรอดูลีทึกเป็นอย่างก็น่าจะรู้แล้ว


ห่างออกมาจากร้านคอฟฟี่อาร์เชอร์ไม่มากนักทิฟฟานี่ยืนเท้าสะเอวมองแทคยอนที่มีบาดแผลที่มือและไหล่ทั้งสองข้างของเหลวสีแดงไหลอาบเป็นสายและหยดลงสู่พื้น
"คราวนี้ชั้นคงให้อภัยนายไม่ได้จริงๆ ที่นายไปทำนิสัยแย่ๆแบบนั้นใส่เจสสิก้า แต่อย่าได้คิดเข้าข้างตัวเองอีกล่ะว่าชั้นหึงน่ะ เพราะเจสสิก้าก็สำคัญสำหรับชั้นไม่ต่างจากแทงกูหรอก!!!"
ฟลึบ! เพียงพริบตาเดียวร่างบางที่เพิ่งเอ่ยจบประโยคเธอก็เคลื่อนกายเข้ามาประชิดร่างของชายหนุ่มพร้อมจ่อปลายมีดคมเข้าที่ใต้คางของเขา
แทคยอนยืนนิ่งสบเข้าดวงตาสีเงินเงาที่ทอประกายความโกรธเกรี้ยวอย่างเห็นได้ชัด ...ทำไมทิฟฟานี่ต้องโกรธมากขนาดนั้นด้วย...
ก็เพราะทิฟฟานี่รู้ไงว่าเจสสิก้าเป็นยังไงและการที่แทคยอนไปทำกิริยาแบบนั้นกับเจสสิก้าแล้วไม่ต่างอะไรจากการตั้งใจฉุดเจสสิก้าให้กลับลงไปยังเหวลึกภายในใจเลยแม้แต่น้อย
ไม่มีเสียงใดเร็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของทั้งคู่อีก มีเพียงเสียงคมมีดที่ถูกกระแทกเข้ากับผิวเนื้อมนุษย์อย่างไม่ใยดี
ตามมาด้วยเสียงร่างกายของชายหนุ่มที่ล้มลงกระแทกกับพื้นคอนกรีต
...เจสสิก้าจะเป็นอะไรไหมนะ แต่ก็มีเคบีอยู่ด้วยแล้วคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง...


"กาฮีเชื่อเถอะลูก ลมปากของคนแบบนั้นน่ะมันไม่มีน้ำหนักหรอก"
ฮโยยอนพยายามอธิบายให้ลูกสาวคนโตของเธออย่างใจเย็น หลายครั้งที่รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมากที่เธอสามารถรู้ได้หมดทุกอย่างแต่กลับพูดออกไปตรงๆอย่างที่ตัวเองรู้ไม่ได้เลย
"แต่แทงกูเค้าบอกว่ายังไงเค้าก็รักหนูที่สุดนะคะแม่" กาฮีในเวลานี้ช่างดูไม่เหมือนกาฮีผู้เป็นที่เคารพของทุกคนในที่นี้เสียจริงๆ
ฮโยยอนยังแทบไม่อยากเชื่อความจริงว่าคนที่แข็งแกร่งและไม่เคยสนใจเรื่องความรักอย่างกาฮีจะมาเป็นแบบนี้ได้
"แม่ถึงบอกไงว่าลมปากของคนแบบนั้นน่ะมันไม่มีน้ำหนัก แล้วดูสิลูกไม่เจอเค้ามานานแค่ไหนแล้ว เรื่องที่เค้าทำก็ใช่ว่าลูกจะไม่รู้
คิดให้ดีดีสิกาฮีการที่ลูกจะไปรักคนอย่างนั้นน่ะผลที่ลูกจะได้คืออะไร"
ฮโยยอนระบายลมหายใจออกมาเบาๆกาฮีน่ะเป็นที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงและบางครั้งมันก็อาจจะสูงเกินไป
ฮโยยอนไม่สามารถพูดออกไปได้เลยทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าว่าคนสำคัญของแทงกูคือใครหรือแทงกูรักใครและรักใครมากที่สุดแต่หนึ่งในนั้นกลับไม่มีกาฮีเลยแม้แต่ตัวเลือกเดียว
แต่ฮโยยอนก็ทำได้เพียงแค่เกลี้ยกล่อมให้กาฮีตื่นจากความฝันอันมืดมิดนั่นเสียที
"เจ๊ฉันว่านะอย่างเจ๊น่ะหาคนดีๆได้สบายๆ ตัดใจจากคนหลายใจแบบนั้นไปเถอะนะ"
ฮยอนอาก็พยามช่วยเตือนสติพี่สาวไปอีกคน อย่างน้อยเธอก็เป็นหนึ่งในหลายคนที่ในร่วมเตียงกับแทงกูมาแล้วเช่นกันและเลือดคาสโนวี่ของแทงกูน่ะรุนแรงอย่างกับอะไรดีใครๆก็รู้
แล้วในเมื่อมันเป็นแบบนี้แล้วฮยอนอาก็พอจะเดาได้ว่าคนอย่างแทงกูน่ะ โกหกทั้งเพ ไอ้ที่บอกรักไอ้ที่บอกแคร์น่ะ เห็นๆอยู่ว่าสุดท้ายแทงกูก็เลือกเจสสิก้า
ก็แหงล่ะสองคนนั้น'ถูกสร้างมาเพื่อคู่กันนิ' นี่ยังไม่ต้องรวมถึงคนอื่นๆที่รายล้อมตัวแทงกูอยู่อีกนะ

"ท่านครับ!!เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ!!"
ชายผู้เป็นเสมือนกับองครักษ์ของฝั่งแทสซิสกล่าวขึ้นพร้อมกับร่างของแทคยอนที่ถูกองครักษ์อีกคนอุ้มมาโดยที่ยังชุ่มไปด้วยของเหลวสีแดงข้นทั่วทั้งร่างกาย
กาฮีและฮยอนอารีบวิ่งเข้าไปดูอาการของแทคยอนอย่างรวดเร็ว
"ใครมันกล้ามาทำแบบนี้กับน้องชายฉัน แล้วลีทึกล่ะเมื่อเช้าลีทึกออกไปกับแทคยอนด้วยไม่ใช่เหรอไง"
กาฮีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกปวดใจไม่น้อยที่ต้องพบว่าน้องชายตนอยู่ในสภาพไร้วิญญาณ
"คาดว่าคุณลีทึกก็ถูกสังหารเหมือนกันครับแต่เราหาจนทั่วแล้วยังไม่พบร่องรอยของคุณลีทึกเลยครับ"
กาฮีรับฟังเพียงเท่านั้นแล้วพุ่งกายออกมาทันที เธอไม่รู้หรอกว่าใครสังหารน้องชายเธอ กาฮีรู้เพียงแค่ต้องไปที่ๆแทคยอนบอกว่าจะไปในคราแรก ...อาเชอร์คอฟฟี่


"อ่อมิน่าล่ะถึงได้รีบชวนออกมาทดสอบ"
แทยอนทักขึ้นมาหลังจากที่รับประทานอาหารกันเรียบร้อยแล้วก็ออกไปเดินเล่นกันอยู่พักใหญ่จนแสงอาทิตย์บอกลาท้องฟ้าไป
ยุนอาถึงได้เอ่ยปากชวนกลับบ้านตอนแรกแทยอนก็แปลกใจว่าจะแว๊นซ์มอเตอร์ไซต์กลับตอนกลางคืนเนี่ยจะไม่หนาวตายก่อนหรือไง
แต่ยุนอาก็ยังยืนยันว่าจะกลับจนแทยอนต้องยอมตามใจเด็กน้อยของเธอนั่นแหละ พอขับออกมาได้สักพักพอเริ่มหนาวสั่นเล็กน้อยยุนอาก็จัดการโชว์ผลงานของยูริเสียอย่างนั้น
จากมอเตอร์ไซต์สีขาวคันโตก็เริ่มเปลี่ยนไปเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นจนสุดท้ายก็กลายเป็นสปอตคันงามเสียอย่างนั้น
แทยอนถึงได้ไม่แปลกใจที่ยุนอาตั้งใจจะอวดสกิลใหม่ของเจ้ารถคันนี้
"เจ๋งไหมล่ะ"
"อื้อ...เจ๋งดีไม่น่าเชื่อว่ายูลจะทำได้" แทยอนเอ่ยไปตามความรู้สึกเพราะจากที่รู้เรื่องยูริมานั้นก็ทำให้แทยอนรู้สึกว่าจริงๆแล้วยูริไม่ได้ชอบหรือสนใจงานในแล็บเสียเท่าไรเลย
และไอ้การที่ดัดแปลงมอเตอร์ไซต์ให้กลายเป็นรถยนต์ได้เนี่ยก็ไม่ใช่ผลงานที่จะสำเร็จง่ายเช่นกัน
"ถ้าไม่มีซอฮยอนพี่ยูลก็คงทำไม่ได้หรอกค่ะ" นั่นแหละความจริงจากปากยุนอาที่ทำให้แทยอนได้รู้ว่าจริงๆแล้วสมองของยูริน่ะคือซอฮยอนนั่นเอง
การที่ยูริทำอะไรได้มากมายถึงขั้นนี้นั้นก็อาจจะเป็นเพราะมีซอฮยอนคอยอยู่ข้างๆและคอยช่วยเหลืออยู่นั่นเอง
"งั้นก็แปลว่าซอฮยอนนี่เก่งกว่ายูลงั้นเหรอ"
"ถ้าให้พูดว่าเก่งกว่าก็น่าจะใช่มั้งคะ แต่เฉพาะพวกงานแล็บงานค้นคว้าอะไรแบบนั้นน่ะ ยุนว่าซอฮยอนเป็นเด็กฉลาดมากจึงไม่ขนัดเรื่องการใช้กำลัง"
แทยอนพยักหน้ารับรู้พลางลองๆคิดดูว่าถ้าหากยูริไม่มีซอฮยอนนั้นจะเป็นอย่างไรกันนะ แทยอนไม่อยากจะเดาเลย แต่พอคิดไปในทางกลับกันว่าถ้าหากเจสสิก้าไม่มีแทงกูก็อาจจะ...





!!!!
เมื่อยุนอาและแทยอนขับรถเข้ามาจอดยังหลังร้านอาร์เชอร์คอฟฟี่แล้วตอนนี้เวลาก็ประมาณห้าทุ่มกว่าๆซึ่งร้านควรจะเงียบสงบ แต่ไหงถึงได้มีการปะทะกันอยู่แบบนี้กันล่ะ!!!
"เจสสิก้า!!.." แทยอนอุทานออกมาเป็นชื่อเพื่อนสาวคนสำคัญก่อนจะรีบเปิดประตูลงจากลงไปทั้งที่รถสปอตคันหรูนั้นยังไม่หยุดนิ่งเลยด้วยซ้ำ
แต่แทยอนก็ต้องโล่งใจขึ้นมาหลายเปราะเมื่อเห็นว่าเจสสิก้านั้นยังปลอดภัยดีอยู่และมีคีย์คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ร่างบางยังคงยืนมองการทะปะของหญิงสาวทั้งสองคนด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ
"ไม่เป็นไรใช่ไหม ขอโทษนะที่กลับมาช้าน่ะ แล้วเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ" แทยอนเอ่ยขอโทษเพื่อนสาวด้วยความรู้สึกผิดจับหัวใจ
ที่ดันทิ้งเจสสิก้าไว้แล้วตัวเองกลับไปมีความสุขอยู่กับแฟนสาวซึ่งพาให้เธอไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยว่าระหว่างที่เธอไม่อยู่นั้นเกิดอะไรขึ้นที่นี่บ้าง
เจสสิก้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นคร่าวๆเท่าที่เธอรู้ให้แทยอนและยุนอาฟัง แต่ถึงอย่างไรเจสสิก้าก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าทิฟฟานี่และกาฮีกลับมาปะทะกันอีกเพื่ออะไร
(เพราะเจสสิก้าและคีย์ยังไม่รู้ว่าทิฟฟานี่ฆ่าแทคยอนไปแล้ว)
แทยอนประมวลผลจอยู่เพียงไม่นานก็หันไปบอกแฟนสาวให้ช่วยเธอหน่อย
"ยุนคะช่วยจับทิฟฟานี่ไว้ทีนะเดี๋ยวแทจะไปหยุดพี่กาฮีเอง คีย์คอยคุ้มกันยุนด้วยนะ"
เอ่ยจบแทยอนก็พุ่งไปล็อคตัวหญิงสาวตามที่ตนกล่าวไว้พร้อมกันกับยุนอาที่วิ่งเข้าไปขวางทิฟฟานี่ไว้เช่นกัน
ด้วยเหตุการณ์ที่ฉุกละหุกนั้นจึงทำให้ยุนอาไม่ทันเอะใจถึงชื่อของชายหนุ่มที่แทยอนได้เอ่ยเรียกไปเมื่อครู่

"แทยอน!!" ทุกคนอุทานขึ้นมาพร้อมกันเมื่อทั้งหมดไม่ได้มีใครนึกจะหยุดกระสุนที่ถูกลั่นออกจากกระบอกปืนไปแล้วและฝั่งลงที่กลางแผ่นหลังของแทยอนจนมิด
ร่างเล็กกัดริมฝีปากแน่สะกดกลั้นความเจ็บปวดไว้ ...กระสุนพิษแค่นี้ทำไรชั้นไม่ได้หรอกน่า...
"ฉันไม่เป็นไร ว่าแต่เกิดเรื่องอะไรขึ้นทำไมถึงมาสู้กันอยู่หลังร้านชั้นแบบนี้"
เมื่อหยุดการปะทะกันของทิฟฟานี่และกาฮีได้แล้วเจสสิก้าจึงรีบวิ่งเข้ามาเพื่อรักษาบาดแผลให้แทยอนอย่างเร็วไว
ปากก็กระซิบถามคนตัวเล็กอย่างเป็นห่วง เจ็บมากหรือเปล่าทนอีกแป๊บเดียวนะแท
"ทิฟฟานี่เธอยิงแทยอนทำไมห๊ะ!!" ยุนอาหันไปว๊ากใส่ทิฟฟานี่ในขณะที่ทั้งคู่กำลังวิ่งเข้าไปยังจุดที่แทยอนเจสสิกากาฮีและคีย์ยืนอยู่
ถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าทิฟฟานี่ไม่ได้ตั้งใจจะยิงแทยอนเลยสักนิดและแค่การโดนยิงแค่นี้แทยอนไม่มีทางสะทกสท้านอะไรหรอก แต่ยุนอาก็ยังคงเป็นห่วงแฟนสาวของเธออยู่ดี
"ก็ชั้นไม่รู้นี่ว่าพวกเธอจะเข้ามาถ้าไม่งั้นชั้นก็จัดการกาฮีได้ไปแล้ว ...ขอโทษทีนะแทยอนชั้นทำเรื่องไม่ดีกับเธออีกแล้ว"
ทิฟฟานี่ที่ค่อนข้างว่าจะเถียงกับยุนอาในตอนแรกกลับปรับเปลี่ยนน้ำเสียงให้อ่อนลงเมื่อตอนเอ่ยประโยคหลัง
ไม่รู้ทำไมทิฟฟานี่ถึงได้รู้สึกผิดต่อแทยอนมากนักอาจเป็นเพราะว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอก่อเรื่องให้แทยอนต้องลำบากทั้งที่เค้าอาจจะไม่รู้เรื่องและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยหรือเปล่า
หรืออาจจะเป็นเพียงความรู้สึกส่วนตัวที่เธอรู้สึกบางอย่างต่อแทยอนหรือเปล่าก็ไม่อาจแน่ใจได้
"ช่างเหอะ ฉันไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่ทั้งสองคนจะอธิบายได้หรือยังว่ามันเกิดอะไรขึ้น"
แทยอนยังคงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆหากแต่แฝงด้วยความไม่สบอารมณ์อยู่ภายในให้ผู้รับฟังได้รู้สึกถึงไม่มากก็น้อย
"ชั้นฆ่าแทคยอน..." ทิฟฟานี่เอ่ยออกมาเพียงเท่านั้นแทยอนและคนอื่นๆก็สามารถเข้าใจได้ว่าเพราะอะไรทิฟฟานี่และกาฮีถึงได้ปะทะกันอยู่อย่างนี้
"แล้วเหตุผลที่ต้องทำถึงขนาดนั้นล่ะ" ยุนอาถามต่ออย่างใจเย็นเพราะดูแล้วแทยอนนิ่งไปเลย
ยุนอาเลยคิดว่าแทยอนนั้นอาจจะครุ่นคิดอะไรอยู่เพราะเท่าที่เธอรู้มาแทยอนก็สนิทกับแทคยอนอยู่ในระดับนึงเพราะงั้นคงไม่แปลกที่แทยอนจะต้องการเหตุผลข้อนี้จากทิฟฟานี่
"เหตุผลของชั้นน่ะเหรอ มันอาจจะฟังดูงี่เง่านะแต่ชั้นไม่ชอบที่หมอนั่นทำท่าเหมือนจะฉุดเจสสิก้าก็เท่านั้น"
ทิฟฟานี่เอ่ยราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรก็แค่ฆ่าผู้ชายแย่ๆคนนึงเท่านั้น แทยอนหันไปมองหน้าเจสสิก้าเชิงถามว่าจริงเหรอ
แต่พอได้รับคำตอบจากเจสสิก้าคือการพยักหน้าช้าๆอย่างรู้สึกผิดที่ไม่ได้เล่าส่วนตรงที่แทคยอนทำท่าเหมือนจะฉุดตนให้แทยอนฟังตั้งแต่แรก
แทยอนเข้าใจทิฟฟานี่แล้วล่ะเหตุผลที่ทิฟฟานี่ทำอย่างนั้นเพราะทิฟฟานี่รู้ว่าเจสสิก้าอ่อนไหวต่อเรื่องพวกนี้มากแค่ไหน
"ขอบใจนะทิฟฟานี่.../อะไรกันแทยอน!!!! แล้วแทคล่ะ!!!" ยังไม่ทันที่แทยอนจะพูดจบกาฮี่ก็โพร่งตัดบทขึ้นมาทั้งน้ำตา
กาฮีไม่มีทางเข้าใจอยู่แล้ว แทยอนก็รู้ดีเพราะงั้นเธอจะไม่ถือโทษโกรธเคืองอะไรกาฮีแล้วกันเพราะเข้าใจดีว่าความเจ็บปวดจากการศูนย์เสียน่ะมันมหาศาลแค่ไหน
"แทต้องขอโทษพี่กาฮีด้วยนะคะ แต่สำหรับแทแล้วยังไงแทแคร์ความรู้สึกสิก้ามากที่สุดค่ะ"
ในเมื่อแทยอนพูดออกมาแบบนั้นแล้วกาฮีก็หมดหนทาง จะไปสู้พวกนี้ได้ยังไงทั้งสภาพจิตใจก็ย่ำแย่มากพอแล้วเรี่ยวแรงก็พาลจะหายไปด้วยแถมพวกแทยอนก็ไม่ได้มีแค่คนสองคน
ขืนปล่อยอารมณ์ฟุ้งซ่านฮึดสู้ขึ้นมาตอนนี้มีหวังได้ตายตามแทคยอนไปติดๆแน่นอน โชคดีที่กาฮีเป็นคนมีเหตุผลและใจเย็นมากพอเธอจึงทำได้เพียงร่ำไห้ออกมา
พาลให้ใจที่อ่อนล้านั้นได้นึกถึงใครคนนั้นที่ยังคงอยู่ในหัวใจ...แทงกูเธออยู่ไหนทำไมถึงไม่คิดจะมาสนใจคนที่เธอบอกว่ารักมากที่สุดบ้างเลย...

"คงหมดธุระชั้นแล้ว งั้นขอตัวนะ" ทิฟฟานี่เอ่ยขึ้นหลังจากที่รู้สึกตัวว่าเธอไปควรจะอยู่ตรงนี้ต่อไปสักเท่าไร
ถ้าหากแทงกูรู้ว่าเธอปรากฎตัวต่อหน้าเจสสิก้าล่ะก็มันอาจจะไม่เป็นผลดีต่อเธอนัก ว่าแต่...แทงกูไปไหนของเค้า
ทิฟฟานี่รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากทั้งๆที่เกิดเรื่องแบบนี้กับเจสสิก้าแต่แทงกูกลับไม่อยู่ปกป้องเจสสิก้าอย่างที่ควรจะเป็น...
"เดี๋ยวสิจะรีบไปไหนล่ะ"
ทิฟฟานี่ที่กำลังจะหันหลังเดินจากไปนั้นกลับต้องชะงักไปเพราะสมองไม่อาจทันคิดว่าเจ้าของเสียงที่เอ่ยขึ้นและอุ้งมือที่คว้าข้อมือเธออยู่นั้นจะคือ...เจสสิก้า...
"แค่นี้ชั้นก็กลัวว่าแทงกูจะเชือดคอชั้นจะตายอยู่แล้ว"
ทิฟฟานี่เอ่ยอย่างไม่จริงจังนักแต่ในใจก็ยังนึกหวั่นๆอยู่ดี แต่หากมันเป็นความต้องการของเจสสิก้าแทงกูคงไม่ว่าอะไรมั้ง
"อย่างไอ้แทงน่ะนะ ชั้นเอาหัวเป็นกระกันเลยว่ามันไม่กล้าทำอะไรเธอแน่นอน"
เจสสิก้ายกยิ้มพรายเมื่อนึกถึงแววตาสีฟ้าที่โหยหาทิฟฟานี่ราวกับจะขาดใจนั้น พร้อมกับเหลือบมองแทยอนที่สะบัดหน้ามองหน้าเธออย่างไม่สบอารมณ์นัก
"พี่กาฮีคงกลับเองไม่ไหว จะค้างที่นี่หรือให้แทไปส่งดีไหมคะ"
แทยอนเลือกจะไม่ต่อปากต่อคำกับเจสสิก้าแม้จะยังห่วงเพื่อนสาวอยู่ก็เถอะ แต่กาฮีก็ยังร้องไห้ซบไหล่เธออยู่แบบนี้เธอคงไม่ใจร้ายไล่เค้ากลับไปทั้งแบบนี้หรอก
"ไม่เป็นไรพี่รบกวนแทมากพอแล้ว ไว้เดี๋ยวพี่ให้คนมารับดีกว่า" ที่กาฮีเลือกแบบนั้นเพราะเธอคิดว่าเธออยากจะเจอแทงกูสักวินาทีก็ยังดี ร่างสูงจึงเลือกที่จะกลับเองเสียดีกว่า
ถึงแม้ว่าจะรู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไรที่ได้ยินทิฟฟานี่พูดถึงแทงกูแบบนั้น ยิ่งพาลให้นึกถึงข่าวทิฟฟานี่และแทงกูที่ทุบทำลายหัวใจเธอมาโดยตลอด
แถมยังโดนเจสสิก้าตอกย้ำด้วยประโยคหยอกล้อแบบนั้นอีก แทยอนพยักหน้ารับรู้และปล่อยให้กาฮีเดินหันหลังจากไป
"คีย์...ฝากตามไปดูห่างๆทีนะเผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยทัน" แทยอนเอ่ยบอกชายหนุ่มหลังจากที่รู้สึกว่ากาฮีออกไปไกลมากพอที่จะไม่ได้ยินแล้ว
ยุนอาขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยหลังจากที่ได้ยินแทยอนเอ่ยเรียกชายหนุ่มร่างสูงบางที่เธอได้เคยรู้จักในนามว่า เคบี แต่ไหงแทยอนจึงเรียกว่าคีย์
แล้วใช่คีย์คนเดียวกันกับที่มีเรื่องกับลีทึกในตอนนั้นหรือเปล่านะ

"ขอบคุณนะที่ช่วยชั้น" หลังจากที่ชวนทิฟฟานี่ให้อยู่ต่อแล้วเจสสิก้าจึงเอ่ยขึ้นขณะที่ทำการรักษาบาดแผลของคนหน้าหวาน
ดวงตาคมยังคงสบลึกเข้าไปในตาสีเงินเงาที่กำลังสับสนอยู่อย่างไม่ลดละ
"ไม่เป็นไรชั้นเต็มใจช่วยเธออยู่แล้ว ว่าแต่เธอโอเคนะ" ทิฟฟานี่ก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าเจสสิก้าจะรั้งให้เธออยู่ต่อเพื่ออะไรแถมยังมารักษาแผลให้เธอแบบนี้อีก
ทิฟฟานี่หลุบตาลงมองมือเรียวของอีกฝ่ายที่ลูบไล้สะโพกผายของเธออยู่มันชวนให้นึกถึงช่วงเวลาเก่าๆของเราขึ้นมา
แล้วก็พาลให้เธอรู้สึกผิดอีกแม้ว่าเจสสิก้าจะไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองอะไรเธอก็ตาม
"เจสสิก้า...ชั้น..ขอโทษนะ ขอโทษสำหรับทุกทุกอย่าง"
"ชู่ว...ไม่ต้องพูดแล้วชั้นไม่ได้เป็นอะไร" ปลายนิ้วเรียวข้างที่ว่างถูกยกขึ้นแตะริมฝีปากอวบอิ่มนั้นเชิงปรามว่าเธอไม่อยากฟังคำนั้นจากทิฟฟานี่แล้ว
ในเมื่อคำขอโทษมันไม่สามารถแก้ไขเรื่องในอดีตได้มันเพียงแค่อาจจะช่วยให้รู้สึกอุ่นใจในวินาทีที่ได้ฟัง
ทิฟฟานี่นิ่งไปพลางสบตาคนตรงหน้าอีกครั้งยิ่งรู้สึกว่าเจสสิก้าเป็นคนดีมากเท่าไรยิ่งรู้สึกผิด
และยิ่งเพราะคนที่เธอรักคือแทงกูก็ยิ่งทำให้คนอย่างทิฟฟานี่ทำอะไรไม่ถูกและคิดอะไรไม่ออก



'เพราะตัวจริงของชั้นน่ะไม่จำเป็นต้องเป็นข่าวให้คนรู้มากมายหรอก'
หนึ่งในภาพความทรงจำมากมายที่ผ่านมามันแล่นกลับมาตอกย้ำหัวใจของผู้ที่เคยหนักแน่นและใจเย็น แต่เพียงเพราะภาพของคนตัวเล็กนั้นก็สามารถทำให้กาฮีแทบจะทรงตัวยืนไม่อยู่

"คนของเธอฆ่าน้องชายชั้น แต่เธอก็ยังหายหน้าไปมันหมายความว่าไงนะ แทงกูยา..."
กาฮีทรุดกายลงที่ริมผาบ่นเบาๆอยู่ตัวเองเพียงลำพังเธอยังไม่อยากกลับไปที่แทสซิสหรอกเพราะไม่รู้จะตอบทุกคนว่ายังไง
ทิฟฟานี่ที่ใครๆต่างก็รู้ดีว่าเป็นอะไรกับแทงกูลงมือฆ่าน้องชายเธอโดยที่ไร้การปรากฎกายหรือออกมาห้ามปรามแต่อย่างใดของแทงกู
และเธอก็เป็นเพียงแค่คนที่เคยถูกแทงกูบอกว่ารักเธอที่สุด ...เหอะฉันมันโง่เองสินะ... ยิ่งคิดก็ยิ่งสมเพชตัวเองที่ดันไปเชื่อลมปากของแทงกู
"คิดถึงชั้นอยู่สินะ" กาฮีหันขวับพร้อทกับลุกขึ้นมองไปยังต้นเสียงหวานที่คุ้นเคยดี ก็ได้เห็นว่าร่างเล็กนั้นนั่งมองเธออยู่จากบนกิ่งไม้
แม้จะอยากโกรธเคืองแทงกูมากแค่ไหนอยากจะโวยวายใส่หน้าคนตัวเล็กนั้นมากแค่ไหนแต่พอได้พบกันทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับถูกหลอมละลาย
"หายไปไหนมารู้หรือเปล่าว่าเกิดอะไร..." ฟลึบ!.. ยังไม่ทันที่กาฮีจะเอ่ยจบแทงกูก็กระโดดลงมาจากกิ่งไม้พลางสาวเท้าเข้ามาใกล้ร่างสูงช้าๆเรียวปากบางก็ขยับเอ่ยเสียงพร่า
"รู้สิ...รู้ทุกๆอย่างเลย..." แทงกูหยุดนิ่งไปก่อนที่ฝีปากของทั้งสองจะสัมผัสกัน กาฮียังคงสบลึกเข้าไปในดวงตาสีฟ้าครามแพรวพรายที่ยากยิ่งนักหากจะคาดเดา
"แล้วทำไมถึงพึ่งโผล่มาตอนนี้.../เพราะคิดว่าเธอคงรู้สึกแย่กว่านี้หากกลายเป็นชั้นที่ฆ่าหมอนั่น...ไม่ใช่ทิฟฟานี่..."
คิ้วเรียวเริ่มถูกดึงเข้าหากันอย่างห้ามไม่ได้กาฮีไม่อาจเข้าใจสิ่งที่แทงกูเอ่ยตัดบทเธอออกมาแบบนั้น หรือจะเรียกว่าไม่อยากทำความเข้าใจน่าจะดีกว่าไหม
"หมายความ.../เพราะชั้นไม่เคยปล่อยให้ใครรังแกเจสสิก้าฟรีๆได้ง่ายๆไง" กาฮีเม้มปากแน่นจู่ๆก็รู้สึกว่าร่างกายมันหนักเสียจนขาทั้งสองข้างนี้ล้าเหลือเกิน
พาลให้นึกถึงคำพูดของผู้เป็นแม่ขึ้นมา 'แม่ถึงบอกไงว่าลมปากของคนแบบนั้นน่ะมันไม่มีน้ำหนัก แล้วดูสิลูกไม่เจอเค้ามานานแค่ไหนแล้ว เรื่องที่เค้าทำก็ใช่ว่าลูกจะไม่รู้
คิดให้ดีดีสิกาฮีการที่ลูกจะไปรักคนอย่างนั้นน่ะผลที่ลูกจะได้คืออะไร' นี่สินะผลที่กาฮีได้รับจากแทงกู ร่างสูงสูดหายใจเข้าลึกๆปิดเปลือกตาลงเพื่อเตรียมหัวใจ
"บอกความจริงกับฉันสักทีเรื่องระหว่างเราน่ะ" แทงกูมองหญิงสาวด้วยความเย็นชาแม้รู้อยู่แก่ใจว่ากาฮีนั้นรักเธอมากแค่ไหนแต่เธอก็ยังคงเล่นสนุกกับหัวใจของใครหลายๆคน
"อยากฟังความจริงเรื่องไหนล่ะ" แทงกูกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าถ้าหากกาฮีถามว่าจริงๆแล้วเธอรักใครเธอควรจะตอบว่าอย่างไรดี ในเมื่อคนที่เธอรักน่ะมันอาจจะไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียว
"เคยรักกันจริงๆบ้างไหม.../แน่ใจนะว่าอยากฟัง" กาฮีเปิดเปลือกตาและสบเข้านัยต์ตาสีฟ้าครามนั้นอีกครั้งพร้อมกับพยักหน้าช้าๆเป็นการยืนยัน
"ไม่ได้รักแค่รู้สึกดี" แทงกูเอ่ยออกมาอย่าง่ายดายในเมื่อกาฮียืนยันว่าจะฟังเธอก็แค่พูดออกไป
"แล้วที่ผ่านมาหลอกชั้นเพื่ออะไร ทำให้มีความหวังทำไม ให้สิทธิพิเศษบ้าบอแบบนี้กับชั้นทำไม"
กาฮีพร่ำออกมาอย่างอดไม่ได้ แทงกูเห็นเธอเป็นอะไรตัวตลกหรือไง ถึงได้มาหลอกเธออยู่แบบนี้
"เพราะเธอ...มีประโยชน์ไงกาฮียา"
สิ้นเสียงหวานพร่าของแทงกูนั้นกาฮีก็ชะงักนิ่งไปราวกับว่าร่างทั้งร่างมันไร้ความรู้สึกมันชาไปทั้งใบหน้าและทั้งร่างกาย แบบนี้ไม่ต่างอะไรจากถูกแทงกูลั่นกระสุนใส่กลางหน้าผากเลย
แทงกูเห็นว่ากาฮีนิ่งไปจึงได้รู้สึกว่าคงหมดเรื่องที่กาฮีอยากรู้แล้วหรือเรียกอีกอย่างคือเธออาจจะหมดความจำที่จะอยู่ต่อไปแล้วนั่นเอง
แต่พอร่างเล็กจะหันหลังกลับไปก็ต้องหยุดนิ่งเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงบีบที่ข้อมือ แทงกูหันหลับไปมองร่างสูงอีกครั้งเชิงจะถามว่ามีอะไรอีก
"งั้นบอกหน่อยได้ไหมใครคือคนนั้น" กาฮีเอ่ยถามคนตัวเล็กเสียงแผ่ว ในเวลานี้เพียงแค่อยากจะรู้ว่าใครกันที่เป็นผู้โชคดีคนนั้นที่สามารถทำให้คนอย่างแทงกูหลงรักได้จริงๆ
"ชั้นบอกได้แค่ว่าสัมหรับชั้นแล้ว...ยังไงเจสสิก้าก็สำคัญที่สุด" แทงกูคงบอกได้เพียงแค่นั้นเพราะมันเป็นเพียงเรื่องจริงเรื่องเดียวที่เธอมั่นใจ
"คืนนี้ชั้นขออยู่กับเธอได้ไหม" แทงกูเลิกคิ้วอย่างแปลกใจที่ได้ยินประโยคขอร้องแบบนั้นจากกาฮี คิดไม่ถึงจริงๆว่ากาฮีจะยังอยากเห็นหน้าเธออยู่
แต่เอาเถอะในเมื่อเค้ากล้าขอเธอเองก็ต้องกล้าให้ แทงกูไม่ได้ตอบอะไรกลับไปอีกเพียงหันกายกลับไปหาอีกฝ่ายเพื่อให้เค้ารู้ว่าเธอจะอยู่ตามคำขอของเค้า
กาฮีรวบร่างเล็กมากอดไว้แน่นอยากจะซึมซับทุกๆอย่างของคนๆนี้ไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เปลือกตาถูกปิดลงพร้อมกับริมฝีปากที่แม้มเข้าหากันแน่น
...เจสสิก้ามีอะไรดีกันนะทำไมใครๆถึงต้องประคบประหงมกันขนาดนั้น...
เมื่อกาฮีกลับไปนึกถึงตั้งแต่ที่ทิฟฟานี่บอกว่าฆ่าแทคยอนเพราะอะไรแล้วแทยอนก็ยังไปขอบใจทิฟฟานี่และหันกลับมาบอกกับกาฮีอีกว่าแคร์ความรู้สึกเจสสิก้าที่สุด
ไม่พอแค่นั้นคำตอบจากปากแทงกูยังตอกย้ำหัวใจเธออยู่ซ้ำๆว่าเจสสิก้าสำคัญที่สุดหรับแทงกูอีก



เมื่อคืนก่อน...
หลังจากที่รอให้เจสสิก้าแข่งจบในรอบสุดท้ายนั้นยูริจึงได้ขอคุยกับแทงกูเป็นการส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องของทิฟฟานี่
"ฉันรู้ว่าคุณอยากรู้และมั่นใจเรื่องของทิฟฟานี่มากกว่านี้" ยูริเอ่ยประโยคแทงใจคนตัวเล็กออกไปตรงๆ ยูริค่อนข้างมั่นใจถึงมั่นใจมากเลยทีเดียวว่าแทงกูยังสนใจทิฟฟานี่อยู่มาก
ยิ่งได้เห็นอาการของคนตัวเล็กหลังจากที่ถามว่าถ้าทิฟฟานี่ขอพบเค้าจะโอเคไหมนั้นยิ่งทำให้ยูริกล้าฟันธงเลยว่าแทงกูอยากเจอทิฟฟานี่มาก
แต่กลับแสดงความเย็นชาออกมาเพื่อปกปิดความรู้สึกภายใน
"แล้วคุณมีอะไรดีๆมาเสนองั้นเหรอ" หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่เพียงไม่นานแทงกูก็ตัดสินใจถามร่างสูงไปอย่างนั้น
ก็จริงอยู่ที่เธอยังคงอยากรู้รายละเอียดของทิฟฟานี่ให้มากกว่านี้ถึงแม้ว่าในเวลานี้อาจจะไม่ได้พบปะพูดคุยกันบ่อยๆเหมือนเมื่อก่อนก็เถอะ
เพราะถึงยังไงแทงกูก็รู้หัวใจตัวเองดีว่าเธอรู้สึกอะไรกับทิฟฟานี่
"ฉันก็แค่จะขอให้คุณร่วมมือโดยการไปพบทิฟฟานี่ตามที่ฉันนัด เพราะการพบคุณหนึ่งครั้งทิฟฟานี่จะต้องแลกด้วยการตอบคำถามฉันหนึ่งเรื่อง
ไม่ต้องห่วงนะเรื่องนี้เราจะไม่บอกเจสสิก้า โอเคไหม" เพราะยูริรู้ดีว่าแทงกูยังคงไม่อยากให้เจสสิก้ารับรู้เรื่องทิฟฟานี่เสียเท่าไร
และในข้อตกลงนั้นแทงกูก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายเลยมีได้กับได้ด้วยซ้ำ
"อืมก็ดีเหมือนกันแล้วนัดมาแล้วกัน"


"เป็นอะไรไปทำไมวันนี้ดูแปลกๆ"
ยูริเอ่ยถามหญิงสาวเมื่อรู้สึกได้ว่าวันนี้ทิฟฟานี้ดูแปลกไปร่างบางเงียบขรึมไม่ร่าเริงไม่โวยวายเหมือนปรกติที่เคยเป็น
"เปล่าหรอกว่าแต่เราจะเริ่มได้หรือยัง" ทิฟฟานี่ไม่รู้หรอกว่ายูริรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนหรือเปล่าแต่การเลือกที่จะไม่พูดอะไรน่าจะเป็นการดีที่สุด
ร่างบางเพียงครุ่นคิดแปลกใจและพยายามหาคำตอบเพื่อไขข้อข้องใจของตัวเองก็เท่านั้น
"งั้นก็ได้ เธอสังหารครอบครัวของชอนดุงจริงๆใช่ไหมและเพราะอะไร" ทิฟฟานี่ขมวดคิ้วหันขวับมองหน้ายูริอย่างไม่เข้าใจ
จู่ๆทำไมถึงได้มาถามเธอเรื่องนี้ได้ แต่ยังไงซะตอบไปก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่
"อืม...เหตุผลเพราะเขาสังหารครอบครัวชั้นก่อน" คราวนี้กลายเป็นยูริที่เริ่มขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
มันแปลกเกินไปที่ชอนดุงจะไปรอบสังหารสังหารครอบครัวทิฟฟานี่ได้ เด็กนั่นเพิ่งจะมีฝีมือการต่อสู้เมื่อไม่นานมานี่เอง
"แน่ใจนะว่าไม่ได้มีการเข้าใจผิดอะไรน่ะ แล้วเธอรู้ตัวคนที่ลงมือกับครอบครัวเธอหรือเปล่า"
"ก็หมอนั่นนั่นแหละชั้นเห็นอยู่กับตา"
"เท่าที่ชั้นรู้มาครอบครัวเธอเป็นเชลล่าขั้นสูงเหมือนกันไม่ใช่เหรอไง" ทิฟฟานี่พยักหน้ารับถึงแม้จะอยากรู้ว่ายูริรู้เรื่องครอบครัวเธอได้ยังไงและอยากรู้ว่ายูริถามเรื่องนี้ไปเพื่ออะไร
แต่ร่างบางก็ยังคงเก็บคำถามเหล่านั้นไว้ ทิฟฟานี่ถอนหายใจออกมาเบาๆเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วสิว่าการที่คำข้อตกลงกับยูริไว้นั้นจะเป็นผลดีจริงๆ
ยูริลอบมองทิฟฟานี่อยู่เป็นระยะๆในขณะที่ทำการรวบรวมข้อมูลส่วนตรงเรื่องของชอนดุงและทิฟฟานี่ ยิ่งได้รับการยืนยันจากทิฟฟานี่ก็ยิ่งทำให้ร่างสูงนั้นสับสนมึนงงมากขึ่นอีก
"เธอเห็นงั้นก็แสดงว่าเธออยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย? แล้วเห็นหรือเปล่าว่าพวกนั้นไปกันกี่คน แล้วทำไมเธอกับน้องชายฝาแฝดของเธอถึงรอดมาได้"
"มีผู้หญิงไปกับหมอนั่นอีกคนนึง ที่พวกชั้นรอดมาได้ก็เพราะซ่อนตัวอยู่" ทิฟฟานี่ตอบพลางนึกย้อนกลับไปยังวันที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต
วันที่ทั้งพ่อและแม่ของเธอถูกสังหารต่อหน้าต่อตา ทั้งที่ขึ้นชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุด ณเวลานั้นแต่ก็ถูกโค่นลงเสียง่ายดายด้วยการจู่โจมเพียงครั้งเดียว
จนหลายครั้งที่ทิฟฟานี่นึกสงสัยว่าผู้เป็นบิดาของเธอนั้นแข็งแกร่งจริงๆงั้นเหรอ ถึงแม้อาจจะเป็นสิ่งที่ไม่น่าคิดเลยแต่มันก็อดรู้สึกไม่ได้




"ตื่นได้แล้วเด็กขี้เซา~" แทยอนขยับขึ้นไปนั่งคร่อมร่างสูงที่ยังคงนอนคุดคู้อยู่เตียงของเธอ แหมหลับก็หลับก่อนยังจะมาตื่นสายกว่าอีก
แทยอนประกบเรียวปากเข้ากับส่วนเดียวกันของยุนอย่างหนักหน่วงด้วยความหมั่นไส้เล็กๆหวังปลุกให้อีกคนตื่นจากนิทราเสียที
"อื้อ~แทย๊อน~..." และมันได้ผลยุนอาปรือเปลือกตาขึ้นพร้อมกลับครางท้วงเบาๆในลำคอ แต่ถึงจะอย่างนั้นมือเรียวของยุนอาก็ยังคงรั้งร่างเล็กเข้ามาให้แนบชิดกันมากขึ้นอีก
"อะไรคะยั่วแต่เช้าเลย" เมื่อแลกจูบกันจนพอใจแล้วยุนอาจึงผละใบหน้าออกพลางเอ่ยแซวคนบนร่างเล็กน้อย
แทยอนได้ยินอย่างนั้นก็ยกยิ้มยั่วอีกฝ่ายพลางโน้มใบหน้าลงส่งปลายลิ้นออกไปและเล็มใบหูนุ่มของคนใต้ร่างช้าๆก่อนจะกระซิบเสียงพร่า
"ชิ่งหลับก่อนไม่น่ารักเลยนะ รู้หรือเปล่าหึ้ม~"
ยุนอาหัวเราะเบาๆอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อได้ยินแทยอนเอ่ยอย่างนั้นเมื่อคืนเธอหลับก่อนแทยอนก็จริงแต่ตอนนี้เธอกำลังจะไถ่โทษให้แทยอนจนพอใจเลย

cut...


"พี่คะขอถามอะไรหน่อยสิ" แทยอนที่ยังคงเปลือยกายอยู่บนร่างของยุนอาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเชิงให้ยุนอาพูดต่อหลังจากที่ได้ยินประโยคขออนุญาตินั้น
"คือว่า...คุณคีย์คนนั้นน่ะ" แทยอนเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยคิดไว้อยู่แล้วเชียวว่ายุนอาจะต้องถามเรื่องนี้
เพราะคิดว่าจริงๆแล้วยุนอาคงข้องใจตั้งแต่วันที่มีปากเสียงกับลีทึกแล้วนั่นแหละแต่เธอก็ยังไม่มีโอกาสได้บอกยุนอาสักที
"คีย์...ทำไมเหรอคะ"
"คือคนเดียวกันกับที่พูดถึงตอนนั้นใช่ไหมอ่ะคะ"
"อื้มใช่คนเดียวกัน เขาเป็นลูกชายของเพื่อนพ่อที่เสียไปตั้งคีย์ยังอายุน้อยแล้วน่ะ พ่อพี่เลยเลี้ยงดูคีย์เหมือนลูกชายอีกคนถึงได้สนิทกัน"
ยุนอานอนฟังแทยอนเล่าอย่างตั้งใจพลางยกมือเกลี่ยปอยผมที่ปรกใบหน้าใสนั้นขึ้นไปทัดใบหูไว้
คีย์และแทยอนเคยเจอกันไม่บ่อยนักในวัยเด็กเนื่องจากคีย์นั้นอยู่กับพ่อของแทยอนที่แอลเอส่วนแทยอนก็อยู่กับแม่และน้องสาวที่เกาหลี
แทยอนและคีย์จึงได้พบกันเพียงแค่ช่วงเวลาที่พ่อของแทยอนกลับมาเยี่ยมเท่านั้น แต่เมื่อทั้งคู่เติบโตขึ้นก็ได้พบกันบ่อยขึ้น
บางครั้งแทยอนก็ไปเที่ยวแอลเอกับเจสสิก้าบ้างหรือบางทีคีย์ก็มาเยี่ยมที่เกาหลีบ้างจึงทำให้ทั้งแทยอนเจสสิก้าและคีย์สนิทสนมกัน
"แล้วทำไมวันนั้นพี่ถึงพูดเหมือนกับว่าจะไม่ได้เจอกับคุณคีย์อีกล่ะคะ" มาถึงคำถามนี้แทยอนก็ได้แต่ระบายลมหายใจออกมาเบาๆพลางสบตายุนอาอย่างมีความหมาย

"ดูแล้วสภาพตอนนี้ของคีย์คงไม่เรียกว่าเหมือนคนปรกติหรอกจริงไหม และต้นเหตุก็คือลีทึกได้คิดจะฆ่าคีย์ด้วยวิธีที่ทรมานที่สุด"
"โหดร้ายย นี่อย่าบอกนะว่าลีทึกคิดทำแบบนั้นแค่เพราะเรื่องของพี่กับคุณคีย์น่ะ"
ยุนอาพอจะเดาออกเพราะจากเนื้อหาใจความที่ได้ยินแทยอนมีปากเสียงกับลีทึกวันนั้นแล้วก็พอจะเดาได้ไม่ยากเท่าไร
และพอได้รับคำตอบจากแทยอนเป็นการครางรับเบาๆ นั้นก็ยิ่งรู้สึกว่าลีทึกนั้นเป็นผู้ชายที่แย่มากๆ
"ยุนเคยได้ยินเรื่องชุบชีวิตเชลล่าไหม"
"เคยได้ยินว่ามันคือความเชื่อที่จะชุบชีวิตเชลล่าที่ตายนั้นมันต้องหามนุษย์หรือเชลล่าบริสุทธิ์มาร่วมทำสิ่งที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เชลล่าคนตายซ้ำอีกครั้งตอนทำพิธีชุบอ่ะ
แต่ยุนก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร เดี๋ยวนะอย่าบอกนะว่าคุณคีย์..."
ยุนอาเบิกตากว้างมองหน้าคนรักอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตัวเองประมวลผลได้ เพราะไม่เคยคิดเลยว่าการชุบชีวิตคนตายจะมีอยู่จริง
"เรียกคีย์เฉยๆก็พอ ใช่คีย์น่ะตายไปแล้วแต่ถูกชุบชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง"
"ความเชื่อนั่นมันคือความจริงที่เป็นไปได้จริงเหรอคะ...ไม่อยากเชื่อเลย" ยุนอายังคงอยู่ในอาการไม่อยากเชื่อความจริงเท่าไรนัก
แล้วแบบนี้ความตายจะมีความหมายอะไรในเมื่อมีการชุบชีวิตกันขึ้นมาได้แบบนี้แม้จะรู้ว่ามันไม่ใช่พิธีที่ทำสำเร็จได้ง่ายๆแต่ที่แน่ๆตอนนี้ยุนอาก็ได้รู้ว่ามีเชลล่าถูกชุบชีวิตขึ้นมาได้แล้ว
"เชื่อเถอะค่ะที่รัก แต่พิธีชุบชีวิตนั้นสามารถเกิดขึ้นได้เพียงคนละหนึ่งครั้งเท่านั้นไม่มีครั้งที่สองแน่นอนค่ะ"
แทยอนอธิบายให้เด็กน้อยของเธอฟังอย่างใจเย็น มองหน้ายุนอาในตอนนี้แทยอนก็อดยิ้มไม่ได้เลยจริงๆ ร่างสูงนี้ช่างจะเป็นคนที่แสดงความรู้สึกออกมาตรงๆได้สม่ำเสมอมาก....






From...Writer

มาอัพแววววว คือเอาจริงๆแล้วอยากอัพบ่อยๆมากง่ะแต่แบบ...ตันคร่ะ งิงิ แชปนี้ค่อนข้างไขปริศนาย่อยๆ(ขอย้ำว่าย่อยๆ5555)ไปบางส่วนบ้างแล้วเนอะ 
แต่ก็จะไม่บอกหรอกว่าเรื่องนี้จะจบแล้ว 55555 เพราะคิดว่าอาจจะยังอีกยาว มั้ง...หึหึ...
คราวนี้ยุนแทเหมือนกลับมาทวงบัลลังค์หลังจากที่แชปที่แล้วไม่มีแจร้ เอิ๊กกก แชปนี้เลยขอสวีทวิดวิ้วหน่อยละกันเนอะ 
(สวีท??? หรือวีรกรรมของแทยอนถูกเปิดเผยโดยเจ้าตัวเอง งิงิ )

ฮั่นแน่~~~เจทิอะไรยังไงงงงงง ฮี่~
ทั้งแทยอนทั้งแทงกูเริ่มมีปฏิกิริยาแปลกๆเนอะว่าไหม *ยกยิ้มชั่วร้าย

เรื่องคีย์กับแทยอนแล้วก็ลีทึกมีใครสงสัยตรงไหนอีกหรือเปล่าคะ (เรื่องส่วนนี้เคียร์แล้วถ้าถามเพิ่มจะตอบให้ค่ะ งิงิ)

แล้วเรื่องกาฮีกับแทงกูมีคำถามเพิ่มเติมถามได้นะคะ เพิ่มเติมในส่วนของกาฮีกับแทงกูนะคะเผื่อใครลืมไปบ้างแล้ว งิงิ
ตอนในแชป XXII(22) มีช่วงนึงที่มีคนสองคนไปพบเจอกันแล้วไรท์เตอร์ไม่ได้เขียนชื่อระบุให้รู้แน่ชัดว่าใคร เฉลยคือแทงกูกับกาฮีนะคะ
แล้วก็มี่ในแชป XI(9) ช่วงท้ายๆแชปก่อนที่แทงกูจะนำ Red Spinel มาให้เจสสิก้า คือก่อนหน้านั้นแทงกูรับมันมาจากกาฮีที่ร่องหนกายเข้ามาคุยด้วยนั่นเอง
ส่วนเจ้า Red Spinel เนี่ย มันคือเครื่องรางนำโชคที่ไม่ได้พบเจอกันง่ายๆเจสสิก้าถึงได้ค่อนข้างแปลกใจถึงตกใจตอนที่รับมันมาจากแทงกู สกิลคร่าวๆของ Red Spinel ก็ประมาณ Heal ผู้ที่ถือมันไว้ และด้วยความหากผู้ถือมีสกิล Heal อยู่แล้วอย่างเจสสิก้ามันจะเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น

เอ...แล้วมีอะไรอีกไหมนะ(คนเขียนยังมึน555) เอาเป็นว่าถามได้นะคะเผื่อเราขาดตกอะไรไปจะได้แก้ไข งิงิ


ปล.อย่าลืมนะคะเรื่องนี้ไว้ใจใครไม่ได้แม้กระทั่งไรท์เตอร์ หึหึ

ปล.2แต่บีมคิดว่าการอ่านท๊อกอาจจะช่วยให้รีดเดอร์เข้าใจมากขึ้น (มั้งคะ) >\\\<

ปล3.สำหรับเรื่องคำผิดนะคะยังมีอยู่อีกเยอะแยะ 5555+ บางคำบีมก็ตั้งใจใช้วิบัติเพื่อสื่อถึงอารมณ์ตัวละคร
แต่บางคำก็อาจจะพลั้งมือพิมพ์ผิดไป 555+ ขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยนะคะ แฮ่



ขอให้มีความสุขกับฟิคร่าา

No comments:

Post a Comment