Saturday, May 24, 2014
.....۞ Amulet Classic ۞..... [Chapter XXXIII]
Chapter XXXIII
ฟลึบ~ เพี๊ยะ!
เสียงแซ่ปลายยาวฟาดลงร่างกายของหญิงสาวซ้ำแล้วซ้ำแล้ว จนเวลานี้เรือนร่างของซูยองนั้นถูกอาบไปด้วยของเหลวสีแดงส่งกลิ่นคาวคลุ้งไปทั่วบริเวณ
ห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับผู้คนได้นับหลายร้อยแต่กลับมีเพียงความรู้สึกอึดอัดอัดอั้นทุกครั้งที่ได้ก้าวเข้ามา
แม้ในห้องจะมีคนอยู่เพียงไม่กี่สิบคนแต่ความรู้สึกเหมือนผู้คนอัดแน่นจนแทบมองไม่เห็นสิ่งใด
แทบจะมองไม่เห็นคนไร้หัวใจที่กำลังวาดแซ่ในมือมากระทบกับผิวเนื้อของเธออยู่ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
"งานง่ายๆแค่นี้ ทำไมแกถึงทำพลาด!!! ซูยอง!!!"
ขึ้นเสียงตวาดกร้าวใส่อย่างโกรธเกรี้ยวทั้งที่มือก็ยังคงไม่อยู่ทำร้ายร่างกายของผู้ที่ถูกตรึงไว้ด้วยโซ่อยู่ตรงหน้า
"คุณแอมเบอ... ชั้นไม่คิดว่าแทยอนจะแกร่งขนาดนั้น ชั้นขออภัย... อึก!"
ยังไม่ทันที่ซูยองจะเอ่ยจบประโยคดีปลายเรียวยาวของแซ่เหล็กก็ปะทะเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง ดวงหน้าคมสะบัดหันไปตามแรงถึงจะเจ็บจนน้ำใสๆปริ่มที่หางตา
แต่ซูยองก็ยังคงสะกดกลั้นความเจ็บปวดพวกนั้นไว้ไม่ให้มีเสียงเร็ดลอดออกมาจากริมฝีปากเรียวแม้แต่น้อย
ไม่ต้องการแสดงถึงความอ่อนแอออกมาไม่ว่าจะด้วยทางไหนถึงจะแข็งแกร่งไม่พอที่จะสู้แทยอนได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าซูยองจะอ่อนหัด
"มันแกร่งมากขนาดนั้นเชียวหรือ..."
แอมเบอเอ่ยถามอย่างยียวนโทสะยิ่งนัก พร้อมกับแสยะยิ้มใส่ร่างสูงโย่งตรงหน้า
ไม่ใช่ว่าแอมเบอไม่รู้ว่าแทยอนนั้นแกร่งพอที่จะหักร่างของเชลล่าธรรมดาๆทั่วไปมาเล่นเป็นของเล่นได้ง่ายๆ
ก็เพราะรู้ไงถึงได้ส่งซูยองที่จัดอยู่ในเชลล่าระดับสูงแล้วไปจัดการ แต่เธอก็ได้รู้ว่าเธอยังประมาทแทยอนมากไป
แต่ก็เอาเถอะถือว่านั่นเป็นการลองเชิงไปก็แล้วกัน คิดได้ดังนั้นมุมปากก็กระตุกยกขึ้นเผยรอยยิ้มชั่วร้ายให้ผู้ด้อยกว่าได้เชยชม
"ปล่อยมันได้!..."
"ไอ้หยอง!!!"
เสียงหวานแว๊ดขึ้นดังลั่นฉุดสติที่หลุดลอยไปของซูยองกลับมา หลังจากที่สเตฟานี่เอ่ยเรียกอยู่หลายหน
"อ่ะ..ห่ะ..เอ่อว่าไงฟานี่"
ซูสะบัดหน้าไปมาเพื่อไล่ภาพความทรงจำแย่ๆที่เพิ่งประสบมาเมื่อไม่กี่วันก่อน แล้วหันไปเลิกคิ้วใส่เพื่อนหน้าหวานราวกับไม่มีอันไรเกิดขึ้น
ซูยองไม่ได้เล่าถึงเรื่องแย่ๆที่แอมเบอทำกับเธอให้สเตฟานี่ฟังเธอเพียงแค่บอกว่าไปพบแอมเบอมาหลังจากที่ประมาทฝีมือแทยอนไป
ไม่อย่างนั้นมีหวังเพื่อนอารมณ์ร้อนอย่างสเตฟานี่ได้บุกไปเอาเรื่องแอมเบอเป็นแน่ และถ้าเป็นอย่างนั้นซูยองก็เกรงว่าคนที่จะเจ็บตัวนั้นคือสเตฟานี่เสียเอง
"รอนี่แหละเดี๋ยวชั้นลงไปเอง"
เมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนตัวโย่งที่ดูไม่ค่อยดีแล้วสเตฟานี่จึงเอ่ยไปอย่างนั้น ก่อนจะเปิดประตูก้าวลงจากรถ
ร่างบางก้าวเข้ามายังร้านอาหารที่คุ้นเคยจัดการสั่งรายการอาหารและให้ทางร้านบริการเดลิเวอร์รี่ตามเคย
แต่เมื่อสายตาตวัดไปพบเข้ากับร่างของใครบางคนที่คุ้นตาถึงแม้จะเห็นเพียงด้านหลังสเตฟานี่จำได้แม่นว่าใคร
แล้วก็ต้องยกคิ้วเรียวขึ้นอย่างอดแปลกใจไม่ได้ ไวเท่าความคิดสองเท้าก้าวไปจนถึงโต๊ะที่บุคคลนั้นนั่งอยู่
"แปลกจังทำไมมานั่งอยู่คนเดียวนะ"
ว่าพลางหย่อนกายนั่งลงยังฝั่งตรงข้ามอย่างถือวิสาสะ
พลางมองซ้ายมองขวาเพื่อความแน่ใจว่าคนคนตรงหน้านั้นมาคนเดียวจริงๆ ไม่มีหิ้วหรือพาใครมาด้วยทั้งนั้น
"ชั้นจะมาคนเดียวหรือมากับใครมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธออยู่แล้ว"
เมื่อเงยหน้ามองคนเข้ามาทักทายเสียงเรียบที่ไม่สื่อถึงอารมณ์ใดก็ถูกส่งออกไปเป็นคำตอบ
แล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่นราวกับว่าไม่อยากจะพบหน้าผู้หญิงคนนี้อย่างนั้นแหละ
สเตฟานี่เห็นท่าทางที่อีกฝ่ายแสดงออกมาก็อดยิ้มส่ายหน้าเบาๆอย่างเสียไม่ได้
"อะไรกัน ยังโกรธชั้นอยู่อีกเหรอ ยุนอา~"
สเตฟานี่เอ่ยเสียงหวานถามอีกฝ่าย ก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรว่ายุนอาจะยังโกรธเธออยู่หรือหรือจะโกรธเรื่องไหน
แต่เอาเถอะสัมหรับตอนนี้การได้เจอยุนอาเพียงลำพังอาจจะเป็นผลดีต่อเธอก็เป็นได้
ยุนอาที่ได้ยินเสียงหวานเอ่ยถามอย่างนั้นก็กลับหันหน้ามาสบตาอีกคน
เพราะถึงจะนึกอย่างไรเธอก็ไม่สามารถนึกออกเลยว่าเธอกำลังโกรธเคืองอะไรสเตฟานี่หรือทิฟฟานี่อยู่งั้นเหรอ
นั่นสิเธอโกรธอะไรผู้หญิงสวยๆคนนี้อยู่ล่ะ เมื่อหาคำตอบไม่ได้ร่างสูงก็ได้แต่ระบายลมหายออกมาเบาๆ
"มีเรื่องอยากถามหน่อยได้หรือเปล่า"
สเตฟานี่พอจะเดาออกอยู่ว่าท่าทางแบบนั้นของยุนอาน่ะหมายความว่าเค้าอาจจะไม่ได้โกรธเคืองอะไรเธออยู่
เสียงหวานจึงเอ่ยยิงประโยคต่อไปอย่างใจร้อน ด้วยความอยากรู้
ยุนอาเลิกคิ้วเล็กน้อยเชิงให้ถามต่อ แต่ไม่มันไม่ได้หมายความว่ายุนอาจะตอบทั้งหมดทุกคำถามที่สเตฟานี่ถามมา
"ชั้นคิดว่าถามตรงนี้คงไม่ดีนะ"
"จะถามอะไรล่ะ"
"เจ้าของชั้นกับแฟนเธอ..."
ยังไม่ทันที่สเตฟานี่จะพูดจบยุนอาก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้เพยิดหน้าเล็กน้อยเชิงให้ร่างบางเดินตามมา
เพียงแค่รับรู้ว่าเรื่องของใครทุกอย่างรอบกายก็ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้น
"จะถามอะไรก็ถามมา แต่ไม่รับประกันนะว่าจะตอบได้หมด"
สุดท้ายทั้งสองก็ขึ้นมานั่งอยู่บนรถของยุนอา เมื่อปิดประตูเรียบร้อยแล้วเจ้าของรถจึงได้เอ่ยปากบอกคนข้างๆ
แต่เมื่ออยู่กันตามลำพังในพื้นที่ที่ค่อนข้างจะเป็นส่วนตัวอยู่หน่อยร่างของสเตฟานี่ก็เปลี่ยนไป
ดวงตาที่เคยมีสีน้ำตาลเข้มเริ่มจางหายไปจนกลายเป็นสีเงินเงาที่น่าหลงใหลยิ่งขึ้น
ร่างกายที่เคยมีส่วนสูงเทียบเท่ากับยุนอาจนบางครั้งก็อาจจะดูสูงกว่าเสียด้วยซ้ำ
ก็หดเล็กลงเหลือเพียงร่างบางที่สูงเพียงเฉียดใบหูของยุนอาเท่านั้น
"นี่... ช่วยอยากเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ไหม ถึงชั้นจะรู้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าชั้นจะคุ้นชินนะ"
ยุนอาเอ่ยออกไปตามความรู้สึก ก็แน่ล่ะเป็นใครก็รู้สึกแปลกกันหมดนั่นแหละ อยู่ๆนึกจะเปลี่ยนร่างก็เปลี่ยนไปเสียเฉยๆ
สเตฟานี่ที่ตอนนี้อยู่ในร่างที่เป็นทิฟฟานี่แล้วก็อดหัวเราะคิกคักอย่างใจอย่างเสียไม่ได้ กับความตรงไปตรงมาของคนตรงหน้า
ยุนอาไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริงๆ จากวันแรกที่เราได้รู้จักกันได้คบกันจนกระทั่งเลิกลากันไป
และตอนนี้ร่างสูงตรงหน้านี้ก็ยังเหมือนเดิม ความซื่อตรงนั้นที่เป็นดั่งท่าไม้ตายที่สามารถทำให้ใครต่อใครพ่ายแพ้ให้กับคนคนนี้ได้อย่างง่ายดาย
"ทำไมอ่ะ ไม่ได้เหรอ เอ๊ะหรือกลัวว่าจะหวั่นไหวกันคะเด็กน้อย~"
นิ้วเรียวถูกส่งไปเกาคางคนอายุน้อยกว่าเล่นอย่างล้อ พร้อมทั้งเสียงหวานเย้ายวนที่เอ่ยทีเล่นทีจริงนั้นอีก
ยุนอาเบือนหน้าหนีปลายนิ้วเรียวของคนอายุมากกว่าที่ล้อเลียนเธออยู่เล็กน้อยพลางส่งเสียงครางท้วงในลำคอเชิงให้อีกคนเลิกเล่นเสียที
"โอเคๆไม่แกล้งแล้ว ...คือชั้นอยากรู้ว่าสองคนนั้นเป็นอะไรกันน่ะ"
ทิฟฟานี่หัวเราะเบาๆกำลังนึกสนุกกับการได้แกล้งยุนอาอยู่เชียว แต่ก็ยอมละมือออกมาก่อนที่จะอยากแกล้งอีกคนไปมากกว่านี้ พลางเอ่ยคำถามที่ค้างคาในใจ
เจอคำถามแรกยุนอาก็ถึงกับหันขวับมองดวงหน้าสวยหวานนั้นอย่างแปลกใจ อะไรมาดลใจให้ทิฟฟานี่อยากรู้เรื่องนี้กัน
"แล้วทำไมถึงไม่ลองถามพี่แทงกูดูล่ะ"
นั่นสิในเมื่อแทงกูก็ดูจะยอมตามใจทิฟฟานี่มากขนาดนี้แล้วทำไมทิฟฟานี่ถึงไม่คิดจะลองถามดูบ้างล่ะ
"จะบ้าเหรอ ใครจะไปกล้าถามเกิดแทงกูไม่พอใจขึ้นมาชั้นก็แย่สิ แล้วอีกอย่างแทงกูก็ไม่เคยรู้ด้วยว่าชั้นรู้จักแทยอน เกิดเค้าถามขึ้นมาชั้นจะตอบว่าอะไรล่ะ"
"นั่นสินะเธอจะตอบว่าอะไรล่ะ"
ยุนอาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าทิฟฟานี่จะตอบว่าอย่างไร
"ก็...เท่าที่เธอรู้นั่นแหละว่าชั้นรู้จักแทยอนได้ยังไง"
ทิฟฟานี่เลือกจะบอกยุนอาเพียงเท่านั้นเพราะหากเธอบอกไปทั้งหมดยุนอาคงได้เคืองเธออีกเป็นแน่
และก็แทนที่เธอจะได้ตัวช่วยอย่างยุนอาก็กลับเป็นว่าไม่ได้อะไรเลย
...ใครจะไปบอกล่ะว่าชั้นน่ะเคยจูบกับแฟนเธอมาแล้วน่ะ...
"งั้น...แล้วทำไมถึงคิดว่าพี่แทงกูกับพี่แทยอนต้องเป็นอะไรกันด้วยล่ะ"
ยุนอาถามออกไปตรงๆเพราะไม่คิดว่าการรู้จักกันเพียงแค่ผิวเผินระหว่างทิฟฟานี่และแทยอนนั้นจะมีอะไรมาสะกิดใจให้มานึกถึงเรื่องนี้ได้
ทิฟฟานี่ได้ยินคำถามของยุนอาก็นิ่งไปเล็กน้อย จริงสิลืมไปเลยว่าเท่าที่ยุนอารู้เธอกับแทยอนแทบไม่ได้รู้จักอะไรกันมากมายเท่าไรเลยนี่นา
นอกจากเรื่องที่คุยในไลน์ของยุนอา
"นี่ตกลงชั้นมาถามเธอหรือมาให้เธอถามกันแน่เนี่ย"
ในเมื่อการเรียบเรียงคำตอบให้ยุนอานั้นมันแลดูจะวุ่นวาย ทิฟฟานี่จึงเลือกใช้วิธีนี้แทนเสียยังจะดีกว่า
"ก็แค่อยากรู้นี่..."
"ชั้นก็แค่รู้สึกว่าสองคนนั้นมีอะไรคล้ายๆกันเท่านั้นเอง ยิ่งตอนที่ได้ยินว่าแทยอนบอกว่า
ยังไงก็แคร์ความรู้สึกของเจสสิก้ามากที่สุดนะ ชั้นก็ยิ่งรู้สึก เพราะชั้นได้ยินแทงกูพูดประโยคนี้มาแทบจะนับไม่ท้วน"
ในเมื่อดูท่าแล้วยุนอาคงจะไม่ยอมบอกจนกว่าจะได้คำตอบ
สุดท้ายทิฟฟานี่จึงอ้างเหตุผลโลกแตกที่เธอเชื่อว่าถ้าใครได้ลองรู้จักกับสองคนนั้นแล้วต้องรู้สึกแบบนี้แน่นนอนออกไป
พร้อมกับเหตุผลส่วนตัวเล็กๆน้อยๆเสริมไปอีกหน่อย
"พี่น้อง..."
เมื่อได้คำตอบจากยุนอาแล้วทิฟฟานี่ก็เงียบไปหลายอึดใจ
คือก็อยากถามยุนอากลับไปอีกนะว่าเค้ารู้มาจากไหนและสองคนนั้นเป็นพี่น้องกันแน่นอนร้อยเปอร์เซนหรือเปล่า
แต่หากถามออกไปมันจะดูแย่เกินไปหรือเปล่านะ
"งั้น...แล้วใครพี่ใครน้องง่ะ"
คราวนี้กลายเป็นยุนอาเสียเองที่นิ่งไป ก็จะให้ตอบอย่างไรล่ะในเมื่อเธอเองก็ยังไม่แน่ใจ
แถมยังรู้สึกแย่ขึ้นมาอีกเรื่องของแฟนตัวเองแท้ๆก็ยังไม่รู้ ร่างสูงระบายลมหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
จนทิฟฟานี่พอจะสามารถเดาได้ว่ายุนอาอาจจะไม่รู้ข้อมูลส่วนตรงนี้เหมือนกัน
"ยุนอา...ถ้าคำถามนั้นมันทำให้รู้สึกแย่ ก็ลืมมันไปเถอะ"
เมื่อรู้สึกว่าคำถามของตัวเองนั้นเริ่มจะสร้างปัญหาให้อีกฝ่ายทุกข์ใจ
ทิฟฟานี่จึงเลือกที่จะไม่รับคำตอบดีกว่า พลางเอื้อมมือไปกุมส่วนเดียวกันของอีกไว้หลวมๆ
ยุนอาหลุบมองมือตัวเองที่ถูกอุ้งมืออุ่นของทิฟฟานี่กุมไว้นั้นก็ได้แต่คิด
นี่ความคิดความรู้สึกเธอมันแสดงออกไปชัดเจนขนาดนั้นเชียวหรือ แม้แต่ทิฟฟานี่ยังดูออก แย่จังเลยนะ...
"แย่แล้ว!"
ยุนอาอุทานขึ้นมาเมื่อมีรถสปอตที่คุ้นตานั้นมาจอดเทียบข้างๆรถเธอ
เพราะมองเพียงหางตายุนอาก็สามารถรู้ได้ในทันทีว่านั่นคือรถของแทยอน
"หือ...กลัวแทยอนเข้าใจผิดหรือไง"
ทิฟฟานี่ถามขึ้นเมื่อได้เห็นบุคคลที่เพิ่งก้าวลงจากรถ ปรากฎว่าเป็นแทยอนแล้วเจสสิก้านั่นเอง ถึงได้เข้าใจว่าเมื่อครู่นี้ยุนอาอุทานเรื่องอะไร
"ก็แน่ล่ะ"
"ก็รอให้เค้าเดินเข้าไปแล้วเธอค่อยตามเข้าไปสิ หรือจะให้ชั้นเข้าไปช่วยพูดก็ได้นะ"
ทิฟฟานี่เลิกคิ้วถาม แต่ยุนอากลับส่ายหน้าพรืด
"พี่แทยอนอาจจะไม่พอใจถ้าเธอปรากฎตัวต่อหน้าพี่สิก้า"
ร่างสูงเอ่ยพลางหันกลับไปมองใบหน้าหวานเชิงครุ่นคิด เพราะอย่างไรเสียเธอก็ได้รับรู้มาว่าครั้งที่แล้วแทยอนก็ไม่ได้สบอารมณ์นัก
ถึงแม้ว่าทิฟฟานี่จะปรากฎตัวเพื่อช่วยเจสสิก้าก็ตาม แต่ด้วยความที่ไม่มีทางเลือกแทยอนจึงแสดงกิริยาออกไปเพียงเฉยเมย
ทิฟฟานี่สบลึกเข้าไปในดวงตาสีเข้มที่ซื่อตรงนั้นก็รับรู้ได้ทันทีว่ายุนอาแคร์แทยอนมากแค่ไหน
และไม่ต้องการให้แทยอนเข้าใจอะไรผิดไปจากความเป็นจริงทั้งนั้น
"เป็นแทยอนนี่น่าอิจฉาจริงๆเลยนะ"
เมื่อรับรู้ถึงความรู้สึกภายในของยุนอาแล้วทิฟฟานี่ก็อดไม่ได้ที่จะหมั่นไส้และเอ่ยแซวออกไปอย่างนั้น
โดยที่ไม่ได่คิดอะไรจริงจังและมากมาย ก็แค่แซวเล่นๆไปตามประสาคนปากไวอย่างเธอก็เท่านั้น
ถึงแม้ว่ายุนอาจะรู้ดีว่าทิฟฟานี่เพียงแค่แซวเล่นแต่มันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึก...
ใบหน้าคมเคลื่อนเข้าใกล้ดวงหน้าหวานช้าๆจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มสบลึกเข้าไปยังดวงตาสีเงินเงาราวกับพยายามจะบอกอะไร
ทิฟฟานี่นิ่งไปเล็กน้อยเมื่อจู่ๆยุนอาก็เคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้เสียขนาดนั้น
ปลายจมูกโด่งทั้งสองสัมผัสเฉียดกันเล็กน้อยตอกย้ำให้ทั้งสองคนได้มั่นใจว่าใบหน้าของเราอยู่ใกล้กันแค่ไหน
ทิฟฟานี่ก็ไม่สามารถรู้ได้หรอกว่ายุนอาคิดจะทำอะไรอยู่แต่ร่างบางก็ไม่ได้ปัดป้องอะไร
เพราะในความรู้สึกลึกๆทิฟฟานี่ก็ยังคงรู้สึกว่ายุนอาไม่ทำอย่างนั้นหรอก
ร่างบางรู้สึกได้ถึงสัมผัสแผ่วเบาที่ริมฝีปากอวบอิ่ม ชั่วขณะนึงทิฟฟานี่แทบจะลืมหายใจแล้วค่อยๆหลุบตาลงมองเพื่อความมั่นใจ
ก็ได้เห็นว่าริมฝีปากของยุนอานั้นทาบอยู่บนเรียวนิ้วที่กั้นตรงกลางระหว่างกลีบปากของเรา
"เธอไม่ควรพูดอย่างนั้นออกมา เพราะในช่วงเวลานึงที่เธอเคยได้ยืนอยู่ตรงจุดนั้นแล้ว แต่เธอกลับโยนมันทิ้งไป"
เสียงแหบพร่าเอ่ยเพียงแผ่วเบาจนกลายเป็นเพียงแค่กระซิบ หากแต่มันชัดเจนในความรู้สึกของคนฟังยิ่งนัก
ยุนอาพูดเพียงเท่านั้นก็รีบจัดการลงจากรถโดยที่ไม่ลืมรอให้ทิฟฟานี่ลงมาจากอีกฝั่งด้วยเช่นกัน
ก่อนจะวิ่งตามแทยอนและเจสสิก้าเข้าไปในร้านอาหารตามที่นัดกันไว้
ทิฟฟานี่มองตามร่างสูงอย่างนิ่งๆใบหน้าหวานไม่ได้แสดงอารมณ์ใดออกมา
นึกย้อนกลับไปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่แล้วก็อดแปลกใจแปลกตัวเองไม่ได้
ที่รู้สึกไว้ใจยุนอามากขนาดไม่ยอมปัดป้องกิริยาใดจากร่างสูงเลยแม้แต่น้อย
พร้อมกับถามตัวเองย้อนไปย้อนมาว่าถ้าหากเมื่อครู่นี้ยุนอาจูบเธอ เธอจะยอมให้เค้าจูบหรือไง
ห้วงอารมณ์ของความสับสนนั้นถูกเจ้าตัวจัดการกดเก็บมันลงไปให้อยู่ลึกที่สุดของความรู้สึก
ก่อนจะกลับมานึกถึงเหตุการณ์ในปจุบันเมื่อว่าร่างสูงของยุนอานั้นวิ่งตรงเข้าประตูร้านอาหารไปพลางส่ายหน้าเบาๆอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อไรจะเลิกทำเหมือนเธอเป็นตัวอันตรายสัมหรับเจสสิก้าสักทีนะ
ทั้งๆที่ตัวเจสสิก้าเองก็บอกอยู่ว่าเค้าไม่เป็นอะไรแต่คนรอบข้างก็ยังทำเหมือนเจสสิก้าจะเป็นอะไรอยู่เรื่อย
"มาก่อนเวลาที่บอกไว้ตั้งยี่สิบนาทีแหนะ"
ยุนอาที่วิ่งไล่หลังแทยอนและเจสสิก้าเข้ามาก็ชลอความเร็วลงพลางเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ก็ทั้งสองคนบอกว่าติดลูกค้าคนสำคัญที่ร้านจึงให้ยุนอาล่วงหน้ามาก่อนนี่นา
"ถ้ามาตรงตามเวลาที่นัดก็คงไม่ได้เห็นคนเจ้าชู้แถวนี้แผงฤทธิ์น่ะสิ"
แทยอนเอ่ยโดยไม่ได้หันกลับไปมองเรียวหน้าคมของอีกฝ่ายพลางหย่อนกายนั่งลงฝั่งตรงข้ามเจสสิก้า
พงึ๊ก...ยุนอาแทบสะอึกหลังจากที่ได้ยินประโยคเหน็บแนมจากจากแฟนสาว เธอไม่คิดว่าแทยอนจะเห็น
ก็ในเมื่อเธอปรับกระจกรถให้มองจากภายนอกไม่เห็นแล้วนี่นา
"หึ๊มม? คนเจ้าชู้ที่ไหนคะไม่มีสักหน่อย"
ยุนอาเอ่ยต่อพลางหย่อนกายนั่งลงข้างๆแทยอนแทยอน เธอเลือกจะแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการไม่หลบสายทางทั้งแทยอนและเจสสิก้า
ในเมื่อระหว่างเธอและทิฟฟานี่ก็ไม่ได้มีอะไรและยุนอาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นกับทิฟฟานี่แล้วด้วย
"แล้วไปทำอะไรกันบนรถ"
แทยอนหันมาสบตาร่างสูงเธอเลือกที่จะไม่เอ่ยชื่อทิฟฟานี่ออกไป เพราะเห็นว่าเจสสิก้าก็อยู่ด้วย
หากแต่ในแววตาของยุนอาในตอนนี้ทำไมถึงได้มีความกังวนเกิดขึ้นมากันล่ะ...
"เอ่อ...เค้ามาถามเรื่องพี่แทงกูน่ะ"
ยุนอาปรับเสียงให้เบาลงจนแทบจะกลายเป็นการกระซิบ เพราะปรกติแล้วชื่อของแทงกูก็จะไม่ค่อยถูกเอ่ยในที่สาธารณะอยู่แล้ว
แถมคำตอบจากร่างสูงนั้นก็ทำให้คนอายุมากกว่าทั้งสองคนที่ได้ยินนั้นต้องขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างอดแปลกใจไม่ได้
ทั้งแทยอนและเจสสิก้าต่างก็รู้ดีว่าถึงยุนอาจะสนิทสนมจนคล้ายว่าจะเป็นคนพิเศษของแทงกูไปอีกคน
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ายุนอาจะได้รู้เรื่องของแทงกูมากกว่าคนอื่นนี่
"ฟานี่มาถามอะไรอ่ะยุน"
ครางนี้กลายเป็นเจสสิก้าเสียเองที่เอ่ยชื่อทิฟฟานี่ออกมาราวกับไม่ได้รู้สึกอะไร แถมเรียกสั้นๆแบบสนิทสนมกันขนาดนั้นอีกต่างหาก
แทนที่ยุนอาจะได้ตอบเจสสิก้ากลับกลายเป็นว่าทั้งยุนอาและแทยอนนั้นได้หันไปมองเจสสิก้าด้วยความแปลกใจ
เจสสิก้าเห็นกิริยานั้นของทั้งสองคนก็ได้แต่ถอนหายใจพรืดอย่างเซ็งอารมณ์
"ก็บอกแล้วไงว่าชั้นไม่ได้เป็นอะไร"
ตอกย้ำด้วยการใส่อารมณ์ในประโยคนั้นมากขึ้น เพื่อให้คนรับฟังนั้นได้เข้าใจความรู้สึกของเธอเสียที
"อ่อ..เอ่อ...เค้ามาถามว่าพี่แทงกับพี่แทเป็นอะไรกันน่ะ"
ยุนอายิ่งเอ่ยเสียงเบาหวิวมากเข้าไปอีกเมื่อได้พูดถึงคำถามที่พาให้เธอและทิฟฟานี่ต้องไปคุยกันบนรถ
แต่น่าแปลกใจที่แทยอนกับเจสสิก้าไม่ได้มีท่าทีกังวนว่าจะมีใครผ่านมาได้ยินหรือเปล่าเลยแม้แต่น้อย
แทยอนระบายลมหายใจออกมาเบาๆ พอจะเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมยุนอาและทิฟฟานี่ถึงต้องไปคุยกันในรถ
ว่าแต่...
"แล้วยุนตอบไปว่าอะไรอ่ะ"
"พี่น้อง...ยุนตอบไปแค่นั้นเพราะที่เหลือยุนก็ไม่รู้อะไรแล้ว"
ยุนอาตอบพลางก้มใบหน้าต่ำลง ทำไมถึงได้รู้สึกแย่ขนาดนี้กันยิ่งตรงประโยคที่ต้องบอกว่า'ไม่รู้อะไร'
แทยอนหันไปมองหน้ากับเจสสิก้าอย่างแปลกใจ เพราะเธอไม่เคยรู้ว่ายุนอาเคยรับรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเธอและแทงกูด้วย
เพยิดหน้าใส่ร่างบางเล็กน้อยเชิงเป็นคำถามว่าได้บอกเรื่องนี้กับยุนอาด้วยเหรอ
เจสสิก้าเพียงระบายลมหายใจออกมาเบาๆแล้วยกไหล่ขึ้นเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ให้แทยอนเป็นคำตอบ
หลังจากที่ได้คำตอบจากเพื่อนสาวแล้วแทยอนก็หันกลับมาสนให้แฟนเด็กอีกครั้ง
ทำไมเธอจะดูไม่ออกว่ายุนอากำลังรู้สึกอะไรกับประวัติที่ซับซ้อนของเธอ
มือเล็กเอื้อมไปกุมส่วนเดียวกันของอีกคนไว้ออกแรงบีบเบาๆอย่างปลอบโยน
ก่อนจะขยับกายเข้าใกล้ร่างสูงมากขึ้นอีกหน่อย แล้วยื่นใบหน้าเข้าไปตรงส่วนรับฟังใช้ฟันคมขบเบาๆเพื่อเป็นการเรียกสติ
จนรู้สึกได้ถึงแรงบีบเบาๆที่อุ้งมือกลับมา
"พี่ขอโทษนะคะที่ไม่เคยบอกอะไรให้ยุนรู้เลย เอาไว้พี่จะบอกทีหลังโอเคไหมคะ"
เสียงกระซิบหวานๆของแทยอนนั้นพาให้คนฟังรู้สึกดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ยุนอาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมเพียงเพราะแค่ได้ยินประโยคเชิงปลอบโยนแบบนั้นของแทยอนแล้วถึงได้รู้สึกดีขึ้นมาขนาดนี้
แต่ก็เอาเถอะเธอก็ไม่คิดจะรบเร้าก้าวก่ายอะไรแทยอนอยู่แล้ว หากแทยอนยังไม่พร้อมจะบอกเธอก็จะไม่เร่งรัด
ก็แค่บางครั้งมันก็อดรู้สึกอะไรไม่ได้เมื่อโดนสะกิดถูกจุด
แทยอนมองรอยยิ้มที่ถูกเผยออกมาบางๆของร่างสูงด้วยความรู้สึกมากมาย ไม่ใช่ว่าแทยอนไม่รู้สึกแย่ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกผิด
เธอบอกตัวเองอยู่หลายครั้งว่าสักวันนึงเธอจะบอกความจริงทั้งหมดให้ยุนอาได้รับรู้ แต่เมื่อไรเนี่ยสิ...
"อ่ะ..แฮ่ม! ร้านอาหารนะยะ มากินข้าวนะยะ ถ้าจะกินกันเองก็อันเชิญกลับบ้านไปย่ะ ชั้นอยู่รอตัลคนเดียวก็ได้"
เจสสิก้าเล็งเห็นว่าคนรอบข้างเริ่มจับโฟกัสมายังแทยอนที่นั่งเบียดร่างพร้อมแทะเล็มหูยุนอาเล่นอย่างออดอ้อนมากพอแล้ว
อีกทั้งยังรู้สึกหมั่นไส้ไอ้เพื่อนหื่นๆคนนี้ขึ้นมาเสียด้วยสิ
แทยอนค่อยๆผละร่างออกจากยุนอาอย่างเสียดาย แต่ก็นะโดนแซะขนาดนั้นแล้ว งั้น...เอาไว้ไปต่อที่บ้านก็ได้เนอะ =,,=
คิดอย่างนั้นปลายลิ้นร้อนก็ถูกส่งออกมาเลียกลีบปากเรียวของตัวเองอย่างอดไม่ได้
"ฮาย~ พี่แทพี่ยุน~และก็...พี่เจ~ จุ๊บ!"
คริสตัลที่เพิ่งมาถึงก็กล่าวทักทายพี่ๆพร้อมกันนั่งลงข้างเจสสิก้าและจุ๊บเข้าที่แก้มนุ่มของผู้เป็นพี่เบาๆ
ที่คริสตัลไม่ได้มาพร้อมแทยอนและเจสสิก้านั้นก็เพราะว่าเธอออกมาจากคฤหาสน์ส่วนเจสสิก้าและแทยอนนั้นออกมาจากร้านอาเชอร์คอฟฟี่
ด้วยระยะทางแล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปชกอะไรที่คริสตัลจะมาถึงช้ากว่าแม้จะออกมาจากคฤหาสน์ก่อนก็ตาม
"ย๊า!~คริสตัล!"
เจสสิก้าโวายวายน้องสาวพลางใช้มือเรียวดันใบหน้าทะเล้นๆของคริสตัลให้ออกห่างจากหน้าของตัวเอง
ทำอย่างกับเพิ่งเจอกันในรอบปีงั้นแหละ ทั้งๆที่เมื่อคืนก็นอนด้วยกันอยู่เลย
มื้อกลางวันถูกดำเนินอย่างค่อยเป็นค่อยไปทั้งสี่คนยังคงให้ความสนใจกับอาหารหลากหลายตรงหน้า
ไม่เว้นแม้กระทั่งยุนอาถึงแม้ว่าในสมองของเธอจะพยายามครุ่นคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่แสนเรือนราง
แต่ยุนอาก็พอจะนึกออกคร่าวๆว่าเธอเคยรับรู้มาว่าแทยอนนั้นมีน้องสาวอยู่คนนึงซึ่งไม่ได้สนิทกับเจ้าตัวสักเท่าไร
อาจจะด้วยช่วงอายุที่ห่างกันล่ะมั้งแต่นั่นก็เป็นเห็นผลที่ยุนอาเองก็ไม่ค่อยได้เจอกับน้องสาวของแทยอนเช่นกัน
แต่ที่แน่ๆน้องสาวของแทยอนในวัยเด็กนั้นไม่ได้มีชื่อว่าแทงกูแน่นอน
แต่การที่กลายมาเป็นเชลล่าแล้วเปลี่ยนชื่อนั้นคนอื่นๆเค้าก็ทำกันออกเยอะแยะนี่
...หรือว่าพี่แทงกูจะคือน้องสาวของแทยอนคนนั้นงั้นเหรอ...
~ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน...ยังฝันถึงเธอทุกคืน~
แสงจันทร์สีขาวนวลสาดส่องลงมากระทบร่างของหญิงสาว กาฮีนั่งนิ่งอยู่เพียงลำพังบนกิ่งไม้ใกล้ๆกับศาลาสีขาวหลังใหญ่ของฝั่งแทสซิส
เธอกำลังคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆที่เพิ่งได้รับฟังมาจากผู้เป็นมารดา
และเรื่องราวเหล่านั้นมันได้สร้างความรู้สึกเหมือนหัวใจที่บอบช้ำอยู่ก่อนแล้วนั้นถูกฉีกจนขาดวิ่น
ยิ่งได้ยินคำสั่งที่บอกให้พยายามทำให้ทิฟฟานี่และแทงกูมาพบเจอกันนั้นกาฮีก็แทบจะทรุดลงไปกองที่พื้น
ช่างต่างจากเมื่อหลายปีก่อนที่ต้องขัดขวางการพบกันระหว่างทิฟฟานี่และแทงกูยิ่งนัก
เพราะเกรงว่าอาจจะมีผลกระทบอันร้ายแรงเกิดขึ้นไม่ใช่แค่กับแทสซิส หรือใครแค่ไม่กี่คนแต่อาจจะคือสิ่งมีชีวิตทั้งโลก
หากไม่มีผู้พลิกผันโชคชตาอีกคนอย่างแอมเบอที่จู่ๆก็อัพตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นมาอย่างน่าตกใจ
จนชาวแทสซิสต้องเปลี่ยนแผนที่ว่าจะขัดขวางการพบกับของแทงกูและทิฟฟานี่กลายเป็นต้องช่วยให้สองคนนั้นพบกันให้มากขึ้นเสียอย่างนั้น
มือเรียวที่ถูกกำแน่นนั้นยกขึ้นมาทาบเข้ากับอกข้างซ้ายที่รู้สึกหน่วงๆอย่างบอกไม่ถูก
กาฮีก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะหลงรักใครได้มากขนาดนั้นแถมคนๆนั้นยังเป็นคนที่ไม่สมควรรักอีก
ไม่สิคนอย่างแทงกูน่ะไม่สมควรได้รับความรักจากใครทั้งนั้น
เพราะไม่ว่าใครที่ไปตกหลุมรักนางฟ้ามหาประลัยอย่างแทงกูแล้วผลที่ได้รับก็มีแต่เจ็บและเจ็บเท่านั้นแหละ
คงจะเว้นก็แต่เจสสิก้าล่ะมั้งคนที่แทงกูพูดอยู่เสมอว่าสำคัญที่สุด ก็แน่ล่ะในเมื่อแทงกูกับเจสสิก้าถูกสร้างมาคู่กันนี่
ทั้งที่เรื่องนี้กาฮีก็รู้ดีอยู่แก่ใจแต่ก็ไม่เคยคิดจะยอมรับจนกระทั่งวันนั้น ที่ได้ยินจากปากของแทงกูเองนั้นแหละ
ภาพของร่างสูงทั้งหมดนั้นยังคงอยู่ในสายตาของฮโยยอนและฮยอนอา
ทั้งคู่ก็ได้แต่ระบายลมหายใจออกมาเบาๆกับภาพตรงหน้า กาฮีที่เคยเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็งเป็นไหนๆ...
ฮโยยอนรู้ดีอยู่เต็มอกว่าขืนเธอบอกกาฮีไปลูกสาวคนโตของเธอจะต้องเป็นแบบนี้แน่
แต่เธอไม่มีทางเลือกนี่เพราะเวลาของโลกใบนี้เหลือน้อยลงเข้าทุกทีๆแล้ว
เธอยอมรับว่าการที่แทคยอนถูกสังหารนั้นเธอเองก็ยังทำใจไม่ได้แม้จะรู้อยู่ก่อนแล้วก็ตามที
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแทคยอนต้องตายเปล่า
ไม่มีความจำเป็นที่ฮโยยอนจะต้องโกรธแค้นทิฟฟานี่หรือใครก็ตามแต่ที่เกี่ยวข้องกับการตายของแทคยอน
เพราะสุดท้ายแล้วเธอรู้ดีว่าโชคชะตาไม่เคยละเว้นคนที่สร้างบาปอย่างแน่นอน
"แม่คะพี่กาฮีจะไหวเหรอ ให้หนูทำแทนก่อนก็ได้นะคะ"
ฮยอนอาเอ่ยเสียงกระซิบเพระเกรงว่าผู้เป็นพี่จะได้ยินเข้า เธอเห็นสิ่งที่กาฮีแสดงออกมาลับหลังสายตาผู้คนนั้น
ก็สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าพี่สาวคนนี้ของเธอน่ะเจ็บปวดแค่ไหน ถึงแม้ว่าต่อหน้าผู้คนมากมายกาฮีจะแสดงออกมาเพียงความนิ่งเฉยชา
นั่นก็เพื่อปรกปิดความอ่อนแอของตัวเองไว้ไม่ให้ใครเห็น
ฮโยยอนได้ยินประโยคที่ลูกสาวคนเล็กเอ่ยออกมาก็คิดไต่ตรองเล็กน้อยแม้มันฟังดูอาจจะเป็นงานที่ง่ายเพียงแค่การดลบรรดาให้คนสองคนมาพบกัน
แต่มันคงจะง่ายกว่านี้หากทั้งสองคนนั้นมีดวงตาธรรมดาๆเหมือนคนอื่น
แต่นี่ทั้ง Aquamarine Eyes และ Strength Eyes นั้นเพิ่มความสามารถในการมองเห็นของเจ้าของมัน
นั่นหมายความว่าสองคนนั้นจะมีเปอร์เซนมองเห็นร่างกายที่ร่องหนได้มากกว่าดวงตาปรกติน่ะสิ
แล้วฮยอนอาที่ยังไม่ได้แข็งแกร่งมากพออาจจะทำพลาดก็เป็นได้
ฮโยยอนระบายลมหายใจออกมาเบาๆก่อนจะพยักหน้าให้ลูกสาวคนเล็กเชิงเป็นคำตอบ
ในเมื่อการตัดสินใจใหม่ครั้งนี้ยังไม่ทำให้เธอเห็นนิมิตรที่ล้มเหลวเธอก็จำเป็นจะต้องให้ฮยอนอาทำแทนกาฮีไปก่อน
เพราะเวลามันไม่คอยใครหน้าไหนทั้งนั้น
*ในกรณีของฮโยยอน นี่นางจะรู้สิ่งที่เกิดขึ้นร่วงหน้าก็จริงแต่บางอย่างก็อาจจะถูกพลิกผัน
อย่างเรื่องนี้ที่ฮโยยอนมอบหมายหน้าที่ให้กาฮีบงการแล้วมาเปลี่ยนเป็นฮยอนอาแบบนี้
คือเอาง่ายๆการพลิกผันโชคชะตาของเรื่องนี้มีหลายวิธีง่ายๆเริ่มจากแค่การตัดสินใจ แต่ถึงจะถูกเปลี่ยนแล้วก็ไม่หมายความว่าฮโยยอนจะไม่เห็นอีกนะ
อีกสักนาทีหลังการตัดสินใจเดี๋ยวนางก็เห็น คือสุดท้ายฮโยยอนก็รู้ทุกอย่างก่อนที่เหตุการนั้นจะเกิดขึ้นหมดนั่นแหละ
เพียงแค่นางพูดออกมาได้ไม่หมดเท่านั้นเอง นางบอกได้แค่คำใบ้ก็หมายความว่าบอกคำตอบตรงๆไม่ได้นั่นเอง
อย่างเช่นฉากของกาฮีนั้นคือเราเลือกจะเขียนแบบที่ให้กาฮีสรุปใจความจากคำใบ้ของฮโยยอนมาให้รีดเดอร์อ่านเพื่อความเข้าใจง่ายขึ้น
เพราะไม่งั้นอาจจะเจอแบบ... หยดน้ำอันทรงเสน่ห์ เหล็กไหลที่ทรนง เปรวไฟสุดเร่าร้อน อะไรนั่นอีกเดี๋ยวจะยิ้งมึนเข้าไปใหญ่เนอะ
อันนี้ตัวละครตีความหมายง่ายๆให้ไปแล้วกัน แต่ไอ้สามประการนั้นยังไม่มีตัวละครไหนตีความหมายได้หมดไง
เพราะงั้นรีดเดอร์ก็ต้องมึนไปกับตัวละครนะคะ งิงิ
*
"ทำไมช่วงนี้คริสตัลมาได้บ่อยจังล่ะคะ"
นึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้เหมือนจะเจอคริสตัลถี่ขึ้นจากตอนแรกๆที่เพิ่งคบกับแทยอนเยอะเลย
เพราะยุนอาเคยถามจากแทยอนและได้รู้มาว่าคริสตัลนั้นเรียนอยู่ที่แอลเอจึงไม่สามารถมาพบหน้าพี่สาวได้บ่อยๆ
ยุนอาเอ่ยถามแฟนสาวหลังจากที่กลับจากร้านอาหารแล้วเจสสิก้าและคริสตัลก็ขอตัวแยกกลับไปที่คฤหาสน์
ส่วนแทยอนกลับบอกว่าจะนอนเฝ้าร้านหรือจริงๆแล้วอยากนอนกับยุนอาหรือเปล่านี่ก็ไม่แน่ใจ หึหึ
"จะตอบว่าไงดีล่ะ ก็ช่วงนี้พวกอะบีสก็ไม่น่าวางใจแล้วตัลก็อยู่ที่นั่นคนเดียวก็เลยกลับมาทุกครั้งที่ว่าง
เพื่อความปลอดภัยและได้ฝึกซ้อมอัพตัวเองไปด้วยอะไรแบบนั้น"
แทยอนที่นอนตะแคงชันศอกเท้าศีรษะอยู่บนเตียงนุ่มเอ่ยตอบแฟนสาวไปมือก็จดๆบัญชีลูกจ้างในร้านไป
จนรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากร่างกายอีกคนแนบเข้ามาที่แผ่นหลัง เธอเผยรอยยิ้มบางๆออกมาอย่างอดไม่ได้
เมื่อถูกร่างสูงสวมกอดจาดดันหลังพร้อมกับใช้ปลายจมูกโด่งๆนั้นคลอเคลียที่ข้างแก้มกดสูดกลิ่นจากผิวกายของร่างเล็กเข้าเต็มปอด
ก่อนจะเลื่อนไปพ่นลมหายใจอุ่นๆใส่ใบหูให้แทยอนสติแตกเล่น
"ยุนอา~อย่าเพิ่งยั่วสิคะ~ พี่ขอทำบัญชีเสร็จก่อน~"
แทยอนบ่นหงิงๆทำเสียงออดอ้อน ก็ยุนอามายั่วกันแบบนี้เธอจะเอาสมาธิที่ไหนมาทำบัญชีกันเล่า
ขืนปล่อยไปแบบนี้บัญชีร้านเธอได้ติดลบร้อยล้านเป็นแน่แท้
เสียงออดอ้อนของแทยอนนั้นยิ่งทำให้ยุนอาอยากจะแกล้งคนตัวเล็กนี้มากขึ้นไปอีก
ไวเท่าความคิดฟันคมถูกขบลงบนติ่งหูนุ่มๆของแทยอนอย่างหยอกล้อ จนคนถูกแกล้งต้องครางท้วง
โอเคๆยุนอาจะไม่แกล้งแทยอนแล้วก็ได้เดี๋ยวจะกลายเป็นสร้างความหงุดหงิดให้แทยอนเสียเปล่าๆ
เมื่อคิดได้ดังนั้นยุนอาจึงเลือกที่จะนอนกอดร่างเล็กไว้หลวมๆจากด้านหลัง
พลางมองตามรอยปากกาที่อีกคนเขียนยิกๆ ด้วยความคล้องแคล้วและว่องไว
...พี่ช่างเป็นคนที่เจ๋งไปเสียทุกอย่างจริงๆเลย พี่แทยอน...
ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีโดยปราศจากการก่อกวนอารมณ์(?)จากยุนอา
แทยอนก็จัดการกับสิ่งตรงหน้าเสร็จเรียบร้อย มือเล็กจัดการเก็บทุกอย่างไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง
ก่อนจะหันกลับมาสนใจอีกคน ที่เริ่มสร้างความปั่นป่วนให้กับเธออีกครั้ง
ด้วยการสอดมือเรียวเข้ามาใต้ชายเสื้อเชิ้ตสีอ่อนและลูบไล้อยู่แถวหน้าท้องแบนราบอยู่ชั่วครู่ก็เลื่อนสูงขึ้นอีก
ก่อนจะกอบกุมก้อนเนื้อนุ่มที่ปราศจากบราเซียปรกปิดนั้นไว้เต็มอุ้งมือแล้วนวดคลึงเบาๆ
แทยอนก็ไม่ได้ปัดป้องสัมผัสนั้นจากยุนอา หากแต่มือเล็กนั้นก็เอื้อมไปด้านหลังและลูบไล้ช่วงสะโพกผายของยุนอาอย่างปลุกเร้าเช่นกัน
ใบหน้าหวานใสเอี้ยวหันไปหาอีกคนด้านหลังก่อนที่กลีบปากอิ่มจะถูกบดเบียดเข้ามาด้วยส่วนเดียวกัน
ยุนอาขยับป้อนจูบให้แทยอนอย่างใจเย็นในขณะที่อุ้งมือจะคงทำหน้าที่ของมันอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
จนกลายเป็นแทยอนเสียเองที่กดจูบให้หนักหน่วงขึ้นพร้อมกับส่งเรียวลิ้นลุกล้ำเข้าไปในช่องปากของยุนอา
แล้วตวัดเก็บเกี่ยวความหอมหวานจากคนอายุน้อยกว่าอย่างช่ำชอง
แต่ยุนอาก็ไม่ปล่อยให้แทยอนเป็นผู้ลุกล้ำอยู่ฝ่ายเดียว ร่างสูงตวัดเรียวลิ้นเกี่ยวพันกับส่วนเดียวกันของอีกฝ่ายอย่างเร่าร้อนไม่ต่างกัน
มือเรียวที่เคล้นคลึงละจากเนินอกอิ่มเลื่อนต่ำลงมาเพื่อปลดกระดุมกางเกงยีนส์ที่แทยอนสวมใส่อยู่อย่างเบามือ ราวกับเกรงว่าอีกคนจะรู้ทันอย่างนั้นแหละ
มือเล็กเคยเคยลูบไล้สะโพกผายของคนด้านหลังอยู่นั้นก็เลื่อนไปบีบขย้ำที่บั้นท้ายสวยได้รูปของอีกฝ่ายตามอารมณ์
แทยอนขยับชันเข่าขึ้นข้างนึงเมื่อรู้สึกว่ายุนอาสอดมือเข้ามาในกางเกงยีนส์ตัวนอกของเธอเธอแล้ว
และเธอเองก็แทบจะทนรอสัมผัสจากยุนอาไม่ไหวแล้วเช่นกัน
ปลายนิ้วเรียวลากวนไปมาอยู่แถวท้องน้อยของร่างเล็กเริ่มขมวดเกร็งเป็นระยะๆ
เพราะความวาบหวามที่เกิดขึ้นจากอารมณ์รักยิ่งถูกยุนอาสัมผัสร่างกายของแทยอนก็ยิ่งร้อน
เสียงครางออดอ้อนในลำคอเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆราวกับจะบอกให้คนด้านหลังนั้นได้รับรู้ว่าเธอแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้วนะ
มือเล็กที่บีบขย้ำบั้นท้ายสวยได้รูปของอีกฝ่ายนั้นก็เลือนกลับมาลูบไล้ส่วนกลางกาย
ผ่านเนื้อผ้าของกางเกงยีนส์ที่ร่างสูงสวมใส่อยู่ เพื่อปลุกเร้ายุนอาให้มากขึ้นอีก
และมันได้ผลเมื่อยุนอาลากปลายนิ้วผ่านรอยแยกกลีบเนื้อนุ่มตรงกลางกายโดยไม่ใส่ใจกับชั้นในตัวบางของแทยอน
แต่นั่นก็ทำให้ยุนอารับรู้ได้ทันทีว่าเธอไม่ควรทรมานแฟนสาวของเธอไปมากกว่านี้แล้ว
เพราะของเหลวอุ่นๆลื่นๆที่ถูกหลั่งออกมาจากร่างเล็กนั้นมันมากมายเสียจนชื้นแฉะไปทั่วบริเวรนั้นมันบ่งบอกทุกอย่างว่าแทยอนต้องการเธอมากแค่ไหน
ใบหน้าหวานผละจูบออกมาครางเสียงกระเส่าเมื่อถูกปลายนิ้วของอีกฝ่ายสะกิดย้ำๆบนปุ่มเนื้อนูนที่ไวต่อความรู้สึก
แทยอนยกเรียวขาขึ้นไปพาดขาเรียวยาวของสูงยุนอาที่ชันเข่าไว้รออยู่ก่อนแล้วเพื่อเปิดทางให้ร่างสูงนั้นได้ลุกล้ำเข้ามาในร่างกายของเธอได้ง่ายขึ้น
ยุนอากดปลายนิ้วเรียวยาวสอดใส่ลึกเข้าไปในช่องทางร้อนชื้นของแทยอนจนสุดโคนแล้วกวาดวนไปมาอยู่ในนั้น
จนแทยอนครางเรียกชื่อเธอเสียงกระเส่าปนแหบพร่าราวกับว่าคนตัวเล็กนั้นแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงหลงเหลืออยู่
ความเสียวมันแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายจนมือเล็กที่เคยลูบไล้ส่วนกลางกายของคนด้านหลังนั้น
ต้องดึงกลับมาเปลี่ยนเป็นกำข้อมือเรียวที่สร้างความเสียวซ่านนั้นให้เธอจนแน่น
"ยุนอา~"
เสียงครางของร่างเล็กนั้นยังคงสามารถทำให้เจ้าของชื่อคลั่งได้แม้จะได้ยินมาจนนับครั้งไม่ท้วน
และครั้งนี้ก็เช่นกันยิ่งแทยอนครางเรียกชื่อเธอมากแค่ไหนยุนอาก็ยังคงอยากได้ยินมากขึ้นเท่านั้น
อุ้งมือเรียวถูกกดขยี้เข้ากับชิ้นเนื้อที่แข็งชูชันไปพร้อมกับการชักเรียวนิ้วเข้าออกในช่องทางรัก
แทยอนเริ่มครางไม่ได้ศัพท์เมื่อยุนอาเริ่มเร่งจังหวะเร็วขึ้นเรื่อยๆและไม่มีท่าทีว่าจะผ่อนลง
ส่วนนั้นของเธอถูกกระแทกเข้ามาย้ำๆเน้นๆ ร่างกายขมวดเกร็งเพราะความเสียวซ่านที่ร่างสูงมอบให้
มือเล็กเลื่อนมากำผ้าปูที่นอนตรงหน้าจนขาดวิ่น เมื่อความอัดอั้นภายในใกล้ถึงขีดสุด
"ยุนรักแทนะคะ ...รักมากๆเลย"
กระซิบคำบอกรักหวานหูเสียงพร่าเซ็กซี่แบบที่แทยอนแทบคลั่งตายออกไปก่อนจะใช้ฟันคมขบกัดใบหูนุ่มๆของคนอายุมากกว่าเล่น
ให้เจ้าของใบหูนั้นครางเสียงหลง ยุนอารู้ดีแทยอนชอบแบบไหนยังไง
นิ้วเรียวถูกงอขึ้นให้ได้องศาทั้งที่ยังคงชักเข้าออกอยู่ในช่องทางร้อนของแทยอนปลายนิ้วครูดกับผนังเนื้ออ่อนที่ชื้อแฉะอย่างเน้นย้ำ
เพียงไม่กี่อึดใจต่อมาร่างของแทยอนก็กระตุกเกร็งไปทั้งร่างพร้อมกับเสียงครางสุดท้ายก่อนจะเงียบไปเหลือเพียงเสียงหายใจที่แรงขึ้นกว่าปรกติ
ของเหลวมากมายไหลออกมาจากช่องทางร้อนที่กำลังตอดรัดนิ้วของยุนอาอย่างรุนแรง จนพาให้กางเกงยีนส์ที่ยังไม่ถูกถอดออกไปนั้นชื้อแฉะไปด้วย
"แทก็รักยุนค่ะ รักมากๆเลยด้วย อื้ม~"
แทยอนหันไปบอกรักเสียงหวานแต่ก็ต้องหลุดครางออกมาอีกเมื่อยุนอาขยับอุ้งมือเล็กน้อย
เพื่อจะถอนเรียวนิ้วออกมาจากช่องทางร้อนของเธอ แล้วลากผ่านชิ้นเนื้อออกมาจากชั้นในตัวบาง
ยุนอายกนิ้วขึ้นมาดูดกลืนของเหลวจากร่างเล็กจนหมดก่อนจะกดปลายจมูกลงบนแก้มนุ่มของคนด้านหน้าอย่างรักใคร่
แทยอนพลิกตัวหันหน้าเข้าหาอีกฝ่ายมือเล็กถูกยกขึ้นลูบไล้โครงหน้าเรียวสวยของยุนอาอย่างหลงใหล
ดวงตาก็ไล่สำรวจใบหน้าที่ชวนให้เธอหลงใหลได้อย่างไม่มีเหตุผล
...เธอมันเพอร์เฟค...
ยิ่งทุกอย่างในความเป็นยุนอาตอกย้ำว่าร่างสูงตรงหน้านี้ไร้ที่ติมากแค่ไหนหัวใจของแทยอนก็ยิ่งอ่อนไหวมากขึ้นเท่านั้น
"ยุนอาพี่ไม่ใช่คนด..."
ยังไม่ทันที่ร่างเล็กจะเอ่ยจบยุนอาก็ประกบเรียวปากเข้ากับส่วนเดียวของแทยอนทันที
รู้ว่าแทยอนจะพูดอะไร แต่ก็เพราะรู้ไงถึงได้ไม่อยากฟัง กลีบปากบดเบียดอย่างหนักหน่วงจนแทยอนสามารถรู้ได้เลยว่ายุนอาไม่พอใจ
"อย่าพูดว่าพี่ไม่ดี อย่าพูดออกมาให้ยุนได้ยินอีกได้ไหมคะ เพราะสัมหรับยุนแล้ว พี่แทยอนของยุนดีที่สุด เข้าใจไหมคะ"
เมื่อผละจูบออกมายุนอาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังพลางสบลึกเข้าไปในดวงตาตาสีน้ำตาลอัลมอนด์ของคนตัวเล็ก
เพื่อให้อีกฝ่ายมั่นใจว่าเธอคิดและรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
แทยอนที่ได้ยินอย่างนั้นก็นิ่งไปความรู้สึกจุกอย่างบอกไม่ถูกเหมือนว่ามันกำลังแล่นไปทั่วร่างกาย ยุนอาที่ดีมากและเชื่อมั่นในตัวเธอมากขนาดนี้
แต่ทำไมแทยอนถึงยิ่งกลับรู้สึกแย่ลงไปอีก ไม่ได้รู้สึกแย่เพราะยุนอาแต่รู้สึกแย่เพราะตัวเอง
ทั้งที่ผ่านมาแทบจะนับครั้งได้เลยเวลาที่เธอบอกยุนอาว่าติดธุระอื่นมีประชุมบลาๆเรื่องทางร้านนั้นมีความจริงแค่ไม่กี่ครั้ง
ส่วนที่เหลือน่ะเหรอ... มันก็แค่ข้ออ้างก็เท่านั้นเอง...
From Writer...
ซะแว๊บบบบบ มาเสริฟแล้วอีกหนึ่งแชปปป ฮ๊อยยย
พยายามอย่างหนักที่จะไม่ดอง กร๊ากกกก
สัมหรับแชปนี้ค่อนข้างที่จะไม่ทิ้งปลม (มั้ง)
แต่ยังคงคอนเซ็ป สับสน ฮี่ฮี่
ตอนที่เจสสิก้ายอมรับว่าเคยบอกความสัมพันธ์ระหว่างแทงกูและแทยอนนั้น อ้างอิงมาจากแชป XVIII [18] นะคะ
ช่วงที่ยุนอาอาบน้ำอยู่แล้วนึกย้อนกลับไป นั้นล่ะ
ปล.อย่าลืมนะคะเรื่องนี้ไว้ใจใครไม่ได้แม้กระทั่งไรท์เตอร์ หึหึ
ปล.2แต่บีมคิดว่าการอ่านท๊อกอาจจะช่วยให้รีดเดอร์เข้าใจมากขึ้น (มั้งคะ) >\\\<
ปล3.เรื่องนี้เชื่อเจสสิก้าจะไม่ผิดหวังค่ะ
ปล4.สำหรับเรื่องคำผิดนะคะยังมีอยู่อีกเยอะแยะ 5555+ บางคำบีมก็ตั้งใจใช้วิบัติเพื่อสื่อถึงอารมณ์ตัวละคร
แต่บางคำก็อาจจะพลั้งมือพิมพ์ผิดไป 555+ ขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยนะคะ แฮ่
ขอให้มีความสุขกับฟิคร่าา
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment