Chapter XI
"ถ้างั้นฉันคงไม่ยอมให้เธอกอดหรอกจริงมั้ย ฉันรำคาณอย่างอื่นต่างหากล่ะ ไปเหอะ"
พูดจบก็จับให้ร่างบางยืนดีดีแล้วก็เดินนำเข้าไปในจุดพัก เพราะเอาจริงๆแล้วแทงกูเองก็ไม่ได้ความความแปรปรวนของตัวเองสักเท่าไร ทุกครั้งที่รู้สึกเบื่อเหนื่อยหน่ายนั้นส่วนใหญ่แล้วก็มาจากความคิดความรู้สึกที่ไม่ตรงกันเสียมากกว่า
ทิฟฟานี่ก็ได้แต่รอบยิ้มแล้วเดินตามเค้าไป
นี่คือความน่ารักของคนตัวเล็กที่เธอรู้จักอย่างนึง และเธอคิดว่าเสน่ห์ของเค้ามันอยู่ตรงที่คำพูดและการกระทำตรงกันเนี่ยแหละ
เดินเข้ามาก็ไม่พ้นจะโดนยูริจิกแขวะอีกนั่นแหละแต่เอาเหอะอย่างน้อยแทงกูก็ชวนเธอเข้ามา
ร่างบางนั่งลงข้างๆคนตัวเล็กที่นั่งกระดกแชมเปญอยู่นั่นแล้วก็ต้องแอบพ่นลมหายใจออกมาเบาๆเมื่อเห็นร่างบางอีกคนเดินเข้ามาเธอได้ยินเจสสิก้าพูดกับแทงกูว่านี่พูดจริงเหรอเนี่ย ทิฟฟานี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่เจสสิก้าน่าจะหมายถึงเธอแทงกูพยักหน้าตอบ
"แบบนี้ฉันคงหมดค่าแล้วสิ"
ทิฟฟานี่รอบยิ้มที่เห็นเจสสิก้าทำท่าเหมือนน้อยใจที่คนตัวเล็กมีเธออยู่ข้างๆแทนที่เค้า
อ้าวเฮ่ยย หน้าหวานหันขวับทันทีก็ไอ้คุณแทงกูเนี่ยมันดึงนังเจสสิก้ามานั่งตักหน้าตาเฉยเลยอ้ะ
นี่เห็นเธอเป็นอะไรห๊ะ หัวหลักหัวตอหรือไงกัน ทิฟฟานี่แทบสติแตกยิ่งเห็นแทงกูออดอ้อนเจสสิก้าว่า
บ้าเจสสิก้ามีค่ามากที่สุดสำหรับเค้าเสมอแหละ มือเรียวกำแน่นสะกดกลั้นอารมณ์หึงหวงไว้ให้ลึกที่สุด แทงกูเปิดโอกาสให้เธอกอดเค้า แต่เค้ากอดเจสสิก้าหมายความว่าไง
สองคนนี้ไม่ใช่เพื่อนกันหรือไงแล้วทำไมแทงกูต้องเอาหน้าไปซุกอยู่แถวซอกคอเจสสิก้าด้วย เธอจะทนไม่ไหวแล้วนะ ...เพื่อนสนิท?ต้องถึงเนื้อถึงตัวกันขนาดนี้เลยหรือไง
"คุณสองคนเป็นอะไรกันกันแน่คะ"
สุดท้ายก็ถามออกไปอย่างเหลืออดแม้รู้ตัวว่าไม่มีสิทธ์ออกอาการหึงหวงแทงกูก็เถอะ แต่เธอยอมเค้ามามากเกินไปแล้วนะ และถ้าทั้งหมดที่เธอพยามมาเพื่อคนที่มีตัวจริงอยู่แล้วแบบนั้นเธอทำให้เค้าไม่ไหวหรอกนะ แทงกูผละหน้ามามองหน้าเธอยิ้มๆ
..นั่นเค้าหมายความว่าไงกัน ร่างเล็กหันกลับไปถามร่างบางบนตักอย่างออดอ้อน
"เราเป็นอะไรกันเหรอ"
เจสสิก้าหันกลับมายิ้มให้แทงกู
"เป็นอะไรดีล่ะคะที่รัก"
ทั้งสองคนสบตากันหวานเยิ้มแล้วมือแทงกูนั่นน่ะโอบรัดเอวบางของเจสสิก้าไว้ซะแน่นเลย
ทิฟฟานี่รู้สึกอยากจะกรี๊ดใส่หน้าทั้งสองคนให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเสียตอนนี้อยากจะกระชากแทงกูขึ้นตบสักฉาดดูเหมือนเธอจะมัวแต่กรุ่นอารมณ์ขุ่นเคืองจนไม่รู้ตัวเลยว่ามีอีกร่างนึงยืนยิ้มส่ายหน้าเบาๆอยู่
"นี่เธอหึงพี่แทงกูเหรอ ทิฟฟานี่ ดูสิหน้าแดงเชียว ไม่เห็นเคยหึงฉันแบบนี้มั่งอ่ะ"
ร่างบางที่เพิ่งเรียกสติกลับมาได้ก็รีบหันขวับไปยังต้นเสียงทันที แล้วก็ได้เห็นว่าร่างสูงเพียวนั้นยืนอยู่ใกล้ๆนี่เอง ใบหน้าหวานจิ๊ปากใส่คนรักเก่าไปที
หันกลับมาเจสสิก้าก็ลุกไปไหนแล้วไม่รู้ ด้วยอารมณ์หึงหวงพาให้ทิฟฟานี่เผลอตวัดสายตาเคืองๆใส่แทงกู ร่างเล็กเห็นอย่างนั้นก็เลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถามเธอ
"กล้ามองฉันด้วยสายตาแบบนี้เหรอ"
ทิฟฟานี่ผงะไปเล็กน้อยแล้วก็ต้องเบือนสายหลบเค้าไปอีกทางแล้วถามตัดพ้อเค้าไป
"ก็คุณทำเหมือนฉันไม่มีตัวตน เหมือนฉันไม่มีความรู้สึก" แทงกูหัวเราะร่วนแล้วบอกเธอว่า
"ถ้าคิดจะหึงฉันก็ไม่ว่า แต่ถ้าจะหึงฉันกับเจสสิก้าเธอเองนั่นแหละที่จะอกแตกตาย"
ใช่สิ..แค่เมื่อกี้ก็ใกล้แล้วล่ะ เอ๊ะ!งั้นหมายความว่าเธอมีสิทธ์หึงแทงกู?
แต่คิดไปคิดมามันช่างเป็นประโยคที่แบบว่า...ถ้าเป็นคนอื่นพูดแบบนี้กับเธอ เธอคงเชิ่ดหนีไปแล้ว
คิดดูสิถึงเธอกับเค้าจะไม่ได้เป็นแฟนกันไม่ได้เป็นอะไรกันไปมากกว่าคู่นอน
แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าแทงกูก็รู้สึกกับเธอบ้างแหละไม่มากก็น้อย แต่เค้ากลับพูดมาเธอแบบนั้นราวกับว่าเธอไม่ได้มีค่าอะไรไปมากกว่าผู้หญิงไนท์ช็อตเลย บางทีก็อยากจะถามเค้าเหมือนกันนะว่าถ้าเธอไปเป็นของคนอื่นบ้างแเค้าจะว่ายังไงจะหึงหวงเธอบ้างมั้ย
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างห้ามไม่ได้ ...อะไรอีกล่ะมือนี่อะไรคะเลื้อยไปเลื้อยมาอยู่แถวๆเอวเธอเนี่ย ทิฟฟานี่ตวัดสายตามองหน้าเจ้าของมือเล็กที่มันเริ่มล่วงเกินเรือนร่างเธออยู่นั่น
แล้วก็แทบลืมหายใจ...เล่นขยิบตาส่งจุ๊บให้เธอระยะประชิดแบบนี้ตบหน้าเธอเลยดีกว่ามั้ย
กว่าทิฟฟานี่จะตั้งสติได้อีกครั้งก็เห็นว่าแทงกูก็ลุกเดินออกไปข้างนอกแล้ว
นี่เค้าเป็นคนอะไรของเค้าวะ... เฮ้อ
เชื่อมั้ยจนถึงวันนี้เธอยังเดาอารมณ์เค้าไม่ถูกเลย ถอนหายใจยาวๆให้ตัวเองไปทีพลางลุกขึ้นเพื่อจะเดินตามร่างเล็กไปแต่แรงฉุดที่ข้อมือทำให้ใบหน้าหวานหันกลับไปมองอีกคน จริงๆแล้วเธอไม่ชอบให้ใครมาแตะเนื้อต้องตัวเธอเท่าไร เพราะตอนนี้ในที่นี้เธอคิดว่าก็มีแต่คนของแทงกูหมดเลยต้องพยามใจเย็นไว้ เดี๋ยวจะเผลอทำอะไรตามใจตัวเองออกไปและสุดท้ายมันก็อาจจะทำให้แทงกูไม่พอใจเธออีก
มองใบหน้าสวยเจ้าของมือบางแล้วก็ชะงักเล็กน้อยเพราะเธอไม่คิดว่าจะเป็นเจสสิก้า
เจสสิก้าส่ายเบาๆก่อนจะปล่อยข้อมือเธอ
"ถ้าจริงใจกับเค้าก็อย่าทำให้เค้าไม่พอใจแทงกูขี้รำคาณมากนะ เค้ายอมได้ขนาดนี้ แสดงว่าเธอพิเศษจริงๆอย่าทำให้เค้าผิดหวังล่ะ"
เจสสิก้ายิ้มบางๆให้เธอแล้วเดินกลับเข้าไปนั่งลงข้างๆยุนอา
เธอไม่รู้ว่าเจสสิก้าบอกเธอทำไม แล้วมันหมายความว่าไงที่เค้าบอกว่าแทงกูยอมได้ขนาดนี้ นี่เรียกว่าเค้ายอมแล้วงั้นเหรอ?? เหอะคอยดูแล้วกันเธอจะทำให้เค้ายอมเธอขึ้นมาจริงๆให้ดู
เจสสิก้าและยุนอานั่งมองทิฟฟานี่ที่เหมือนจะยังงงๆอยู่ที่เจสสิก้าเข้าไปพูดกับสาวเจ้าอย่างนั้น ก็ได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหน้าเบาๆ ถ้าทิฟฟานี่เอะใจสักนิดเค้าจะรู้และเข้าใจเองแหละว่าเจสสิก้าพยายามจะบอกให้ทิฟฟานี่เว้นระยะห่างจากแทงกูบ้างเท่านั้นเอง
จู่ๆแทงกูก็เดินมาบอกทิฟฟานี่ให้ออกไปข้างนอกกับเค้า หลังจากที่มีเหมือนจะมีโฟนเข้ามาหาแทงกู แล้วเค้าก็คุยอยู่ครู่นึงสีหน้าของเค้าก็เริ่มดูเครียดๆเหมือนหงุดหงิดไม่สบอารมณ์
จนสุดท้ายคนตัวเล็กก็เดินเข้ามาบอกเธออย่างนั้น
ทิฟฟานี่ก็ตามไปอย่างว่าง่ายเช่นทุกครั้ง แล้วร่างบางก็มานั่งขมวดคิ้วมองหน้าเค้าอย่างงงๆอยู่ในรถเนี่ย
จะถามก็ไม่กล้าเห็นเค้าอารมณ์ไม่ดีอยู่ แต่เส้นทางนี้มัน...อ่ะเฮ่ยมันทางมาโรงแรมXXXนิ
มีอะไรหรือเปล่าเพราะดูแล้วเค้าคงไม่ได้พาเธอมาเพราะหื่นแน่ๆ หรือว่ามีเรื่องอะไรงั้นเหรอ
พอจอดรถก็เดินตามเค้าเข้าไปในล๊อบบี้เห็นเค้าเดินไปคุยๆอยู่ที่เค้าเตอร์พักนึงเพยิดหน้าให้เธอเดินตามไป
ยืนอยู่ในลิฟท์เธอก็ยังงงไม่หายเค้าไม่เห็นให้เธอเข้าห้องตรวจอาวุธเลย
เดินมาถึงหน้าห้อง888ห้องเดิมที่เค้าเคยพาเธอมา มือเล็กผลักประตูเข้าไป ...อ้าวมันไม่ได้ล็อคอยู่เหรอ
หรือโดนงักห้อง...แน่ๆเลยว่ะ พอเดินเข้ามาในส่วนห้องนอนก็เจอพนักงานของโรมแรมยืนอยู่เต็มเลย
พวกพนักงานก็หันมาโค้งให้แทงกูแล้วก็เปิดทางให้คนตัวเล็กเดินเข้าไป นั่นไง..โดนจับล่ามโซ่อยู่นั่น
"เธอรู้จักหรือเปล่า"
แทงกูหันมาถามร่างบางข้างๆ..ห่ะอะไรวะแล้วทำไมกูต้องรู้จักมันอ่ะ ทิฟฟานี่หันกลับไปทำหน้าเอ๋อๆใส่แทงกูเชิงว่าทำไมถึงคิดว่าเธอจะรู้จักพวกมันล่ะ
คนตัวเล็กก็ถามย้ำอีกครั้งดูเค้าจริงจังมากขึ้นอีกหน้าหวานเลยหันไปมองหน้าพวกชายฉกรรทั้งสามคนชัดๆ
"ไม่รู้จักนะคะ"
เออใครอ่ะ..ทิฟฟานี่ได้แต่คิดวนไปวนมาทั้งเรื่องที่แทงกูคิดว่าเธอน่าจะรู้จักคนพวกนี้
แทงกูขมวดคิ้วแน่นขึ้นอีก ถึงแม้ว่าตอนนี้แทงกูจะยังใส่แว่นบดบังดวงตาสีฟ้าอยู่แต่ทิฟฟานี่ก็รู้สึกได้ถึงอารมณ์ข่นเคืองของร่างเล็กได้อย่างชัดเจน
"แน่ใจนะ"
อ่าวทำไมแทงกูทำอย่างกับว่าเธอเป็นผู้ต้องสงสัยอย่างงั้นแหละ ทิฟฟานี่พยักหน้ารับเพื่อยืนยันอีกครั้ง
ร่างเล็กเดินเข้าไปใกล้ชายหนุ่มทั้งสามคนที่โดนโซ่เหล็กสีเงินเงาพันรอบข้อเท้าและลำตัวไว้โดยที่แขนทั้งสองข้างของชายร่างใหญ่ถูกรวบไปไพร่หลังไว้
มือเล็กหยิบโลหะแท่งยาวแหลมคล้ายหอกออกมาจากเข็มขัด
แล้วกรีดเสื้อหนังของชายหนุ่มทั้งสามคนจนขาดลุ่ย แทงกูขมวดคิ้วแน่นขึ้นอีกเมื่อไม่พบตราประทับใดๆบนร่างชายหนุ่ม ปลายเรียวแหลมของโลหะแท่งยาวที่มือเล็กถืออยู่เริ่มไล่กรีดไปบนผิวเนื้อหยาบกระด้างของชายฉกรรคนนึงจนมีของเหลวสีแดงโกเมนไหลออกมาจากผิวกายที่ถูดกรีดจนแยกออกจากกันเป็นแผลเหวอะหวะเต็มไปหมด เสียงร้องโอดครวญสุดแสนทรมานเพราะความเจ็บปวดของชายร่างใหญ่คนนั้นที่ดังขึ้นเรื่อยๆนั้นมิอาจทำใจคนตัวเล็กใจอ่อนแต่อย่างใด
"ใครส่งแกมา"
แทงกูถามร่างใหญ่ตรงหน้าด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกราวกับไร้ความรู้สึกอื่นใดนอกเสียจากความแค้นเคือง
มือเล็กยังคงไล่กรีดร่างท่อนบนของชายหนุ่มอย่าไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แทงกูเริ่มไล่ไปยังชายคนที่สองแต่คนนี้ปลายหอกเรียวแหลมไล่กรีดไปตามท่อนขายาวๆของเขา
"ฉันจะกรีดจนกว่าพวกแกจะพูดว่าใครส่งพวกแกมาและมาทำอะไร"
แทงกูพูดย้ำอีกครั้งแล้วจัดการกระแทกปลายแหลมของโลหะลงบนท่อนขาของชายคนที่สองจนทะลุเป็นช่องโหว่เมื่อหอกแหลมถูกชักกลับขึ้นมากลิ่นคาวของเลือดสดเริ่มกรุ่นไปทั่วทั้งห้อง
ทิฟฟานี่เดินไปยืนข้างๆเค้าหลังจากที่ยืนดูความเลือดเย็นของร่างเล็กอยู่พักใหญ่ แล้วถามสิ่งที่ค้างคาในใจออกไป
"ทำไมคุณถึงคิดว่าฉันจะรู้จักพวกมันล่ะคะ"
แทงกูหันมาเลิกคิ้วใส่เธอเล็กน้อยแล้วเพยิดหน้าให้พนักงานโรมแรมคนนึงซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นพวกหัวหน้าพนักงานอะไรแบบนั้นนะ
"คุณแทงกูใช้ห้องนี้แค่กับคุณทิฟฟานี่แค่คนเดียวครับ"
ห๊ะ..เรื่องจริงป้ะขอแอบดีใจหน่อยได้มั้ยเนี่ย
หลังจากที่ได้ยินชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าพนักงานพูดจบร่างบางก็เบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
"งั้น..ฉันพอจะเดาได้แล้วล่ะค่ะว่าใครส่งพวกมันมา"
หลังจากที่ติดสตั๊นอยู่หลายอึดใจร่างบางก็ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ในสมองทิฟฟานี่มีอยู่คนเดียวแหละ
"ใครล่ะที่เธอเดา"
แทงกูถามอย่างไม่ซีเรียสมากมือเล็กก็เลื่อนปลายแหลมของโลหะเรียวยาวไปบนใบหน้าของชายคนที่สามและเริ่มสะกิดเบาๆที่ปลายคางมนของเขาเพียงแค่นั้นของเหลวสีแดงข้นก็ไหลซึมออกมา
"ฉันเดาว่าแจจุงค่ะ"
พูดจบทิฟฟานี่ก็สังเกตุเห็นว่ามุมปากของคนตัวเล็กนั้นกระตุกขึ้นทันที
"จริงๆแล้วฉันก็คิดว่าหมอนั่นแหละ แต่ฉันอยากให้พวกมันยอมรับออกมา"
แทงกูย่อตัวลงใบระดับใบหน้าเค้าอยู่ในระดับเดียวกันกับใบหน้าของชายฉกรรทั้งสาทคน
"ใช่มั้ย!"
ร่างเล็กถามย้ำน้ำเสียงเย็นยะเยือกพร้อมจ่อปลายแหลมของโลหะไปที่ดวงตาของชายคนที่สาม
ทิฟฟานี่กัดปากแน่นมันหวาดเสียวนะเวลาได้เห็นอะไรแบบนี้อ่ะ ชายร่างใหญ่เริ่มมีอาการเลิ่กลั่กและกลอกตาไปทางเพื่อนๆตัวเอง
แทงกูยกคิ้วขึ้นข้างนึงกระตุกยิ้มมุมปากอีกครั้งแล้วกระแทกปลายแหลมเข้าที่ดวงตาของชายคนนั้นอย่างไม่ลังเลเสียงชายหนุ่มร้องออกมาเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวดแสนทรมานร่างใหญ่พยามดีดดิ้นเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการที่แสนทรมานดั่งขุมนรกนี้ แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะโซ่เหล็กเงิาเงาที่ใช้ผูกมัดร่างกายเขานั้นแข็งแกร่งและแน่นหนามากพอที่จะไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด
แทงกูขยับกลับไปยังชายคนที่สองแล้วทำแบบเดียวกัน
"ใช่มั้ย!"
สิ้นเสียงเย็นเยียบนั้นชายหนุุ่มก็รีบพยักหน้าทันทีจนร่างเล็กยกยิ้มอย่างพอใจ
"ไหนพูดชัดๆสิว่าใครส่งพวกแกมาแล้วมาทำอะไร"
แทงกูเปลี่ยนเป็นเอ่ยน้ำเสียงขี้เล่นราวกับว่าเค้ากำลังสนุกกับการได้ทรมานคนอย่างนั้นแหละ
"คุณแจจุงส่งพวกเรามาเพื่อติดกล้องในห้องนี้ครับ"
แทงกูขมวดคิ้วพลางหันมามองหน้าทิฟฟานี่
"หมอนั่นมันโรคจิตหรือไง"
ทิฟฟานี่เองก็ขมวดคิ้วยุ่งไม่ต่างจากแทงกูเท่าไรหรอก
"แล้วรู้อะไรมากว่านี้อีกหรือเปล่า"
เสียงหวานเอ่ยถามพวกนั้นไปอย่างข้องใจ
"พวกเราไม่รู้เรื่องระบบการทำงานของกล้อง แต่พวกเราคิดว่ามันเหมือนจะมีระบบเคลื่อนไหวตัวเอง"
ชายหนุ่มพูดอย่างรนๆแทงกูขมวดคิ้ว ...กล้องที่สามารถเคลื่อนที่เองได้งั้นเหรอ
"ตอนนี้กล้องที่พวกแกติดอยู่ไหน"
พอพวกมันบอกตำแหน่งมาปุ๊บเหล่าพนักงานโรมแรมก็รีบไปค้นดูตามจุดเหล่านั้นทันที
"หมดแล้วใช่มั้ย"
แทงกูถามอีกครั้งพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มส่วนสูง พวกมันก็พยักหน้ารัวๆ
ร่างเล็กเดินเข้าไปใกล้ร่างบางมากขึ้นอีก
"ที่รัก..เธออยากให้ฉันทำยังไงกับพวกมันดีคะ"
เฮ่ย..อารมณ์ไหนของเค้าวะมาเรียกเธอที่รักเนี่ยไหนจะมาพูดคะขาอะไรอีก ให้ตายเถอะ ถึงแม้จะยังสับสนปนงงอยู่ไม่น้อยกับอารมณ์ของคนตัวเล็กนี่แต่ร่างบางก็เหลือบไปมองไอ้บ้าพวกนั้น
..อึ๋ยแค่เห็นก็ขนลุกแล้ว ทิฟฟานี่เลยขยับไปกระซิบแทงกูเบาๆเธอไม่อยากให้ใครได้ยินว่าจะตอบคนตัวเล็กนี่ไปว่าอะไร ผละออกมาก็ฉีกยิ้มกว้างให้เค้าไป แทงกูยกยิ้มอย่างพอใจ
"งั้นฉันเลือกข้อแรกแล้วกันนะ"
ทิฟฟานี่พยักหน้ารับก็เค้าเลือกแล้วนิร่างเล็กหันกลับไปทางชายหนุ่มทั้งสาม
"ฉันไม่อยากให้พวกแกเสียเปรียบกันน่ะเหลือตากลับไปคนละข้างก็พอนะ"
ใบหน้าหวานยิ้มแห้งๆให้ชายทั้งสามไปเล็กน้อย ..ดูแทงกูพูดสิเหมือนจะใจดีเนอะแต่มันจะมาดูโคตรร้ายก็เพราะอีรอยยิ้มหวานๆหลังจากที่เค้าพูดจบด้วยน้ำเสียงหวานๆเนี่ยแหละ
ชายหนุ่มพยามออดอ้อนเว้าวอนขอความเห็นใจเค้าใหญ่เลยว่ะ...น่าสงสาร 555
"งั้น..แกถามเพื่อนแกดูสิว่ามันอยากให้แกสองคนเหลือตากี่ข้าง"
เออเค้าเข้าใจเล่นกับพวกมันเนอะเหมือนดูแล้วเหมือนเค้าจะสนุก
ฮ่อย..อันสามี(?)ของดิฉันนั้นช่างเลือดเย็น สุดท้ายอีพวกนั้นมันก็ทะเลาะกันเอง ก็เข้าใจอารมณ์อีคนที่เสียตาไปแล้วนะ เหมือนแบบประมาณว่า ไอ้ห่าตอนแทงกูจะเสียบตากูพวกมึงส่ายหน้ารัวๆไม่ให้กูบอกเค้า พอเค้าจะไปเสียบตามึงมั่งล่ะ อีเวร...บอกซะหมดเปลือก
สุดท้ายแทงกูก็รำคาณพวกมันที่มันมัวแตาทะเลาะถกเถียงกันอยู่นั่น เค้าก็เลยเดินมาจูบเธอทีนึงแล้วก็หันไปบอกพนักงาน "เก็บพวกมันเลยแล้วกัน" เออง่าย...มากกกก
"เชื่อมั้ยฉันเห็นตอนคุณเสียบตามันแล้วขนลุกเลยค่ะ"
ออกมาจากโรงแรมได้สักพักทิฟฟานี่ก็หันไปพูดกับแทงกู ก็มันจริงนี่นาถึงเธอจะเห็นคยตายต่อหน้าต่อตามาเยอะและฆ่าใครมาเยอะแต่เธอก็ไม่เคยทรมานใครแบบนี้นี่นา แทงกูหัวเราะร่วนแล้วหันมาพูดเสียงพร่า
"แล้วถ้าฉัน..เสียบเธอ"
"อร๊ายยคุณแทงกู พูดอะไรก็ไม่รู้ คนบ้า ...แล้วจะเอาอะไรเสียบล่ะคะ" อุ้ยเธอคิดดังไปป๊ะนั่นๆเค้ายกนิ้วขึ้นมากัดแล้ว
"มันก็ต้องอยู่ที่เธอจะให้เสียบอะไรนะ"
ปั๊ดโธ่แบบนี้เธอจะไปต่อยังไงเล่าโหยใช่ซี๊ ทิฟฟานี่เผลอกัดปากตัวเองเล็กน้อยเมื่อนึกถึงสิ่งที่เราพูดกันอยู่ตอนนี้ เอ๊ะ..นี่เธอกำลังรู้สึกอะไรกันแน่เนี่ย
"แล้วคุณอยากเสียบอะไรล่ะค่ะหึ้ม"
น่านนพูดเสียงกระเส่าๆจิกตายั่วๆตบท้ายด้วยกัดริมฝีปากใส่เค้าไปอีกที ไม่รู้แหละยังไงเธอก็ต้องยั่วให้เค้าคลั่งเธอจนถึงที่สุดให้มันคุ้มค่ากับการที่เธอยอมใช้ตัวเข้าแลก..
"แบบนี้ไม่น่ารีบออกเลยเนอะ"
แทงกูพูดพลางหันมาทำสายตาร้อนแรงใส่ด้วยอ้ะ อร๊ายยเห็นหน้าเค้าแล้วอยากเสียตัวเป็นบ้าเลยว่ะค่ะ
เฮ่ย!..นี่เธอคิดแบบนั้นออกไปได้ไงเนี่ยจะบ้าเหรอ...ทิฟฟานี่จะไปอยากเสียตัวให้เค้าทำไมกันเล่าโอ๊ยยอยากจะบ้าตาย
.
.
พอกลับมาถึงที่สนามแข่งแทงกูก็เดินเข้ามาในจุดพักเปิดเลนส์แว่นออกขณะที่ก้าวขาเดินฉับๆอยู่
สีหน้าของเค้าดูเคร่งเครียดมากราวกับคนละคนกันกับตอนที่อยู่บนรถเลยแหะ
ทิฟฟานี่ก็เดินตามเค้าไปจนถึงตรงที่เจสสิก้าและยุนอานั่งอยู่ เจสสิก้ารีบถามว่ามีอะไร สีหน้าดูแย่ๆ
"พรุ่งนี้ฉันแข่งแน่ๆใช่มั้ย"
ร่างเล็กเอ่ยถามอีกสองคนที่นั่งอยู่เพื่อความแน่ใจก่อนจะเอ่ยต่อ "มันคิดจะเล่นแบบนี้เลยสิ"ทิฟฟานี่มองนัยตาสีฟ้าครามแวววับประกายราวกับมีเปลวเพลิงปะทุอยู่ในนั้น
แทงกูกำลังโกรธ...
แทงกูตวัดสายตามองใบหน้าหวานที่มองหน้าเธออยู่เช่นกันโดยที่ยังไม่ได้กดเก็บความรู้สึกใดร่างบางดูจะหวั่นๆต่อสายตาเธออยู่หน่อยๆ แทงกูถามทิฟฟานี่ไป "จะอยู่ข้างฉันใช่มั้ย" ทิฟฟานี่ยังคงยืนยันคำตอบเดิมหนักแน่น
"ฉันอยู่ข้างคุณค่ะแทงกู"
ร่างเล็กก้าวเข้าไปประชิดร่างของทิฟฟานี่มากขึ้รเปลือกตาปิดลงบดบังความโกรธเกรี้ยวในดวงตาไว้
ประทับทาบริมฝีปากลงกับส่วนเดียวกันเบาๆแล้วผละออก
"ครั้งนี้ฉันก็เชื่อเธอ"
ปรือเปลือกตาขึ้นสบเข้ากับในตาสีโลหะที่ตอนนี้ดูหนักแน่นจริงๆ
ประกายสีฟ้าในแววตาให้ความรู้สึกคาดหวังในตัวคนตรงหน้านี้เหลือเกิน
มือเล็กแตะลงที่อกข้างซ้ายของร่างบางเบาๆเชิงว่ามีแค่สิ่งนี้ที่จะทำให้เธอเชื่อเค้า
แทงกูยิ้มบางๆให้ทิฟฟานี่ก่อนจะเดินไปหายูริที่เพิ่งเดินเข้ามาพอดีหลังจากแข่งเสร็จ
แทงกูคุยกับยูริอยู่พักใหญ่ก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกันโดยนัดแนะกันถึงวันพรุ่งนี้
ก็สรุปใจความได้ว่าไปรวมตัวกันที่คฤหาสน์ยูริก่อนแล้วค่อยวางแผนกัน
.
.
"ถอนตัว..ไม่ดีกว่าเหรอพี่ว่ามันจะเล่นเธอนะวันนี้"
"เอาน่า..อย่าห่วงฉันมากเลย ห่วงสิก้าดีกว่าน่ะ"
โบอารู้สึกหวั่นๆถึงรางไม่ดียังไงไม่รู้สิ แต่เจ้าตัวเล็กก็ยังยืนยันมาแบบนั้นเธอก็ไม่อยากขัดใจแทงกูมากเดี๋ยวสาวเจ้าจะระเบิดลงเสียก่อน
เข็มฉีดยาสามสี่หลอดถูกหยิบมาวางบนโต๊ะ แทงกูขมวดคิ้วมองหน้าหญิง"สาวสี่หลอดเลยหรือ"โบอาพยักหน้าช้าๆเน้นๆ ก่อนจะจัดการจรดปลายเข็มลงบนผิวเนื้อตรงกลางของตราประทับสีดำบริเวณอกข้างซ้ายโดยมีแทงกูช่วยรั้งเสื้อหนังสีดำเงาไว้ มือเรียวกดสารสีขาวขุ่นมีประกายลงไปในกล้ามเนื้อหัวใจ
ร่างเล็กเชิ่ดคางมนขึ้นปิดเปลือกตาลงสูดหายใจเข้าลึกๆ รับสารเคมีที่ถูกฉีดพ่นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในร่างกาย ความรู้สึกเหมือนมีสิ่งมีชีวิตกำลังวิ่งไปทั่วโสตประสาท
เจสสิก้าเดินที่เพิ่งออกมาจากห้องแต่งตัวพอเห็นก็รีบเดินเข้ามาช่วยปากก็เอ่ยถามคนตัวเล็ก
"ทำไมวันนี้ฉีดเยอะจังเนี่ย"
แทงกูเลยเพยิดหน้าเชิงว่าถามรายนั้น
โบอาจึงต้องอธิบายเหตุผลว่าเธอกังวนรู้สึกยังไงไม่รู้ก็เลยคิดว่ากันไว้ดีกว่าแก้
"งั้นให้ฉันนั่งรถไปด้วยมั้ยตอนแข่งน่ะ"
แทงกูเม้มปากแน่นก็จริงนะถ้ามีเจสสิก้าอยู่ด้วยก็จะอุ่นใจมากขึ้น แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็พุ่งเป้ามาที่เธอสองคนเต็มๆเลยสิ ถ้าตอนที่แทงกูแข่งแล้วเจสสิก้าอยู่ที่จุดพักพวกมันก็อาจจะแยกจู่โจมหรือไม่ก็เลือกจู่โจมที่ละเป้าหมายซึ่งเธอก็ภาวนาให้เป็นอย่างแรก
เมื่อโบอาฉีดสารให้แทงกูเสร็จโบอาก็ไปหยิบมาฉีดให้เจสสิก้าเหมือนกันสองสาวมองหน้ากันอย่างงงๆ
โบอาไม่เคยกังวนหรือกลัวขนาดนี้เลย หรือครั้งนี้มันจะเกิดอะไรขึ้นเหรอ คิดอยู่สักพักแทงกูก็บอกขอหลอดสารบางอย่างติดตัวไปด้วย
เธอตัดสินใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคนที่อยู่ในรถกับเธอต้องเป็นทิฟฟานี่ เธอจะยอมปล่อยให้ความไว้ใจที่ไม่แน่นอนอยู่กับเพื่อนได้อย่างไร และอีกอย่างเธอก็จะได้เห็นว่าจริงๆแล้วทิฟฟานี่เก่งแค่ไหนกัน
ส่วนเจสสิก้าก็ฝากโบอายูริและยุนอาดูแลก็ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะยังไงเจสสิก้าก็ฟื้นฟูบาดแผลได้
ก่อนจะออกมาแทงกูก็ทำให้โบอาและเจสสิก้าชะงักอีกครั้ง เมื่อเธอเลือกรถคันที่ปกติแล้วไม่ได้ไว้ใช้แข่ง โบอารั้งถามอีกที
"แน่ใจเหรอ" แล้วแทงกูตอบเหตุผลที่อีกสองคนคิดไม่ถึง
"คนที่นั่งข้างๆฉันต้องเป็นทิฟฟานี่และเพราะงั้นมันต้องเป็นรถคันนี้" โบอาขมวดคิ้วแน่นหลังจากที่ได้รับคำตอบจ่กคนตัวเล็ก
"หมายความว่าไงจะเชื่อคำทำนายงั้นเหรอ"
...'ฟิวส์ชั่น'..ปาฏิหารย์คนสองคน
รถสปอตคันหรูรูปทรงเล็กเปลียวดรีฟเข้าจอดที่หน้าคฤหาสน์ของยูริ
"ขอบคุณนะที่ยังไม่ขับชนบ้านฉัน"
ยูริแซวขึ้นทันทีที่ร่างเล็กก้าวลงจากรถพร้อมกับเงาแว๊บไปแว๊บมาของใครอีกคนก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ข้างๆเค้า
นี่ทิฟฟานี่มาดักรอแทงกูอยู่งั้นเหรอแล้วเจสสิก้าล่ะ โอ้นั่นไงดรีฟมาไม่ต่างกับเพื่อนเค้าเลย สองพี่น้องเห็นแล้วก็ต้องถอนหายใจเบาๆกับความซ่าบ้าระห่ำของคู่ซี้สองคนนี้
อ้าวแล้วนั่นใครอีกล่ะไม่เห็นเคยเห็นเลย ทั้งหมดหันไปยังร่างสูงเพียวที่มีผ้าหนังสีเงินเงาพันร่างกายส่วนบนของชายหนุ่มที่...เอ๊ะเค้าไม่ได้นั่งมาในรถนี่เค้ามาจากไหน?
เจสสิก้าเดินเข้ามาพร้อมร่างสูงเพียวมีผ้าสีม่วงเข้มปกปิดใบหน้าเสี้ยวล่างไว้
"นึกว่าจะมาไม่ทัน"
"ผมทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกครับคุณ.."
ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะเอ่ยจบแทงกูก็ตวัดสายตาใส่ทีทันแต่ก็ไวพอที่จะไม่ให้ใครจับสังเกตุได้
"เรียกเขาว่า เคบี ส่วนที่หน้าเขาขอปิดส่วนล่างไว้เนื่องจากมันคือรอยบาดแผลที่ยากเกินกว่าจะรักษา"
เจสสิก้าเอ่ยแนะนำให้ทุกคนรู้จักชายหนุ่มก่อนจะเริ่มไล่ชื่อแต่ละคนให้ชายหนุ่มรับรู้ "เอ๋นั่นใคร"
ร่างบางชี้นิ้วไปที่ร่างชายหนุ่มอีกคน คนนี้เขาไม่ได้มากับเธอแน่
"นั่นจุนซู พี่ชายซอฮยอน เขารู้จักพวกคุณหมดแล้วล่ะ"
ยูริเอ่ยแนะนำก่อนที่ชายหนุ่มจะโค้งให้ทุกคนตามธรรมเนียม แล้วเดินเข้ามาในวงล้อมกับทุกคนเพื่อรอฟัง
เหลียวซ้ายแลขวาไม่มีใครโผล่มาแล้วใช่มั้ย เมื่อเห็นว่าไม่น่าจะมีใครโผล่มาแล้วแทงกูจึงเริ่มบอกแผนการของตัวเองทั้งหมดที่เธอคิดไว้
ก่อนจะถามว่ามีใครอยากปรับเปลี่ยนตรงไหนมั้ย
"ถ้าเป็นแบบนั้นคนที่น่าห่วงก็คือคุณ..แทงกูสิ ให้ผมวิ่งตามรถคุณไปอีกแรงดีกว่านะครับ"
เคบีเสนอตัวซึ่งข้อเสนอของเขาทำให้คนอื่นๆที่เพิ่งเจอกันหันขวับมองหน้าเขาเชิงว่ามึงพูดอะไรออกมารู้ตัวป้ะ จะวิ่งตามรถของแทงกูที่ความเร็วไม่ต่ำกว่าสองร้อยห้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาแข่งเนี่ยนะหมอนี่ต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ
จนเจสสิก้าต้องอธิบายเสริมว่าเคบีสามารถวิ่งนำรถของแทงกูตอนแข่งเลยได้นะ แต่ถ้าถามถึงที่มาที่ไปของเขาน่ะเหรอเอาไว้ว่างๆเธอจะเล่าให้ฟังแล้วกัน สุดท้ายทุกคนก็ตกลงตามนั้นคือตอนที่แทงกูแข่งทิฟฟานี่นั่งไปด้วยและมีเคบีวิ่งตาม(แลดูอนาถ)
ส่วนเจสสิก้าก็อยู่ที่จุดพักโดยมียูริยุนอาและจุนซูคอยดูแล ก่อนจะไปยูริก็ให้ซอฮยอนไปเอาโฟนมาให้ครบทุกคนและได้บอกไว้ว่าจะใช้ไม่ใช้ก็ตามใจแต่พวกเธอจะเปิดไว้ตลอด หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไปยัง(สนามรบ?)ฟิลโคล
ออกรถมาได้สักพักทิฟฟานี่ก็เริ่มทนความสงสัยไม่อยู่เลยถามแทงกูไปว่า"ทำไมถึงใช้รถคันนี้"
ร่างเล็กหันมาสบตาเธอแว๊บนึงแล้วเค้าก็ยิ้มออกมาถามกลับว่า "เธอรู้เหรอ"
"ฉันแค่เคยๆได้ยินมานิดหน่อยน่ะค่ะ แต่ไม่ได้รู้เรื่องเยอะ ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะมีโอกาสได้นั่งโดยเฉพาะกับ..คุณ" แทงกูหัวเราะร่วนเมื่อได้ยินสิ่งที่ร่างบางพูดออกมา เค้าคงไม่รู้หรอกเหตุที่เธออยากจะใช้รถคันนี้กับเค้าน่ะ ว่าแล้วก็หันไปถามร่างบางอีก "เธอเชื่อหรือเปล่า"
"ไม่รู้จะเรียกว่าเชื่อได้หรือเปล่ากับอะไรที่ไม่เคยสัมผัสไม่เคยพบเห็น แต่จู่ๆมันก็มาปรากฎให้ฉันได้สัมผัส และฉันก็รู้สึกดีที่ได้แตะต้อง" กลีบปากขยับพูดแววตาก็สะท้อนมีแต่ภาพของคนตัวเล็ก
...ไม่ต่างกันเลย มือเรียวเผลอยกขึ้นสัมผัสใบหน้าของแทงกูแผ่วเบา..หลงใหล
รู้สึกตัวอีกทีแทงกูก็กุมมือเธอไว้อยู่บนใบหน้าตัวเอง เค้าหันมาสบตาเธอกลับเวลานี้แววตาสีฟ้าครามดูเข้มกว่าปกติหากแต่มิได้หม่องหม่นกลับวาววับใสดังเนื้อแก้วชั้นดีที่ตอนนี้มันสะท้อนเป็นใบหน้าหญิงสาวสวยราวกับนางฟ้าเทพทิดาลงมาโปรดดวงตาสีโลหะหวานคมกริบและเรือนผมสีแดงเพลิงช่างบ่งบอกถึงความร้อนแรง
"ถ้าเธอเชื่อ...มันก็ใช่...."
กลีบปากเรียวทาบทับลงกับส่วนเดียวกันแผ่วเบาแต่รู้สึกได้ชัดเจน
..แทงกูอบอุ่นได้ขนาดนี้เชียวหรือ
ผ่านไปชั่วโมงกว่าที่แทงกูตั้งพวงมาลัยขับเคลื่อนอัตโนมัต เค้ากำลังเอนเบาะนอนราบหลับตาพริ้ม บางทีก็นึกอยากจะวีนเค้านะเมื่อตอนที่อยู่คฤหาสน์ยูริยังดูเคร่งเครียดเรื่องทำสงคราม(เล็กๆ)อยู่เลย แล้วนี่เค้าดูจะสบายใจอะไรขนาดนั้นกัน
ทิฟฟานี่เผลอใช้สายตาโลมเลียร่างกายเค้าที่มีผ้าหนังสีดำเงาวับปกปิดไว้เฉพาะส่วน
ไล่จากใบหน้าของเค้าลงมาที่ลำคอจนหยุดอยู่ที่เนินอกที่มีช่วงตัดเป็นผ้าบางๆอยู่ระหว่างกลางเนินอก
ซึ่งสามารถมองทะลุเข้าไปได้จนเห็นผิวเนื้อขาวๆและเสี้ยวนึงของรอยไหม้เป็นรูปคล้ายของมีคมที่เป็นตราประทับนั้น...'เทะริฟฟิค' ปลายลิ้นก็ถูกส่งออกมาและเล็มริมฝีปากอวบช้าๆแล้วกัดกลีบปากล่างเอาไว้เพื่อข่มอารมณ์
...อะไรกันนี่เธอกำลังรู้สึกอะไรกันแน่น่ะทิฟฟานี่
พยามเลื่อนสายตาต่ำลงมายังหน้าท้องแบนราบที่โผล่พ้นเสื้อหนังสีดำเอวลอยรอยช่างตัดกับสีผิวสะท้อนแสงของเค้าเหลือเกินไล่ต่ำลงมาจากหลุมตรงกลางหน้าท้องจนมาถึงเข็มขัดสีเงินเงาคาดอยู่บนเนื้อผ้าหนังสีดำของกางเกงเอวต่ำ เธอเริ่มรู้สึกถึงความอัดอั้นของอารมณ์ตัวเองชัดเจนขึ้นเมื่อสายตาไล่ลงมาถึงต้นขาเรียวของร่างเล็กที่พ้นจากขอบชายกางเกงขาสั้น
เค้าชันเข้าขึ้นข้างนึงราวกับตั้งใจจะยั่วให้เธอโลมเลียขาอ่อนด้านในของเค้า ทิฟฟานี่พยามข่มเปลือกตาให้ปิดลงเธอเริ่มไม่อยากเห็นเค้าแล้วสิ ร่างบางสูดหายใจเข้าลึกๆพยามรวบรวมสติ
...เธอกำลังต้องการเค้าจริงๆงั้นเหรอ
"แทงกูคะ...คุณช่วยนั่งแบบเดิมได้มั้ย"
ร่างเล็กเปิดตาหันมาเลิกคิ้วใส่เธอข้างนึงแล้วขยับเปลี่ยนเป็นนอนตะแคงหันมาทางเธอแทนขยับแขนเล็กน้อยเพื่อใช้มือเท้าศีรษะไว้
..ให้ตายเถอะนี่เค้าจะยั่วเธอหรือไง ทิฟฟานี่จิ๊ปากอย่างขัดใจ เค้ายังมีหน้าจะมาถามเธอกลับอีกว่า ทำไมล่ะ พร้อมยิ้มยั่วที่ดูกวนประสาทเป็นบ้า
ทิฟฟานี่แทบจะกรี๊ดใส่หน้าเค้าไปอีกเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วไม่รู้
..นี่เวลาอยู่กับใครที่เราต้องยอมเค้าทุกอย่างเนี่ยมันเก็บกดขนาดนี้เลยเหรอ
ไม่นานร่างเล็กก็หัวเราะออกมายันกายขึ้นนั่งแล้วเอื้อมมือมาลูบเรือนผมเธอสองสามทีแล้วก็ดึงไปจูบ
บอกตบท้าย ว่าแกล้งเล่นแค่นี้ทำงอนเป็นเด็ก แน่ะ...อารมณ์ไหนของเค้ามาทำตัวแบบนี้เนี่ย
มาถึงที่ฟิลโคลร่างเล็กปิดเลนส์แว่นแล้วนั่งทำใจอยู่ในรถที่จอดสนิทอยู่หลายอึดใจและทิฟฟานี่พอเข้าใจว่าถ้าเปิดประตูก้าวลงไปฮือฮาสนามแตกแน่
ยิ่งรถคันนี้และเค้าคนนี้มากับเธอคนนี้ และเป็นคนเดิมที่ประชาชีแช่งกันมันส์ปากว่าจะโดนแทงกูฆ่าทิ้งเมื่อไร เอาน่ะ แทงกูไม่ฆ่าเธอหรอก..หึ๊ย
ไม่นานรถคนอื่นๆก็มาจอดเทียบ เออลงไปพร้อมๆกันเนี่ยแหละไม่เป็นเป้าสายตาดี (เหรอ)
โอ๊ยย..แทงกูแทบจะมุดหน้าซุกเข้าหายุนอาที่เพิ่งลงจากรถของยูริมาเหมือนกัน (เนียนเนอะ) เสียงงดังกว่าที่คิดไว้เยอะ
ยุนอาเลยวาดแขนโอบเอวเล็กเชิงแกล้งคนดูให้งงเล่นแต่ก็ยังมีคนกรี๊ดกกร๊าดกันไม่หยุด ว่าแล้วก็พาแทงกูเดินเข้าไปทั้งอย่างนั้นนั่นแหละ(นี่ก็เนียนตอบ)
เข้ามาถึงร่างเล็กก็ไม่วายจะโดนแซวอีกว่านั่นแหละสมน้ำหน้ากระแดะเอาฟิลชั่นมาเดี๋ยวหน้าแรกอีกอ่ะ(ลงข่าวในเว็บหน้าแรก) พวกเธอเคยไม่อยู่ ณ หน้านั้นด้วยเหรอ ไหนๆก็อยู่และอยู่มันไปตลอดเลยแล้วกัน 555+ไม่รู้เว็บมาสตอร์คิดอะไรอยู่ถึงได้ทำอย่างกับเป็นเว็บข่าวซุบซิบดารากันงั้นแหละ ทั้งๆที่มันไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย
นั่งอยู่พักใหญ่แทงกูก็รู้สึกยังไงๆแปลกๆเลยทำเป็นเดินออกไปทักทายแฟนๆ
และเหมือนทุกครั้งเจสสิก้าก็เดินตามไปยืนอยู่ห่างๆ
เหมือนร่างเล็กยืนคุยกับใครอยู่ บ้าคุยกับใครล่ะแฟนๆไม่ได้ยินหรอกเธอคงคิดไปเองแหละ
แล้วก็ต้องหันมาอีกทาง
เมื่อรู้สึกว่ามีใครมายืนอยู่ข้างๆ "เค้าชอบแบบนี้มากกว่าสินะ" เจสสิก้าพยักหน้าช้าๆ
แล้วเจสสิก้าก็ต้องหันขวับกลับไปมองยังร่างเล็กเมื่อได้ยินเสียงเค้าเรียกชื่อเธอ แล้วกวักมือให้เดินเข้าไป
เค้ายัดบางอย่างขนาดเล็กใส่ในมือเธอไว้แล้วบอกเพิ่งได้มาก่อนจะโชว์ในมือตัวเองให้ดูว่าเค้าก็มีอันนึง
ร่างบางขมวดคิ้วก้มลงมองอย่างชั่งใจ มันคุ้นๆเหมือนเคยเห็น..หินพลอยสีแดง..
เฮ่ยยนี่มันน..'Red Spinel'
"เธอได้มันมาจากไหนน"
รีบหันไปถามคนตัวเล็กด้วยสีหน้าตื่นเต้นสุดพลัง จนแทงกูหัวเราะร่วนอย่างอดไม่ได้ "เดี๋ยวเล่าให้ฟัง"
นั่งรอเวลาจนมาถึงคู่สุดท้ายเสียที
แทงกูและทิฟฟานี่นั่งอยู่ในรถที่จอดนิ่งยังจุดสตาร์ท ไม่นานรถคู่แข่งเคลื่อนมาจอดเทียบทั้งสองฝ่ายลดกระจกลงทักทายกันเล็กน้อยตามมรรยาท ระหว่างรอสัญญาณเริ่มการแข่งแทงกูจัดการเซ็ทค่าเครื่องยนต์ให้เรียบร้อย ดีหน่อยที่สนามแข่งที่นี่มันเป็นเส้นทางแบบที่ร่างเล็กถนัดซะส่วนใหญ่
ปัง!!
รถทั้งสองคันพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง ดูแทงกูจะสบายๆไม่ได้เครียดมากเรื่องแข่งวันนี้
จะเครียดก็แต่จะโดนจู่โจมในรูปแบบไหนตอนไหนมากกว่า
เธอปล่อยให้คู่แข่งขับนำอยู่โดยที่เธอเองก็ไม่ได้ทิ้งระยะห่าง มือเล็กแตะปุ่มสีเขียวเข้มบนแผงควบคุม ก่อนจะมีหน้าจอกราฟวงกลมขนาดไม่ใหญ่มากพลิกออกมา
ทิฟฟานี่หันไปถามอย่างไม่ซีเรียสมาก
"นี่ใจคอไม่คิดจะสนใจการแข่งเลยหรือไงคะ" แทงกูหัวมาหัวเราะเบาๆ "เป็นเธอจะเลือกอะไรล่ะระหว่างชีวิตกับชนะแค่รอบคัดเลือกน่ะ" นี่ทิฟฟานี่คิดว่าแทงกูจะเป็นคนชอบเอาชนะจนบ้าคลั่งเสียอีกนะเนี่ยดูจากวันที่เค้าทรมานชายฉกรรสามคนนั้นแล้วน่ะ
ขับจี้คู่แข่งมาสักพักแทงกูก็เริ่มหงุดหงิดไม่ใช่อะไรคือมันเร็วกว่านี้ไม่ได้เหรอ
นิ้วโป้งกดปุ่มที่พวงมาลัยเพื่อดูแผนที่สนาม
อ่า....ใกล้จะถึงกลางสนามแล้ว แทงกูจึงหันไปถามร่างบางข้างๆว่า
"โฟนที่ยูริให้ไว้ยังอยู่หรือเปล่าลองเปิดมันแล้วถามทางนั้นดูทีสิ"
พูดจบมือเล็กก็แตะกรอบแว่นเพื่อปรับเลนส์ให้ตรงตามประสงค์แล้วกวาดสายตามองไปรอบๆทิศทาง
"ทางนั้นถูกจู่โจมอย่างหนักแต่ยังรับมือไว้ได้ไม่มีอะไรหน้าห่วงเพราะยังไม่มีใครเจอตัวใหญ่มันเลย"
แทงกูคิดว่าถ้าตัวหัวมันไม่เข้าฝั่งนั้นก็อาจจะมาเข้าฝั่งนี้
เหลือบไปเห็นในหน้าจอกราฟวงกลมก็ต้องขมวดคิ้วอย่างขัดใจ
...ใครวะกล้ามาก แทงกูเรียกหาเคบีอยู่แว๊บเดียวเสียงชายหนุ่มก็ตอบกลับมา
แทงกูสั่งให้ชายหนุ่มวิ่งไปยังพิกัดที่เป้าหมายเพื่อดูว่ามันคนนั้นเป็นใครกัน
พร้อมกับเหยียบคันเร่งให้ลงจนมิดพุ่งแซงคู่แข่งไปอย่างภายในพริบตาเดียว
เธอไม่สนแล้วจริงๆว่าการแข่งจะเป็นยังไงแต่เธอต้องรีบทำมันจบให้เร็วที่สุด
มันกล้ามายืนลอยหน้าลอยตาคนเดียวแบบนี้งั้นเหรอ
มันจะหยามหน้าเธอเกินไปแล้ว เธอยอมไม่ได้เด็ดขาด ใจอยากจะโดดออกจากตัวรถมันเสียเดี๋ยวนี้เลย
เสียงเคบีดังมาแว่วๆ "อะไรวะ..พูดอะไร" ถามชายหนุ่มกลับไปด้วยอารมณ์ที่เริ่มหงุดหงิดขึ้นเพราะเธอฟังเขาพูดไม่รู้เรื่อง
กลับไปเม้นจิ้มที่รูปเลยค่ะ
From...Writer
อ๊ะเสียบอะไรดี 5555+
ตริงๆคลีนเวอร์กับดาร์กเวอร์ก็ต่างกันไม่มากหรอก แฮ่
แต่ถ้าใครอ่านดาร์กเวอร์ก็ออกจะจิ้นภาพแทงกูทรมานคนได้หน่อย 555+
ถึงขั้นนี้แล้ว แทงทิฟ น่าจะเรียกว่าสามีภรรยากัยได้แล้วมั้งเนอะ เอิ๊กสสส
เคบี..จำชื่อนี้ไว้บ้างนะคะเพราะเดี๋ยวหนุ่มคนนี้จะมามีบทบาทลึกลับซับซ้อน
กับแทงกูแทยอนและเจสสิก้า หึหึ ...
สังเกตุว่าแชปนี้จะมีส่วนที่คัทออกไปซึ่งจริงๆแล้วแชปก่อนหน้านี้ก็มีนั่นแหละแต่บีมไม่ได้เขียนบอกเฉยๆ ><"
ลืมง่ะ แฮ่
ปล.สำหรับเรื่องคำผิดนะคะยังมีอยู่อีกเยอะแยะ 5555+ บางคำบีมก็ตั้งใจใช้วิบัติเพื่อสื่อถึงอารมณ์ตัวละคร
แต่บางคำก็อาจจะพลั้งมือพิมพ์ผิดไป 555+ ขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยนะคะ แฮ่
ขอให้มีความสุขกับฟิคร่าา
No comments:
Post a Comment